เสด็จสวรรคต: คืนวันที่หก
พระราชอาญามิพ้นเกล้า ราษฎรไทยนั้นเป็นที่แน่นอนว่ายังคิดถึง ยังโศกเศร้า และระลึกถึงพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลตลอดไป แต่ พวกเรา "อเนกชนนิกรสโมสร" ก็อยากกราบแทบพระบาท ร่วมกับรัฐสภาและทางการ อัญเชิญใต้ฝ่าละอองพระบาทขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสืบราชสันตติวงศ์ต่อไปด้วย
ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ โพตส์บทความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว AnekLaothamatas เรื่อง เสด็จสวรรคต: คืนวันที่หก
--------
คืนนี้เป็นคืนที่หกนับแต่พระเจ้าอยู่หัวสวรรคต เสียงร้องไห้ยังดังระงมอยู่ทุกหนแห่ง โดยเฉพาะที่ท่ีมีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก เมื่อมีคนเริ่มร้อง คนอื่นๆ ก็จะครำ่ครวญหวลไห้ตาม เป็นปรากฏการณ์จิตวิทยาสังคม ที่ทำให้อารมณ์และความรู้สึกของผู้คนพุ่งขึ้นแรงเป็นทบเท่าทวีคูณ
คนไทยเศร้าไปด้วย คิดทบทวนถึงสิ่งที่ในหลวงทรงทำมาเจ็ดสิบปีไปด้วย และพูดคุยกันอย่างกว้างขวางว่า ไม่น่าเชื่อ ท่านทรงทำอะไรให้เรามากเป็นล้นพ้น แทบทุกคนอยากไปกราบพระบรมศพหรือ ไปอออยู่หน้าวังหลวง ไปจุดธูปเทียนแสดงความอาลัยและความเคารพรักต่อพระองค์ท่าน
สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ นั่นเอง ที่เกิดขึ้นเห็นชัด แต่ด้วยเหตุที่คิดพร้อมๆกันเป็นเรือนล้าน พลังแห่งความกตัญญูรู้คุณจึงก่อเป็นกระแสสูง มีคนทุกเพศวัยฐานะออกมาเป็นจิตอาสารับส่งผู้ที่จะเดินทางไปวังหลวง บริจาคและบริการอาหารน้ำ ที่พักที่นอน ให้เพื่อนร่วมชาติโดยเฉพาะที่มาจากที่ห่างไกล จากความเศร้าโศก"รวมหมู่" นั้น เราแปรเปลี่ยนเป็นความรักและห่วงใยต่อทุกคนที่รัก "พ่อ" คนเดียวกัน
ขณะนี้ งานพระบรมศพ ในความคิดของผม กลายสภาพเป็นงาน "ของ" ประชาชนไปด้วยไม่น้อย ซึ่งผมเห็นว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี พวกเขามีภาษา มีสำนวน มีราชาศัพท์ของ"ตนเอง" และยืนยันที่จะ"ใช้" หลายคนบอกว่าอยากพูด อยากเขียน อยากแสดงอะไรในใจออกมาให้ได้มากขึ้น ทั่วประเทศมีการแต่งกายไว้ทุกข์จริงจังและกวดขันให้คนอื่นแต่งด้วย ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่าควรหย่อนคลายลงบ้าง ให้คนอื่น ๆ แต่งกายไว้ทุกข์อย่างเป็นธรรมชาติด้วยเถิด พวกเขาไปร่วมงานพิธีธรรมตามแบบฉบับตนเองทุกคืน ไปอออยู่หน้าวังหลวงทั้งวันทั้งคืน
หลายคนไม่อยากให้ใครมารีบเก็บหรือถอดพระบรมฉายาลักษณ์ โดยอ้างแต่ธรรมเนียมประเพณีเดิม หลายคนไม่อยากเรียกพระเจ้าแผ่นดินที่เขาเทอดทูนว่า "พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ" เพียงเท่านั้น หลายคนพากันจุดเทียนรอบกำแพงวังหลวงเพื่อแสดงความอาลัยรักและเทิดทูนบูชา นี่ก็ช่างสวยงามและมีความหมาย และยังเป็น "นวัตกรรมทางสังคม" โดยแท้
