เสด็จสวรรคต: คืนแรก
จากชาติที่โลกไม่สู้จะรู้จัก ไทยในรัชสมัยของพระองค์ กลายเป็นประเทศที่มีชาวต่างประเทศมาเยี่ยมเยือนมากเป็นอันดับ 6 ของโลก และมี 3 เมืองของเราที่อยู่ใน 25 เมืองของเอเชีย-ปาซิฟิกที่มีคนทั่วโลกมาเยือนมากที่สุด ชื่อเสียงไทยขจรขจายไปทั่วโลก
ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ โพตส์บทความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว AnekLaothamatas เรื่อง เสด็จสวรรคต: คืนแรก
--------
พระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับสู่สรวงสวรรค์ สิ้นแล้วในหลวงที่เคยเห็นมาแต่เกิดจนอายุ 62 เราคนไทยที่อายุไม่เกิน 70 ปีเป็นคนแผ่นดินเดียว ตราบถึง 15:52 น ของวันที่ 13 ตุลาคม 2559
ในรัชสมัยอันยาวนานของพระองค์ท่านไทยเราขยับจากประเทศยากจน ขึ้นมาเป็นประเทศรายได้ปานกลาง มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 22 ของโลก หากนับเป็นกำลังซื้อที่เป็นจริง
จากชาติที่โลกไม่สู้จะรู้จัก ไทยในรัชสมัยของพระองค์ กลายเป็นประเทศที่มีชาวต่างประเทศมาเยี่ยมเยือนมากเป็นอันดับ 6 ของโลก และมี 3 เมืองของเราที่อยู่ใน 25 เมืองของเอเชีย-ปาซิฟิกที่มีคนทั่วโลกมาเยือนมากที่สุด ชื่อเสียงไทยขจรขจายไปทั่วโลก
หากมองผลงานรัฐบาลเป็นคณะๆไป จะมองไม่เห็นภาพความเจริญยิ่งใหญ่ของประเทศ หากมองแต่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายคนไป จะนึกไม่ออกว่าไทยก้าวหน้ามาได้อย่างไร แต่หากมองให้เห็นว่าตลอดเวลาที่เราสับสน ปั่นป่วน ขัดแย้ง ต่อสู้ และวิพากษ์วิจารณ์ กัน บ่อยครั้ง อย่างหนัก นั้น ก็อยู่ใต้พระบรมเดชานุภาพ พระบุญญาบารมี และ พระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์ที่ทรงรวมใจไทยทั้งชาติได้หลายครั้งหลายครา ตลอดรัชสมัยอันยาวนานและต่อเนื่อง แหละนั่น คือคำตอบว่าประเทศไทยจริงๆแล้วก้าวมาไกลมากได้อย่างไรในรัชกาลที่ 9 ที่เพิ่งสิ้นสุดลง
ใจหายมากครับ ที่คืนนี้ เป็นคืนแรกที่จะนอนโดยไม่มีพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นั้นทรงปกเกล้าปกกระหม่อมอีกแล้ว ธ เสด็จสู่สวรรค์แล้ว หลังจากทรงงานอย่างหนักให้ชาติและประชาชนของพระองค์มาอย่างหนักพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศจะประทับอยู่ในหัวใจคนไทยไปตลอดกาล
เศร้าจริง แต่มองไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจในพระปรีชาบารมีของพระเจ้าแผ่นดิน รัชกาลที่ 10 เช่นกัน บัดนี้ ผมจะเริ่มเป็นคนสองแผ่นดินแล้ว และขอสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ทรงพระเจริญ ทรงปกเกล้าปกกระหม่อมพวกเราต่อไป