ปัดแจง 'หัวคิว' ปุ๋ยบุรีรัมย์! เปิดคำให้การ หจก.ดีสิงห์ฯ ผู้ฟ้องเกษตรกรเบี้ยวเงิน 40 ล.
ข้อมูลอีกด้าน! เปิดตัว 'หจก.ดีสิงห์ทวีโชค' ฟังคำให้การ 'เจ้าของ' ยันไม่เคยฉ้อโกงกลุ่มเกษตรกร รับทำธุรกิจเสนอขายสินค้าผ่าน อบจ.ตามปกติ - เผยจำใจฟ้องร้อง ไม่งั้นขาดทุนยับกว่า 40 ล้าน ยันบริสุทธิ์ มีเอกสารหลักฐานพร้อม
"การกระทำของบริษัทปุ๋ยดังกล่าว ถือเป็นการปกปิดข้อเท็จจริง เพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สิน คือ เงินค่าปุ๋ยจากกลุ่มเกษตรกร ที่ลงชื่อในเอกสารใบสั่งซื้อและเอกสารใบรับสินค้าอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ประชาชนตามกฎหมาย แต่ในทางตรงกันข้าม บริษัทปุ๋ยกลับฟ้องร้องดำเนินคดีกับกลุ่มเกษตรกร และเท่าที่ทราบปัญหาลักษณะนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะใน อ.โนนสุวรรณ เท่านั้น แต่ยังเกิดในอีก 3 อำเภอ คือ นารอง ปะคำ หนองหงศ์ รวมจำนวนเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบกว่า 1 หมื่นรายด้วย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา กลุ่มฯ ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และนายกรัฐมนตรี ให้เข้ามาช่วยเหลือด้วย"
คือ คำยันยืนของตัวแทนกลุ่มเกษตรกรใน อ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ ที่ให้กับสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีประสบปัญหาการเข้าร่วมโครงการส่งเสริมอาชีพของคนบุรีรัมย์ ปี 2555-2558 และโครงการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ปี 2555 ซึ่งมีลักษณะแจกจ่ายสินค้าปุ๋ยให้กับสมาชิกกลุ่ม โดยเป็นการให้เปล่าเหมือนเช่นทุกปี ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) บุรีรัมย์
แต่ในการดำเนินงานโครงการปี 2558 เกิดมีปัญหาถูกฟ้องร้องจากบริษัทเอกชนผู้จำหน่ายสินค้า ที่เข้ามาติดต่อขายสินค้าตามคำแนะนำของ สำนักงานเกษตรอ.โนนสุวรรณ และอบจ.บุรีรัมย์ เนื่องจากไม่มีเงินชำระค่าสินค้า เพราะทาง อบจ.บุรีรัมย์ ไม่ได้รับอนุมัติงบประมาณจากทางจังหวัด บุรีรัมย์ ทำให้เกษตรกรในพื้นที่ อ.โนนสุวรรณ และอีก 3 อำเภอคือ นารอง ปะคำ หนองหงศ์ ได้รับผลกระทบจากกรณีนี้นับหมื่นราย
(อ่านประกอบ : 'ผอ.'พัวพันปุ๋ย อบจ.บุรีรัมย์ ลาออกปริศนา!เกษตรกรถูกฟ้องทวงหนี้หมื่นราย)
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าข้อมูลสำคัญประการหนึ่ง ที่ยังไม่ถูกเปิดเผยออกมาสำหรับกรณีนี้ คือ เอกชนที่เข้าไปจำหน่ายปุ๋ย ให้กับกลุ่มเกษตรกรในอ.โนนสุวรรณ อ.นารอง อ.ปะคำ อ. หนองหงศ์ เป็นใครมาจากไหนกันแน่?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รับการยืนยันข้อมูลจาก ตัวแทนกลุ่มเกษตรกร ในพื้นที่ อ.โนนสุวรรณ ที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมอาชีพของคนบุรีรัมย์ ว่า เอกชนที่เข้ามาทำสัญญาขายปุ๋ย และฟ้องร้องดำเนินคดีกลุ่มเกษตรกร มีชื่อ ว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) ดีสิงห์ทวีโชค ตั้งอยู่ใน จ.ยโสธร
