“หมอวรงค์” ชำแหละ “ยิ่งลักษณ์” เหตุไฉนยื้อเวลาแจงคดีจำนำข้าว
“..ผมว่าทีมทนายความคุณยิ่งลักษณ์ กำลังพยายามใช้เทคนิคต่างๆ มาต่อสู้คดีนี้ เพราะเขาสู้ในข้อเท็จจริงไม่ได้ ในช่วงที่ผ่านมาสังคมจึงได้ยินข้อมูลอยู่ตลอดเวลาว่า นายกฯ ไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องนั้นเรื่องนี้บ้างอยู่ตลอด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงว่า สุดท้ายคนก็จะไปหลงเชื่อว่าไม่ได้ความเป็นธรรมจริงๆ..”

“ เรื่องจำนำข้าว ความเสียหายเกิดขึ้นมันมีหลายอย่าง ผมเชื่อว่า ป.ป.ช. ไม่ได้ดูแค่เรื่องการระบายข้าวจีทูจีอย่างเดียว ความเสียหายมันมีทั้งเรื่องการเงินการคลัง ตลาดข้าวไทยที่มันเสียหาย การส่งออก เขาดูในภาพรวม ไม่ได้ดูแค่เรื่องใด เรื่องหนึ่ง ซึ่งมันจะเชื่อมโยงไปถึงข้อเท็จจริงที่ว่า คุณยิ่งลักษณ์ ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการนี้อย่างไร ”
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแสดงความเห็นกับสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ภายหลังถูกตั้งคำถามให้แสดงความเห็นต่อท่าทีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ในการต่อสู้คดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ที่กำลังอยู่ระหว่างการไต่สวนของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
โดยล่าสุดทีมทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกมายืนยันเสียงดังฟังชัด ว่า ป.ป.ช. ไม่สามารถที่จะตั้งข้อกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวได้
เพราะปัจจุบัน ข้อกล่าวหาว่าโครงการฯ นี้มีการทุจริต โดยเฉพาะการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ยังไม่ได้มีการตัดสินชี้ขาดแต่อย่างใด
(อ่านประกอบ:นรวิชญ์ :ระบายจีทูจียังไม่มีคำตัดสินว่าผิด จะบอกว่า"ยิ่งลักษณ์" ผิดไม่ได้)
นพ.วรงค์ ในฐานะผู้เปิดประเด็นเรื่องการทุจริตระบายข้าว จีทูจี ของรัฐบาล กล่าวยืนยันเสียงดังฟังชัดเช่นกันว่า โครงการรับจำข้าวก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศไทยอย่างมหาศาล ตัวเลขความเสียหายล่าสุดที่มีการเปิดเผยออกมา คิดเป็นวงเงินจำนวนหลายแสนล้านบาท
แต่ที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ กลไกระบบตลาดข้าวของประเทศไทย ที่ถูกทำลายลงไปจากโครงการนี้
“ที่เขาบอกว่าทำโครงการนี้ แล้วชาวนาได้รับประโยชน์ ผมถามจริงๆ ชาวนาได้ประโยชน์จริงๆ หรือ เลิกเอาชาวนามาเป็นข้ออ้างได้แล้ว เพราะโครงการรับจำนำข้าว ชาวนาไม่ได้เป็นผู้รับประโยชน์ตัวจริง”
“ทุกวันนี้ ลงไปดูในพื้นที่เลย ไปถามชาวนาเขาดูว่า สภาพชีวิตเขาดีขึ้นไม่ มันมีข้อเท็จจริงปรากฏชัดเจนว่า คุณภาพชีวิตชาวนาไม่ได้ดีขึ้นเลย ยังเป็นหนี้เป็นสินกันอยู่เหมือนเดิม”
นพ.วรงค์ ยังระบุด้วยว่า ความจริงนายกฯ จะไม่ต้องเข้าไปชี้แจงข้อกล่าวหาอะไรกับ ป.ป.ช.เลย ถ้าในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ที่ผ่านมา
นายกฯ สามารถตอบคำถามชี้แจงข้อเท็จจริงของฝ่ายค้านได้หมดในทุกประเด็น
“ ในระหว่างการอภิปราย ถ้านายกฯ ชี้แจงฝ่ายค้านได้ เอาหลักฐานมาหักล้างข้อเท็จจริงของเราได้หมด เราฟังแล้วเข้าใจวันนี้ก็ไม่จำเป็นต้องไปชี้แจงอะไรกับ ป.ป.ช. ซึ่งมันตอบชี้แจงง่ายกว่า ที่จะต้องไปชี้แจง ป.ป.ช.อีก”
แต่ที่มันเป็นแบบนั้น ไม่ได้ นพ.วรงค์ ตอกย้ำ ว่า
“ผมเข้าใจนะ ทำไมวันนั้น นายกฯ ไม่ชี้แจงในสภาฯ ก็เพราะเขาชี้แจงไม่ได้ ตอบคำถามไม่ได้ เมื่อตอบคำถามในสภาฯ ไม่ได้ มันก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วที่จะต้องไปชี้แจงกับ ป.ป.ช.”
