ฟ้องบิ๊ก ปตท.สผ.เรียก 2 หมื่นล.กล่าวหาทุจริตคดีปลูกปาล์ม อินโดฯ
ปตท.ใหญ่-ปตท.กรีน เอ็นเนอร์ยี่ฯ ฟ้อง “นิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา” รอง ผจก.ปตท.สผ. เรียกค่าเสียหายกว่า 2 หมื่นล้าน ปมปลูกปาล์มที่อินโดนีเซีย หลังถูกดึงไปเป็นผู้จัดการ 5 โครงการ พบซื้อที่ดินทับซ้อนป่าสงวน-จ่ายค่านายหน้าสูงผิดปกติถึง 40% เสียหายแต่ละโครงการไม่ต่ำกว่าพันล้าน
จากกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีการซื้อขายที่ดินเพื่อปลูกปาล์มน้ำมันที่อินโดนีเซียของบริษัท ปตท.กรีน เอ็นเนอร์ยี่ (PTTGE) เนื่องจากพบว่า มีการดำเนินผิดปกติ โดยเฉพาะการเข้าไปซื้อที่ดินจำนวนมากเพื่อปลูกปาล์มและการสร้างโรงงานสกัดน้ำมันนั้น
(อ่านประกอบ : ปตท.ระทึก!อนุฯ ป.ป.ช.พบปมซื้อที่ดินปลูกปาล์ม ปท.อินโดฯ เล็งชี้มูล 2 โครงการ)
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และบริษัท พีทีที.กรีน เอ็นเนอร์ยี่ พีทีอี ลิมิเต็ด หรือ PTTGE ได้เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องต่อนายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองผู้จัดการบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ซึ่งต่อมาถูกดึงตัวมาเป็นผู้อำนวยการโครงการพัฒนาธุรกิจน้ำมันปาล์ม ในนามของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ในสำนวนคำฟ้องดังกล่าว ระบุตอนหนึ่งว่า การจัดหาที่ดินเพื่อปลูกปาล์มในโครงการและการดำเนินโครงการนี้ มีความเสี่ยงที่จะเกิดการเสียหาย และสูญเสียเงินในการลงทุน โดยนายนิพิฐ ถูกกล่าวหาว่า เป็นพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท พีทีที กรีน เอ็นเนอร์ยี่ฯ หรือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
เนื่องจากมีการซื้อที่ดินเป็นที่ดินทับซ้อนพื้นที่ป่าสงวนเป็นส่วนมาก ทำให้ไม่สามารถขอให้หน่วยงานในประเทศอินโดนีเซียออกเอกสารแสดงสิทธิในการทำเกษตรกรรมได้ ส่วนที่ดินที่เหลือไม่ทับซ้อนป่าสงวนก็เหลืออยู่ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน นอกจากนี้ยังมีค่านายหน้าในการจัดซื้อที่ดินที่สูงกว่าผิดปกติถึงร้อยละ 40 เป็นต้น
สำหรับ 5 โครงการที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ลงทุนในนามบริษัท พีทีที กรีน เอ็นเนอร์ยี่ฯ มี 5 โครงการ ได้แก่
1.โครงการ พีที อัซ ซารา แพลนเตชั่น หรือ PT.Az Zahara Plantation (“PT.Az Zhara”)
สำหรับโครงการนี้คณะกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีมติเห็นชอบให้เข้าลงทุนกับ PT.Az Zhara และบริษัท พีที มิตรา อาเนคา เรเซกิ หรือ PT. Mitra Aneka Rezeki (“PT.MAR”) เพื่อลงทุนปลูกปาล์มในพื้นที่ใหม่ ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของเกาะกาลิมันตัน
โดยในการลงทุนครั้งนี้ มีพื้นที่รวม 1.7 แสนเฮกตาร์ แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรก 1.1 แสนเฮกตาร์ ราคาเฮกตาร์ละ 550 เหรียญสหรัฐ คณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อนุมัติให้เข้าลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 55 ส่วนที่สองมีพื้นที่ 6 หมื่นเฮกตาร์ ราคาเฮกตาร์ละ 485 เหรียญสหรัฐ คณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อนุมัติให้ลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 95
พบความเสียหาย 50,540,418.46 เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 1,642,563,599 บาท
2.โครงการ พีที มาร์ (พอนเทียนัค) หรือ PT.MAR (Pontianak)
สำหรับโครงการนี้คณะกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีมติเห็นชอบให้ลงทุนกับ PT.Az Zhara และ PT.MAR ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของเกาะกาลิมันตัน ในบริเวณที่เรียกว่า พอนเทียนัค ประกอบธุรกิจน้ำมันปาล์มในพื้นที่ทั้งหมด 14,000 เฮกตาร์ คิดราคาซื้อหุ้นในพื้นที่ร้อยละ 100 เป็นเงิน 15,500,000 เหรียญสหรัฐ
3.โครงการ พีที มาร์ (บันยัวซิน) หรือ PT.MAR (Banyuasin)
สำหรับโครงการนี้คณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีมติเห็นชอบให้ลงทุนในธุรกิจปลูกปาล์มและผลิตน้ำมันปาล์มดิบ โดยการซื้อหุ้นบริษัท PT.Surya hutama suwit (“PT.SHS”) ซึ่งประกอบธุรกิจปลูกปาล์มน้ำมันบริเวณที่เรียกว่า บันยัวซิน ในประเทศอินโดนีเซีย จำนวนเงินไม่เกิน 21.5 ล้านเหรียญสหรัฐ มีพื้นที่ปลูกที่เมืองปาเลมบัง ทางตอนใต้ของเกาะสุมาตรา ประมาณ 22,000 เฮกตาร์
พบความเสียหายของโครงการ PT.MAR (Pontianak) และ PT.MAR (Banyuasin) รวม 161,498,459 เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 5,248,699,946 บาท
4.โครงการ พีที เฟิร์ส บอร์เนียว แพลนเตชั่น หรือ PT.First Borneo Plantations (“PT.FBP”)
สำหรับโครงการนี้คณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีมติเห็นชอบให้ลงทุนกับ PT.FBP ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกอยู่ในเขตกะลิมันตันตะวันตก รวม 108,000 เฮกตาร์ ซึ่งพื้นที่ทั้งหมดได้รับอนุญาตประกอบกิจการปาล์มน้ำมัน
พบความเสียหาย 162,783,273 เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 5,290,456,378 บาท
5.โครงการ คัลปาตาลู อินเวสต์ตามา หรือ Kalpataru Investama (“KPI”)
สำหรับโครงการนี้คณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีมติเห็นชอบให้ลงทุนกับ PT.KPI เพื่อศึกษาการเข้าลงทุนในโครงการแห่งใหม่ มีพื้นที่ประมาณ 80,000 เฮกตาร์ ตั้งอยู่บริเวณเกาะกาลิมันตะวันออก
พบความเสียหาย 224,538735.99 เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 7,297,508919.64 บาท
รวมค่าความเสียหายทั้ง 5 โครงการรวมทั้งค่าบริหารจัดการรวมทั้งสิ้น 624,850,887 เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 20,307,653,844 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนการไต่สวนข้อเท็จจริงในชั้นคณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช. ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และเตรียมสรุปคดี เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ถูกกล่าวหา
อ่านประกอบ : ป.ป.ช.พบตัวละครคดีข้าวจีทูจีโยงซื้อขายมันเส้น!-สอบปตท.ปมปลูกปาล์มในอินโดฯ