ในหกคืนมานี้ เราได้เห็นโบราณราชประเพณี แต่ขณะเดียวกันก็ได้เห็น "นวัตกรรม" ที่ประชาชนคิดและทำขึ้นมาเอง ผสมผสาน คลุกเคล้าเข้าด้วยกัน ที่สำคัญ ได้เห็น"ทางการ" และ"ในวัง" รับรู้ และปรับเปลี่ยนผ่อนโอนกฏเกณฑ์ต่างๆ ให้ ทั้งยังชื่นชม ยอมรับในความริเริ่มหลายๆอย่างที่มาจากความรักและศรัทธาของประชาชน
เหนือสิ่งอื่นใด เป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชทรงหยั่งรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของปวงประชาชนเป็นอย่างยิ่ง จึงทรงทำในสิ่งที่ไม่เคยมีธรรมเนียมอีก คือยังไม่ให้ทูลเชิญพระองค์ขึ้นครองราชย์ ทรงมีพระราชปณิธานที่จะร่วมทุกข์ผ่านโศกกับประชาชนของพระองค์เสียก่อน
เมื่อคืนนี้ เรายังเห็นทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์สิริราชกัญญาเสด็จออกมาเยี่ยมเยือน และสนทนากับประชาชนอย่างไม่ถือพระองค์เลย ช่วงหนึ่งทรงมีรับสั่งว่า "เรามีพ่อคนเดียวกัน"
อย่างไรก็ตาม คนไทยนั้นก็ยังยึดมั่นในโบราณราชประเพณี อันตราไว้ในกฏมณเฑียรบาล และยืนยันเพิ่มเติมด้วยรัฐธรรมนูญว่าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชจะต้องเสด็จครองราชย์เป็นพระเจ้าอยู่หัวองค์ใหม่ เราไม่คุ้นเคยกับพระราชบัลลังก์ที่ว่างเปล่า มีแต่ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน อย่างแน่นอน
จึงในคืนที่หกนี้จะเป็นคืนที่น่าจดจำอีกประการหนึ่ง ด้วยว่าวันนี้ท่านนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช ได้แถลงให้ทราบทั่วกันว่าหลังจากงานพระบรมศพผ่านไป 7 วันหรือ 15 วัน แล้ว ไม่นาน ก็จะเริ่มกระบวนการอัญเชิญสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชขึ้นเป็นพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้รัฐธรรมนูญถาวรฉบับใหม่ด้วย
พระราชอาญามิพ้นเกล้า ราษฎรไทยนั้นเป็นที่แน่นอนว่ายังคิดถึง ยังโศกเศร้า และระลึกถึงพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลตลอดไป แต่ พวกเรา "อเนกชนนิกรสโมสร" ก็อยากกราบแทบพระบาท ร่วมกับรัฐสภาและทางการ อัญเชิญใต้ฝ่าละอองพระบาทขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสืบราชสันตติวงศ์ต่อไปด้วย
คืนนี้ คืนที่หก ก่อนหลับ ผมคงทบทวนถึงความมหัศจรรย์ในบ้านเมือง อันเป็นผลจากสถาบันพระมหากษัตริย์ได้หลอมรวมกับประชาชนอย่างสนิทแนบแน่น จะนึกถึงสถาบันที่รวมใจคนไทยทั้งมวลได้ดีอย่างน่าทึ่งตลอด 70 ปี ของรัชกาลที่เพิ่งจะสิ้นสุดลง คืนนี้คงจะหลับสนิท เพราะความสับสนในใจลดลงอีก เห็นชัดเจนแล้วว่าการสืบราชบัลลังก์กำลังจะเกิด รอไม่นานแน่ บ้านเมืองจะเดินหน้าต่อไป มีทิศทาง มีกำหนดเวลา และรัฐธรรมนูญใหม่จะประกาศใช้ได้ตรงตามกำหนดการหรือโร้ดแมพเดิม อย่างแน่นอน
ขอบคุณภาพประกอบบทความจาก : ข่าวสด
อ่านประกอบ :