เมื่อถามว่า ทีมทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า คณะกรรมการสอบสวนของกระทรวงพาณิชย์ ระบุผลสอบสวนว่า เรื่องจีทูจีไม่มีความผิดปกติ
นพ.วรงค์ ระบุว่า เรื่องนี้ ฝ่ายค้านได้ยื่นเรื่องให้มีการสอบสวนคณะกรรมการสอบสวนของกระทรวงพาณิชย์ ที่ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน ต่อ ป.ป.ช. ในข้อกล่าวหาบิดเบือนผลสอบข้าวจีทูจีไปแล้ว
“เขาจะมาบอกว่าเป็นจีทูจีจริงได้ยังไง ในเมื่อข้อเท็จจริงมันปรากฏชัดเจนว่า การซื้อขายข้าวของรัฐบาลจีน ต้องผ่าน "คอฟโก” รัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการซื้อขายข้าวของจีนเพียงแห่งเดียว บริษัทที่เข้ามาทำสัญญาซื้อข้าวกับรัฐบาลชุดนี้ ไม่ใช่คอฟโก เป็นบริษัทอื่น"
"ขณะที่สินค้าที่รับซื้อไปก็ไม่ได้ถูกส่งออกไปต่างประเทศ แหล่งเงินที่นำมาซื้อ ก็มาจากในประเทศไทย แล้วมันจะเป็นจีทูจีได้อย่างไร”
นพ.วรงค์ ระบุว่า “เมื่อข้อเท็จจริงมันออกมาเป็นแบบนี้ จะให้สังคมคิดยังไง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ ถ้าเขาชี้แจงได้ทั้งหมด ทั้งคุณบุญทรง เตริยาภิรมย์ คุณภูมิ สาระผล หรือแม้กระทั่งคุณมนัส สร้อยพลอย ก็ต้องไปกลัวอะไร"
"แต่ผมคิดว่าเพราะพวกเขาชี้แจงไม่ได้ ก็เลยไม่ยอมเข้ามาชี้แจงข้อกล่าวหาต่อ ป.ป.ช. คดีระบายข้าว จีทูจี มันถึงยังไม่ได้ข้อสรุป”
“ผมขอย้ำเลยนะ ว่าถ้าเขามั่นใจว่าชี้แจงได้ ก็ต้องเข้ามาชี้แจงกับ ป.ป.ช. ไม่ใช่ไม่มาเลยแบบนี้”
เมื่อถามว่า ทางนายกฯ ยืนยันว่า โครงการนี้ ไม่มีนักการเมืองรายใดได้รับประโยชน์
นพ.วรงค์ ตอบว่า “ไปดูข้อเท็จจริงซิ ว่า ตัวแทนบริษัทจีนที่เข้ามาซื้อข้าวเป็นใคร ไปเชื่อมโยงกับนักการเมือง หรือบริษัทเอกชนรายไหนบ้าง”
นพ.วรงค์ ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า “ส่วนตัวผมคิดว่า ถ้าฝ่ายเขาบริสุทธิ์ใจจริง เขาต้องยืนยันได้ว่า ข้าวมีการส่งออกไปต่างประเทศจริง ราคาที่ขายไปสมเหตุสมผลและถูกนำส่งออกไปขายต่างประเทศ ไม่เข้ามาวนเวียนอยู่ในประเทศ แต่เท่าที่ตรวจสอบข้อมูลพบว่า ในช่วงเดือนมิ.ย. 54 –ก.ค 56 มีการแจ้งตัวเลขระบายข้าวไปถึง 4.8 ล้านตัน แต่มีข้าวส่งออกไปจริงแค่ 3 แสนตัน ข้าวที่เหลือไปไหนหมด ถ้าเขาชี้แจงได้ พิสูจน์ข้อมูลเหล่านี้ได้ ป.ป.ช. ก็พร้อมที่จะรับฟัง”
นพ.วรงค์ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การต่อสู้คดีข้าวของทีมทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ต้อสู้ในเชิงข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญหลัก ทั้งเรื่องการทุจริต หรือความเสียหาย
แต่พยายามที่จะสื่อข้อมูลให้สังคมเข้าใจว่า นายกฯ ไม่ได้รับความเป็นธรรม จากการสอบสวนของ ป.ป.ช. ซึ่งตนมองว่าเป็นการเลือกที่จะต่อสู้โดยใช้เทคนิคมากกว่าข้อเท็จจริง
“ ผมว่าทีมทนายความคุณยิ่งลักษณ์ กำลังพยายามใช้เทคนิคต่างๆ มาต่อสู้คดีนี้ เพราะเขาสู้ในข้อเท็จจริงไม่ได้ ในช่วงที่ผ่านมาสังคมจึงได้ยินข้อมูลอยู่ตลอดเวลาว่า นายกฯ ไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องนั้นเรื่องนี้บ้างอยู่ตลอด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงว่า สุดท้ายคนก็จะไปหลงเชื่อว่าไม่ได้ความเป็นธรรมจริงๆ”
“สิ่งที่อยากให้สังคมจับตามองต่อไปก็คือ ในการสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีก 3 ปาก คือ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาลย์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ , นายยรรยง พวงราช รักษาการรมช.พาณิชย์ และ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เราจะได้เห็นแทคติก อีกหลายรูปแบบ เช่น ให้เวลาน้อย เตรียมเอกสารไม่ทัน”
ส่วนสาเหตุที่มันต้องเป็นเช่นนี้ นพ.วรงค์ ยังคงกล่าวย้ำประโยคเดิมว่า "ก็เพราะทุกวันนี้ ฝ่ายนายกฯ สู้ในเรื่องข้อเท็จจริงไม่ได้เลยสักเรื่อง ตามที่ข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช."
"ถ้าชี้แจงได้จริง เขาทำไปนานแล้ว ”
