เปิดช่อง'ธรรมกาย'ขออนุญาตตั้งศูนย์ปฏิบัติฯเขาใหญ่ย้อนหลังได้ ถ้าไม่ผิดกม.อื่น
กรมพัฒนาสังคมฯ ระบุชัด 'วัดธรรมกาย' สามารถขออนุญาตแจ้งเปลี่ยนแปลงวัตุประสงค์การใช้ที่ดินนิคมสร้างตนเองลำตำคอง ตั้งศูนย์ปฏิบัติฯ เขาใหญ่ย้อนหลังได้ ถ้าไม่ทำผิดกม.อื่น
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานความคืบหน้าการตรวจสอบศูนย์ปฏิบัติธรรม เวิร์ลพีซวัลเล่ย์ เขาใหญ่ หรือ World peace valley ของวัดพระธรรมกาย ที่เข้าไปตั้งอยู่ในพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำตะคอง จ.นครราชสีมา ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ขณะที่ข้อกำหนดในพ.ร.บ.จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ควบคุมดูแลการใช้ที่ดินในเขตนิคมสร้างตนเอง ระบุชัดเจนใน มาตรา 9 ว่า สมาชิกนิคมจะต้องใช้ที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้เข้าทําประโยชน์ตามมาตรา 8 เฉพาะเพื่อทําการเกษตรตามระเบียบที่อธิบดีกําหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี ถ้าจะทําการอย่างอื่นด้วยต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดี
(อ่านประกอบ : เปิดจุดตาย!'ศูนย์ปฏิบัติฯธรรมกายเขาใหญ่'สร้างอาคารใหญ่โตอลังการ ขออนุญาตหรือยัง?)
ล่าสุด นายณรงค์ คงคำ รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมเเละสวัสดิการ ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบเอกสารสิทธิของศูนย์ปฏิบัติธรรมดังกล่าว ผู้แทนของศูนย์ปฏิบัติธรรมให้ข้อเท็จจริงว่าได้ไปยื่นคำร้องขออนุญาตก่อสร้างอาคารจากองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ต.โป่งตาลอง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาแล้ว ซึ่งตรวจพบแล้วว่ามีเอกสารยื่นขออนุญาตจริง แต่ในเอกสารการขออนุญาตนั้นทางศูนย์ปฏิบัติธรรมไม่เข้าใจ ว่า จะต้องขออนุญาตเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์จากนิคมสร้างตนเองด้วย ซึ่งศูนย์ปฏิบัติธรรมจะต้องมาดำเนินการขออนุญาตเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้ประโยชน์ในที่ดิน
นายณรงค์ กล่าวว่า ในอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของกรมพัฒนาสังคมฯ จะให้ศูนย์ปฏิบัติธรรมมาขออนุญาตเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้ประโยชน์ในที่ดินได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าการดำเนินการที่ผ่านมามีการฝ่าฝืนกฎหมายอะไรหรือไม่ เช่น การสร้างอาคาร ถูกต้องตาม พ.ร.บ. ควบคุมอาคารหรือไม่ ตัวอาคารยึดตามใต้กฎหมายสิ่งแวดล้อมหรือไม่ หรือความมั่นคงแข็งแรงของตัวอาคาร ซึ่งศูนย์ปฏิบัติธรรมต้องแสดงความชัดเจนต่อกรมพัฒนาสังคมฯว่า ได้ปฏิบัติตามกฎหมายอื่นๆแล้ว ทางกรมพัฒนาสังคมฯ จึงจะมีอำนาจในการอนุญาตเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์
"แต่ถ้าหากว่าทำผิดกฎหมายอื่นๆในการก่อสร้างนี้ทางกรมพัฒนาสังคมฯก็ไม่สามารถอนุญาตให้เปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ได้"
นายณรงค์ กล่าวต่อไปว่า ในการขอเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ก่อนหรือหลังการก่อสร้าง ในกรณีก่อนก่อสร้างผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์จะต้องแสดงเอกสารหลักฐานรูปแบบรายการต่างๆที่เกี่ยวข้องให้กับกรมพัฒนาสังคมฯ เมื่อทางกรมพัฒนาสังคมฯได้รับเอกสารแล้วจะส่งให้กับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบว่าขัดต่อกฎหมายใดๆหรือไม่
