3 ปีที่รอคอย! 'สภาวิศวกร’สั่งถอนใบอนุญาตฯ ผู้คุมงาน-ออกแบบสะพานมรณะถล่ม

เขียนวันที่

วันจันทร์ ที่ 08 สิงหาคม 2559 เวลา 08:40 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

Tags

เผย 'สภาวิศวกร’ ส่งหนังสือถึงพ่อเด็กหญิงเหยื่อผู้เสียชีวิตเหตุการณ์สะพานสมโภชฯ 200 ปี จ.อยุธยา ถล่ม ระบุสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรม ‘อนุวัติ วิชัยโย-สันติธรรม สีนวนสกุลณี-วรพจน์ นุชิต’ 3 วิศวกรผู้ควบคุมการก่อสร้างและออกแบบสะพานฯ แล้ว

07859 ay brigde 00

จากกรณีเหตุการณ์สะพานสมโภชน์กรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี (เคเบิ้ลคนเดินข้าม) บริเวณ ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา พังถล่มลงเมื่อ 28 เม.ย. 2556 ที่เป็นเหตุทำให้บุตรสาววัย 10 ปีของ นายอนุนาท เสือสมิง เสียชีวิต โดย นายอนุนาทได้เดินหน้าเรียกร้องขอความเป็นธรรมยื่นหนังสือคัดค้านคำสั่งตัดสินลงโทษ ‘นายอนุวัติ วิชัยโย’ วิศวกรชำนาญการ ผู้ได้รับใบอนุญาตระดับภาคีวิศวกร นายช่างควบคุมงานก่อสร้างสะพานฯ ที่กรมโยธาฯ มีคำสั่งตัดสินลงโทษตัดเงินเดือน 4% เป็นเวลา 3 เดือน โดยขอให้เปลี่ยนคำตัดสินเป็นไล่ออก เท่านั้น

รวมถึง ได้ยื่นหนังสือต่อสภาวิศวกร ขอให้พิจารณาจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพวิศวกรรมของ นายอนุวัติ วิชัยโย, นายสันติธรรม สีนวนสกุลณี วิศวกรผู้ควบคุมงานก่อสร้างสะพานฯ และนายวรพจน์ นุชิต วิศวกรผู้ออกแบบสะพานฯ 200 ปี ด้วยนั้น

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รับแจ้งว่าจาก นายอนุนาท เสือสมิง ว่า เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2559 นายอมร พิมานมาศ เลขาธิการสภาวิศวกร มีหนังสือแจ้งผลพิจารณาจรรยาบรรณของวิศวกร ถึงนายอนุนาท ระบุสาระสำคัญว่า สภาวิศวกร โดยคณะกรรมการจรรยาบรรณได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว จึงได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาด ดังนี้

ให้ลงโทษเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมของนายอนุวัติ วิชัยโย เลขทะเบียน ภย.39332 และ นายสันติธรรม สีนวนสกุลณี เลขทะเบียน ภย.26146 ในความผิดตามข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพวิศวกรรม และการประพฤติผิดจรรยาบรรณอันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิแห่งวิชาชีพ พ.ศ. 2543 ข้อ 3 (2) ซึ่งบัญญัติว่า “ต้องปฏิบัติงานที่ได้รับทำอย่างถูกต้องตามหลักปฏิบัติและวิชาการ” และข้อ 3 (7) ซึ่งบัญญัติว่า “ไม่ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมเกินความสามารถที่ตนเองจะกระทำได้”

รวมถึง ให้ลงโทษเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมของนายวรพจน์ นุชิต เลขทะเบียน สย.6563 ในความผิดตามข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพวิศวกรรม และการประพฤติผิดจรรยาบรรณอันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิแห่งวิชาชีพ พ.ศ. 2543 ข้อ 3 (1) ซึ่งบัญญัติว่า “ไม่กระทำการใด ๆ อันอาจนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ” ข้อ 3 (2) ซึ่งบัญญัติว่า “ต้องปฏิบัติงานที่ได้รับทำอย่างถูกต้องตามหลักปฏิบัติและวิชาการ” ข้อ 3 (3) ซึ่งบัญญัติว่า “ต้องประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมด้วยความซื่อสัตย์สุจริต” และข้อ 3 (4) ซึ่งบัญญัติว่า “ไม่ใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบธรรม หรือใช้อิทธิพล หรือให้ประโยชน์แก่บุคคลใด เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับหรือไม่ได้รับงาน”

และให้ยกข้อกล่าวหานายวรพจน์ ในความผิดข้อ 3 (7) ซึ่งบัญญัติว่า “ไม่ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมเกินความสามารถที่ตนเองจะกระทำได้” เนื่องจาก ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏพฤติการณ์หรือพยานหลักฐานใดที่แสดงให้เห็นว่า นายวรพจน์ได้กระทำอันมีลักษณะเป็นการประกอบชีพเกินความสามารถที่ตนเองจะกระทำได้ แต่อย่างใด ทั้งนี้ หากประสงค์จะโต้แย้งคำสั่งของคณะกรรมการฯ ให้ทำคำฟ้องเป็นหนังสือยื่นต่อศาลปกครองภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งหนังสือฉบับนี้

ขณะที่ นายอนุนาท บิดาเด็กหญิงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศราว่า “3 ปีแห่งการรอคอย หลังจากผมได้ยื่นเรื่องตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย. 2556 วันที่ 2 ส.ค. 2559 ที่ได้ผลสรุปอย่างตรงไปตรงมา ตามข้อมูลข้อเท็จจริงที่มีอยู่จริง ตาม พ.ร.บ.วิศวกรปี 2542 โดยสภาวิศวกรแจ้งว่าผิดทั้ง 3 คน และลงโทษสูงสุด คือ เพิกถอนใบอนุญาต ถือว่า สภาวิศวกรปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ตามประกาศ คสช.ที่ 63/2557 และ 69/2557 ที่ผมใช้อ้างในการติดตามเรื่องครับ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุวัติ และนายสันติธรรม เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตฯ ระดับภาคีวิศวกรรม ซึ่งไม่สามารถควบคุมการก่อสร้างสะพานที่มีช่วงระหว่างศูนย์กลางตอม่อช่วงใดช่วงหนึ่งยาวเกิน 12 เมตรได้ โดยกรณีสะพานดังกล่าวนี้ต้องใช้ผู้ได้รับใบอนุญาตฯ ระดับสามัญวิศวกร ในการควบคุมการก่อสร้างโครงสร้างสะพาน

07859 ay brigde 01