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า หจก. ดีสิงห์ทวีโชค จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2547 ทุนปัจจุบัน 3 ล้านบาท
ตั้งอยู่เลขที่ 548/1 ถนนแจ้งสนิท ตำบลในเมือง อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร
แจ้งประกอบธุรกิจจำหน่ายปุ๋ยอินทรีย์ เคมีชีวภาพ ยาปราบศัตรูพืช เมล็ดพันธุ์
ปรากฎชื่อ น.ส.ปิยะพร วงศางาม เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการผู้มีอำนาจ และผู้ถือหุ้นใหญ่
ล่าสุดนำส่งงบการเงินแสดงผลประกอบการธุรกิจ ณ 21 ตุลาคม 2558 แจ้งว่า มีรายได้รวม 29,936,129.32 บาท รวมรายจ่าย 29,045,077.92 บาท กำไรสุทธิ 802,393.63 บาท
ขณะที่ในช่วงบ่ายวันที่ 5 ส.ค.2559 น.ส.ปิยะพร วงศางาม ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ถึงกรณีนี้ ว่า หจก.ดีสิงห์ทวีโชค ได้เข้าไปขายปุ๋ยให้กับกลุ่มเกษตรกร ในพื้นที่ 4 อำเภอของบุรีรัมย์ และมีปัญหาฟ้องร้องกับกลุ่มเกษตรกรตามที่ปรากฎเป็นข่าวจริง
โดยปุ๋ยที่นำไปขายให้มีจำนวน 1 แสนกระสอบ ราคากระสอบละ 400 บาท แต่ยืนยันว่าเป็นทางการทำธุรกิจปกติไม่มีเจตนาที่จะหลอกลวงกลุ่มเกษตรกรให้มาซื้อสินค้าตามที่ถูกกล่าวอ้างแต่อย่างใด
น.ส.ปิยะพร ยังเล่าถึงขั้นตอนการเข้าไปขายสินค้าปุ๋ยให้กับกลุ่มเกษตรกร ว่า หจก.ของตน นำปุ๋ยมาจำหน่ายในพื้นที่บุรีรัมย์อยู่แล้ว สินค้าก็ผ่านการรับรองจากหน่วยงานราชการว่ามีคุณภาพ เพราะเคยนำไปเสนอขายให้กับหน่วยงานราชการหลายแห่ง ส่วนการนำปุ๋ยเข้าไปขายในโครงการส่งเสริมอาชีพของคนบุรีรัมย์ เป็นเพราะได้รับแจ้งจากคนในวงการขายปุ๋ยว่า มีโครงการนี้อยู่ และทำมานานหลายปี ไม่มีปัญหาอะไร จึงสนใจที่จะเข้าร่วมด้วย
"หลังได้รับทราบข้อมูลจากคนในวงการขายปุ๋ยว่า มีโครงการนี้อยู่ ก็ได้ไปตรวจสอบข้อมูลในเว็บไซต์ของอบจ.บุรีรัมย์ พบว่ามีโครงการนี้อยู่จริง จึงไปติดต่อที่อบจ.เพื่อขอเข้าร่วมด้วย โดยไปเข้าพบกับ นายอดุลย์ กองชะนะ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมคุณภาพชีวิต อบจ.บุรีรัมย์ (ประธานคณะทำงานโครงการส่งเสริมอาชีพของคนบุรีรัมย์ ปี 2555-2558 และโครงการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ปี 2555 ถูกสตง.แจ้งให้ดำเนินการทางวินัย และเพิ่งลาออกจากราชการไปเมื่อช่วงสิ้นเดือนก.ค.2559ที่ผ่านมา) เพื่อนำข้อมูลตัวอย่างปุ๋ยไปนำเสนอ ซึ่งนายอดุลย์ ก็อนุมัติเห็นชอบ ให้ หจก.เข้าร่วมได้และประสานไปยังสำนักงานเกษตรอำเภอ เพื่อติดต่อนำสินค้าไปเสนอขายให้กับกลุ่มเกษตรกรตามขั้นตอน"