ส่วนในกรณีที่มีการก่อสร้างแล้ว จะต้องยื่นเอกสารหลักฐานที่ดำเนินการก่อสร้างให้กับกรมพัฒนาสังคมฯ ได้พิจารณา ซึ่งทางกรมพัฒนาสังคมฯจะส่งเอกสารไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมโยธาธิการและผังเมือง, องค์การบริหารส่วนตำบล, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ตรวจสอบว่าการดำเนินการของศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งนี้สามารถดำเนินการได้ภายใต้กฎหมายเหล่านี้หรือไม่ ถ้าหน่วยงานต่างๆยืนยันว่าสามารถดำเนินการได้หรือได้รับอนุญาตแล้ว ทางกรมพัฒนาสังคมฯสามารถอนุญาตได้ในภายหลัง
“เมื่อพบว่าทางกรมพัฒนาสังคมฯไม่สามารถอนุญาตได้ ก็ต้องตรวจสอบว่าผิดต่อกฎหมายใด ยกตัวอย่าง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ชี้ว่าสิ่งที่ก่อสร้างนั้นไม่ถูกต้อง ไม่มีความมั่นคงแข็งแรง หน่วยงานที่รับผิดชอบก็จะต้องดำเนินการแก้ไขรื้อถอนเปลี่ยนแปลงตามกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง” นายณรงค์ระบุ
นายณรงค์ ยังกล่าวด้วยว่า ได้มีการชี้แจงให้ทางศูนย์ปฏิบัติธรรมรับทราบข้อกฎหมายแล้ว ซึ่งผู้แทนของศูนย์ปฏิบัติธรรมที่มาพบ มีความประสงค์ที่จะขออนุญาต แต่อย่างไรก็ตามก็ยังไม่สามารถอนุญาตได้ จนกว่าเราจะได้รับเอกสารหลักฐานสิทธิ์ต่างๆที่ทางศูนย์ปฏิบัติธรรมครอบครองอยู่ว่าถูกต้องตามข้อกฎหมายหรือไม่ เป็นเอกสารสิทธิ โฉนด น.ส. 3 ทั้งหมดหรือไม่ โดยจะต้องตรวจสอบเอกสารว่าถูกต้องตาม พ.ร.บ. ที่ดินจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ เมื่อตรวจสอบว่าถูกต้องแล้ว จึงจะนำเรื่องนี้เข้าสู่คณะกรรมการพิจารณาว่าจะอนุญาตหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการนั้นอธิบดีกรมพัฒนาสังคมฯเป็นผู้แต่งตั้งขึ้นมา
รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคม ยังระบุด้วยว่า "ศูนย์ปฏิบัติธรรมฯ สามารถมาขออนุญาตได้ ณ วันนี้ แต่ต้องแสดงเอกสารหลักฐานในการก่อสร้าง ถ้าไม่ผิด สามารถอนุญาตดำเนินการให้เปลี่ยนวัตถุประสงค์ได้"
อนึ่ง สำหรับความคืบหน้าการตรวจสอบพื้นที่ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมฯ เข้าไปปลูกสร้างอาคาร พบว่าเป็นที่ดินที่อยู่ในเขตนิคมสร้างตนเองลำตะคอง รวม 499-3-0 ไร่ 20 เเปลง เเบ่งเป็นเอกสารสิทธิประเภทโฉนด 3 เเปลง 62-3-95 ไร่ ประเภท น.ส.3ก 10 เเปลง 230-3-08 ไร่ เเละที่ดินที่มีการครอบครอง 7 เเปลง 205-3-97 ไร่
นอกจากนี้ การตรวจสอบที่ดินยังพบว่า เป็นชื่อมูลนิธิตะวันธรรม จำนวน 12 เเปลง เป็นของบุคคลธรรมดา (มูลนิธิตะวันธรรมครอบครองการใช้ประโยชน์) จำนวน 1 เเปลง เเละอีก 7 เเปลง อยู่ระหว่างการตรวจข้อมูลเอกสารสิทธิ
ตาม พ.ร.บ.การจัดการที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 มาตรา 8, 9 เเละ 17 การใช้ที่ดินในเขตนิคมสร้างตนเองอย่างอื่นนอกจากการเกษตร ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมพัฒนาสังคมเเละสวัสดิการ โดยต้องเสียค่าบำรุงกิจการนิคมไร่ละ 5,000 บาท
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบที่ดินที่มีการครอบครอง 7 เเปลง 205-3-97 ไร่ ยังไม่พบการออกเอกสารสิทธิ ซึ่งทางกรมพัฒนาสังคมฯ อยู่ระหว่างการประสานขอเอกสารสิทธิจากสำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาปากช่องเพื่อดำเนินการตามระเบียบของกฎหมายต่อไป
อ่านประกอบ:
พม.พบศูนย์ปฏิบัติธรรม 'เวิลด์พีซวัลเลย์' รุกนิคมฯ ลำตะคอง- 7 เเปลง ไม่มีเอกสารสิทธิ
อธิบดีกรมพัฒนาฯลั่นไม่เคยให้ธรรมกายสร้างศูนย์ปฏิบัติเขาใหญ่-'อดุลย์'สั่งเร่งผลสอบ
เปิดจุดตาย!'ศูนย์ปฏิบัติฯธรรมกายเขาใหญ่'สร้างอาคารใหญ่โตอลังการ ขออนุญาตหรือยัง?