'ประพัฒน์' ยื่นอุทธรณ์เเล้ว หลัง คพ.สั่งชดใช้เลิกสัญญาโครงการคลองด่าน
‘ประพัฒน์’ ยื่นอุทธรณ์แล้ว หลัง คพ.มีคำสั่ง ผิดทางละเมิด ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน คดีคลองด่าน ยันไม่ขอตอบรายละเอียด ระบุคืบหน้าเดี๋ยวก็เป็นข่าวเอง เล็งฟ้องอาญาเจ้าหน้าที่ ก.ทรัพยากรฯ เหตุไม่ได้รับความเป็นธรรม สอบข้อเท็จจริง ขณะที่เกษตร 4.0 หนุนรัฐส่งเสริมการลงทุนจริงจัง เพิ่มมูลค่าผลผลิต หวังชาวไร่ชาวนายืนบนลำแข้ง หลุดกับดักรายได้ปานกลาง
วันที่ 15 มิถุนายน 2559 นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ภายในงานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านวิชาการและการพัฒนางานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ณ ธ.ก.ส.สำนักงานใหญ่ ถึงกรณีถูกคำสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน รับผิดทางละเมิด เนื่องจากเป็นต้นเหตุให้กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เกิดความเสียหาย ในโครงการบำบัดน้ำเสียคลองด่าน จ.สมุทรปราการ ว่า ขณะนี้ได้ยื่นอุทธรณ์แล้ว รวมถึงอีก 6 คนที่มีรายชื่ออยู่ในคำสั่ง แต่คงให้รายละเอียดไม่ได้ เพราะกำลังเตรียมการเรื่องคดีอยู่ หากถึงเวลานั้นก็จะเป็นข่าวเอง (อ่านประกอบ:เลิกสัญญาคลองด่านทำเสียหาย!กรมมลพิษ สั่งจนท.ชดใช้รวมกว่า 2 หมื่นล. - 'ธาริต' โดนด้วย 900 ล. )
ส่วนกรณีกระทรวงการคลังเตรียมยื่นขอให้ศาลปกครองรื้อฟื้นคดีคลองด่านขึ้นมาพิจารณาใหม่ นายประพัฒน์ กล่าวว่า เห็นด้วย เดิมนั้นได้ร่วมหารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน และยื่นคำฟ้องไปที่ศาลปกครอง เพื่อขอรื้อฟื้นคดีใหม่ แต่ศาลปกครองมีคำสั่งไม่รับคำร้อง เนื่องจากไม่ใช่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่ถึงเวลานี้ ตนเองถือเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแล้ว เพราะ คพ.มีหนังสือออกคำสั่งให้ชดใช้เงิน ฉะนั้นจึงมีสิทธิยื่นไปที่ศาลปกครองใหม่อีกครั้ง ซึ่งกำลังร่างคำฟ้องอยู่
“เราจะยื่นฟ้องร้องคดีอาญากับเจ้าหน้าที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการสอบข้อเท็จจริง โดยไม่ให้มีโอกาสชี้แจง หรือให้เอกสารเพื่อนำไปสู่การชี้แจง หรือไม่นำข้อมูลที่ได้รับการชี้แจงไปพิจารณาประกอบ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดกำลังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมการเช่นกัน” นายประพัฒน์ กล่าว
จี้รัฐหนุนเพิ่มมูลค่าผลผลิต ขับเคลื่อนเกษตร 4.0
นายประพัฒน์ ยังเปิดเผยถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรด้วยนโยบายเกษตร 4.0 ว่า เกษตรกรของไทยประสบปัญหาไม่สามารถเพิ่มมูลค่าผลผลิตได้ ส่วนใหญ่นิยมจำหน่ายเป็นวัตถุดิบ ซึ่งเป็นการทำเกษตรล้าสมัย ส่งผลให้พ่อค้าคนกลางได้รับประโยชน์ทั้งหมด ฉะนั้นการก้าวเข้าสู่เกษตร 4.0 จะต้องทำให้ทุกคนเพิ่มมูลค่าผลผลิต และมีความหลากหลาย อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีโครงการส่งเสริมในเรื่องดังกล่าวน้อยมาก
“เกษตรกรปลูกมันสำปะหลัง ต้องขายให้ลานมัน เพื่อทำมันเส้น ปลูกข้าวโพด ต้องขายฝักข้าวโพด เพื่อทำอาหารสัตว์ ปลูกข้าว ต้องขายข้าวเปลือก เพื่อเป็นข้าวสาร เกษตรกรไม่เคยเพิ่มมูลค่าสินค้าเอง และรัฐบาลก็ไม่มีนโยบายชัดเจน แม้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะให้ความสำคัญ ดังเช่น โครงการเอสเอ็มอีเกษตร แต่จะประสบความสำเร็จได้ ต้องขับเคลื่อนทุกองคาพยพให้ทำงานไปพร้อมกัน และเมื่อใดที่เกษตรกรยืนอยู่บนลำแข้งตัวเองได้ ประเทศจะก้าวพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง”
นายประพัฒน์ ยังระบุว่า อยากให้รัฐบาลผลักดันการส่งเสริมการลงทุนภาคการเกษตรจริงจัง โดยเกษตรกรในพื้นที่ชนบท เหมือนบีโอไอ ที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี และดอกเบี้ยมหาศาล .
อ่านประกอบ:เรียก'ประพัฒน์' ชดใช้ค่าเสียหายกว่า 6 พันล. ต้นเหตุให้รัฐ'เสียค่าโง่' คลองด่าน
'ประพัฒน์' เล็งยื่นอุทธรณ์ หลังกรมควบคุมมลพิษ สั่งชดใช้ค่าโง่คลองด่าน
ศาลปค.ไม่รับคำร้อง"ประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์" ให้รื้อคดีคลองด่านใหม่
นานาทัศนะ : ค่าโง่ 'คลองด่าน' มหากาพย์ที่ยังขุดไม่หมด-ต้องศึกษาทั้งระบบ