น.ส.ปิยะพร ยังเล่าต่อว่า หลังจากนำสินค้าไปเสนอให้กลุ่มเกษตรกร และเกษตรกรพอใจในสินค้า ก็มีการทำสัญญาซื้อขายกัน ตัวแทนเกษตรกรก็ลงนามด้วยดีไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อมีการส่งมอบสินค้าไปแล้ว ทางบริษัทกลับไม่ได้รับเงินค่าสินค้า เพราะได้รับแจ้งว่ามีปัญหาเรื่องที่อบจ.ไม่ได้รับงบประมาณ ทำให้เกษตรกรไม่มีเงินมาจ่าย
"เราเป็นคนทำธุรกิจ เรานำสินค้าไปขายให้เกษตรกร ผ่านการติดตามตามขั้นตอนทุกอย่าง ผิดด้วยหรือที่เราควรจะได้รับเงินจากการขายสินค้าครั้งนี้ เราทำธุรกิจก็มีต้นทุนเหมือนกัน เรารออยู่นานหลายเดือน จึงตัดสินใจทำหนังสือไปทวงถาม ไม่ได้มีการข่มขู่อะไรเลย เมื่อผ่านไปอีกเราเริ่มเสียหาย เราก็จำเป็นต้องพึ่งความเป็นธรรมทางกฎหมาย แต่สุดท้าย ก็ถูกโจมตีว่า เข้าไปหลอกลวงชาวบ้าน ซึ่งมันไม่เป็นความจริงเลย คิดดูซิ ตัวแทนชาวบ้าน ที่ลงนามในสัญญา แต่ละคนมีระดับสติปัญญาดีขนาดไหน เราจะหลอกเขาได้หรือ "
น.ส.ปิยะพร ยังกล่าวด้วยว่า ปัจจุบันกรณีนี้อยู่ระหว่างการฟ้องร้องตามขั้นตอนกฎหมาย ศาลนัดคู่ความทั้งสองฝ่าย ไปพูดคุยหลายครั้งแต่ก็ยังไม่มีผลอะไรออกมา ขณะนี้ หจก.ก็ถูกฟ้องร้องจากกลุ่มเกษตรกรด้วย จึงกลายเป็นว่า กรณีนี้ หจก.เป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมากที่สุด ซึ่งในช่วงแรก ก็ได้รับแจ้งว่า จะมีผู้ใหญ่ มาเคลียร์ให้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีการเคลียร์อะไรกัน
เมื่อถามว่า ในการติดต่อ อบจ.บุรีรัมย์ เพื่อเข้ามาจำหน่ายปุ๋ยในโครงการนี้ มีการจ่ายค่าตอบแทนให้กับเจ้าหน้าที่รัฐเป็นการแลกเปลี่ยนหรือไม่
น.ส.ปิยะพร ตอบว่า "เรื่องนี้ ดิฉันไม่อยากพูดอะไร พูดอะไรไปอาจทำให้คนอื่นเสียหายได้ เรื่องมันยังไม่จบ แต่ล่าสุดทาง สตง. ก็โทรศัพท์มาสอบถามข้อมูล ก็ยืนยันไปว่า พร้อมจะให้ปากคำทั้งหมด รวมถึงเอกสารหลักฐานต่างๆ เพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์ ของตนเอง"
อ่านประกอบ :
ปลัดอบจ.บุรีรัมย์ แจ้งความ'เมียเนวิน' หลังถูกสตง.ชี้มูลคดีแจกปุ๋ย 328 ล้าน
ฉบับเต็ม!ผลสอบปุ๋ยอบจ.บุรีรัมย์ เสียหายยับ157ล. ชนวนเหตุ 'เมียเนวิน-พวก' ถูกแจ้งความ
ปุ๋ยอบจ.บุรีรัมย์ฉาวลามทั้งจังหวัด! สตง.จี้ ปลัดมท. ฟัน 'ผู้ว่าฯ-2รองฯ'
เปิดตัว 'สจ.' ปุ๋ยบุรีรัมย์328 ล.! สตง.ชี้ส่วนต่าง240 บ./กระสอบ-เจ้าตัวปัดไม่รู้เห็น
'ผอ.'พัวพันปุ๋ย อบจ.บุรีรัมย์ ลาออกปริศนา!เกษตรกรถูกฟ้องทวงหนี้หมื่นราย