อ.นิติฯจุฬา ยันกม.บุหรี่ใหม่ชอบธรรมหากเทียบกับสารพิษ 250 ชนิด
อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ยันร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ไม่จำกัดหรือลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชน ชี้ทุกมาตราการล้วนแต่มีความชอบธรรมและไม่เกินกว่า สัดส่วนความเสียหายที่สินค้ายาสูบก่อให้เกิดขึ้นกับสังคมไทย
ดร.เอื้ออารีย์ อิ้งจะนิล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีที่มีการแถลงข่าวโครงการวิจัยของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งว่า ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ลิดรอนสิทธิเสรีภาพมากเกินจำเป็น (อ่านประกอบ:นักวิจัยหอการค้า ชี้ ร่างพ.ร.บ.ยาสูบลิดรอนสิทธิเสรีภาพของปชช.) ขอยืนยันว่า ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ไม่ได้จำกัดหรือลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพราะเป็นมาตรการที่สอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศว่า รัฐสามารถออกมาตรการคุ้มครองสุขภาพของประชาชนได้ ถ้าเป็นการจำกัดสิทธิที่ได้สัดส่วน จำเป็นและไม่เลือกปฏิบัติ
"มาตรการที่ปรากฏในร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแต่ละมาตรการล้วนแต่มีความชอบธรรมและไม่เกินกว่าสัดส่วนความเสียหายที่สินค้ายาสูบก่อให้เกิดขึ้นกับสังคมไทย"
ดร.เอื้ออารีย์ กล่าวถึงอนุสัญญาควบคุมยาสูบ องค์การอนามัยโลก ระบุว่ าบุหรี่เป็นสินค้าเสพติด ที่ทำให้ครึ่งหนึ่งของผู้สูบบุหรี่ระยะยาวเสียชีวิตก่อนเวลา ปีละ 6 ล้านคน โดยในส่วนของประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ปีละ 5 หมื่นกว่าคน แต่ละคนป่วยหนักเป็นเวลา 2 ปี ก่อนเสียชีวิต และขณะเสียชีวิตมีอายุสั้นกว่าที่ควร คนละ 12 ปี รวมทั้งความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยด้วยโรคจากการสูบบุหรี่ ค่าสูญเสียรายได้จากการป่วยและเสียชีวิตก่อนเวลา ปีละไม่ต่ำกว่า 52,000 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่ามหาศาล และไม่รวมถึงความทุกข์ทรมานของผู้ป่วยและครอบครัวจากการสูบบุหรี่ รวมถึงมูลค่าของชีวิตที่สั้นลงจากการตายก่อนเวลา ซ้ำในแต่ละปียังมีผู้สูบบุหรี่หน้าใหม่ ซึ่งเป็นเยาวชนปีละ 2 แสนคน ในขณะที่บริษัทบุหรี่มีกำไรในประเทศไทยปีละ 10,000 ล้านบาท
"ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบซึ่งมาตรการ ต่าง ๆ ล้วนนำมาจากข้อกำหนดของอนุสัญญาควบคุมยาสูบฯ จึงมีความจำเป็น แม้อาจจะทำให้ผลกำไรของบริษัทบุหรี่ลดลงบ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพที่เกินสัดส่วน เนื่องจากบริษัทบุหรี่ก็ยังคงมีกำไรมหาศาล บนความสูญเสียของสังคมไทยทั้งด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ" ดร.เอื้ออารีย์ กล่าว และว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้กระทรวงสาธารณสุข ประเทศอินเดีย สั่งให้เก็บสินค้าบะหมี่สำเร็จรูปยี่ห้อหนึ่งจากตลาดทั้งหมดในประเทศอินเดีย ภายหลังจากที่สุ่มตรวจพบว่า มีสารตะกั่วในระดับที่สูงกว่ากฎหมายกำหนด ซึ่งหากนำมาตรฐานนี้มาใช้กับสินค้าบุหรี่ กฎหมายจะต้องห้ามขายทันที ไม่ใช่เพียงแต่การจำกัดมาตรการทางการตลาดดังบทบัญญัติในร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ เนื่องจากบุหรี่มีสารพิษถึง 250 ชนิด และมีสารก่อมะเร็งถึง 70 ชนิด ตามคำประกาศของกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐอเมริกา