ข้อเรียกร้องของนักข่าวภาคสนามต่อภาคองค์กรสื่อและบรรณาธิการสื่อแต่ละสำนัก
ข้อเรียกร้องของนักข่าวภาคสนาม
ความขัดแย้งทางการเมืองที่สะสมในสังคมไทยในรอบหลายปีที่ผ่านมา ไม่เพียงสร้างความเสียหายใหญ่หลวงทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินกระทบความรู้สึก ของผู้คนในวงกว้าง โดยในรอบ 7 เดือนที่ผ่านมา ในการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มมวลชนที่ต่อต้านรัฐบาล-รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และกลุ่มมวลชนที่สนับสนุนรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เกิดการปะทะ จราจลกันเป็นระยะ มีประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ขณะที่ช่างภาพ ผู้สื่อข่าว ซึ่งทำหน้าที่บันทึกเหตุการณ์เพื่อรายงานต่อประชาชนต้องเผชิญกับภาวะการทำงานที่เลวร้ายเป็นครั้งสอง นับจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองในปี พ.ศ. 2553 โดยมินับรวมถึงการบาดเจ็บล้มป่วยจากรายงานข่าวในสถานการณ์ภัยพิบัติต่างๆ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นดินแดนที่ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักข่าวติดอันดับต้น ๆ ของโลก
ผู้สื่อข่าวภาคสนามที่ผ่านการทำงานและต้องเผชิญเหตุการณ์ความรุนแรงดัง ที่กล่าวมา จึงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและได้รวบรวมมาเป็นข้อเสนอแนะต่อสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย และกองบรรณาธิการของสื่อแต่ละสำนัก เพื่อให้ตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลความปลอดภัยของช่างภาพ ผู้สื่อข่าวในสังกัด ดังนี้
1. เรียกร้องให้แต่ละสำนักพิมพ์ สำนักข่าว มีเบี้ยเลี้ยงพิเศษ อาทิ เบี้ยเสี่ยงภัย ให้กับทีมข่าวภาคสนามที่ทำงานในสถานการณ์ที่มีความฉุกเฉินและเสี่ยงต่อการ สูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินและสุขภาพ
2. เรียกร้องให้แต่ละสำนัก พิมพ์ สำนักข่าว จัดทำประกันชีวิตหมู่ให้กับบุคลากรในกองบรรณาธิการทั้งหมด เพื่อเป็นหลักประกันในการทำงาน นอกเหนือจากการใช้สิทธิ์ประกันสังคมตามปกติ
3. เรียกร้องให้แต่ละสำนักพิมพ์ สำนักข่าว จัดหาอุปกรณ์ทำข่าวที่เหมาะสมในการทำข่าวที่มีสถานการณ์รุนแรง รวมทั้งสถานที่ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพเนื่องด้วยมลพิษจากสารเคมี อาทิ เสื้อเกราะ หมวกนิรภัย หน้ากากป้องกันแก๊สพิษ ที่สามารถป้องกันได้จริง
4. เรียกร้องให้แต่ละสำนักพิมพ์ สำนักข่าว อนุญาตให้บุคลากรในกองบรรณาธิการมีโอกาสในการเข้าอบรม สัมมนา เพื่อพัฒนาทักษะและศักยภาพในการทำงาน ตามที่มีหน่วยงาน องค์กรวิชาชีพเปิดให้มีการอบรม
5. เรียกร้องให้หัวหน้าข่าว บรรณาธิการข่าว ไม่กดดันให้ทีมข่าวภาคสนามตั้งจุดถ่ายทอดสด หรือรายงานข่าวอยู่ในจุดที่มีสถานการณ์เสี่ยง
6. อยากให้สหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย กำหนดโร้ดแมพในการทำงานเพื่อช่วยเหลือ เพื่อนสื่อมวชนที่ทุกข์ร้อนในด้านต่างๆ เช่น การช่วยเหลือด้านสวัสดิการ การเคลื่อนไหว เสนอข้อเรียกร้องต่างๆ เพื่อความถูกต้องและยุติธรรมต่อสื่อมวลชน อยากให้เปิดกว้างเพื่อรับเพื่อสื่อมวลชนเข้าไปมีส่วนร่วมให้มากขึ้นได้อย่าง แท้จริง และอยากให้มีการกำหนดฐานค่าตอบแทนสื่อฯ ให้เป็นมาตรฐานกลางในประเทศไทย โดยให้สอดคล้องกับสภาพสังคม ที่เป็นจริงในยุคนั้นๆ อีกทั้ง
7. จากกรณีปลอกแขนของสื่อ ถูกกลุ่มผู้ชุมนุม หรือกระทั่งจนท.ตำรวจ นำโทนสี(เขียว) ไปใช้ทำปลอกแขนของตัวเอง จะประโยชน์ด้านใดด้านหนึ่ง จนเกิดความสับสนเมื่อเกิดปัญหาในพื้นที่ระหว่างนักข่าวภาคสนาม ผู้ชุมนุม หรือจนท.ตำรวจ อยากเห็นสมาคมประสานทำความเข้าใจไปยังแกนนำหรือผู้บังคับบัญชาตำรวจ "ให้เลิกใช้" ปลอกแขนที่สีเดียวกันกับของสมาคมโดยเด็ดขาด ไม่มีข้อยกเว้น หากแกนนำหรือจนท. ยังไม่ทำตามจุดยืนของสมาคม ขอให้สมาคมวิชาชีพสื่อออกแถลงการณ์"บอยคอต" ทันที เพื่อสร้าง"บรรทัดฐาน"การทำหน้าที่สื่อภาคสนามของทุกสำนักให้มี"เอกภาพ"กว่าเดิม และหากพบว่าว่านักข่าวคนใดนำปลอกแขนไปให้บุคคลอื่นใช้ไม่ว่ากรณีใดๆ หากสมาคมทราบเรื่อง อยากเห็นสมาคมออกมาตักเตือนหรือมีมาตราการลงโทษบุคคลคนนั้นทันที
8. อยากเห็นสมาคมวิชาชีพสื่อช่วยเตือนเด็กๆนักข่าวภาคสนามรุ่นใหม่ อย่าปั่นกระแสข่าวความขัดแย้งทางการเมือง เพื่อสร้าง Profile ข่าวของตัวเอง อย่าใช้บทบาทสื่อเข้าไปเพิ่มความขัดแย้งให้สถานการณ์เลวร้ายกว่าเดิม
9. อยากเห็นสมาคมวิชาชีพสื่อ มีช่องทางติดต่อสื่อสารกับนักข่าวภาคสนามทางโซเซียลเน็ตเวิร์ค หรือ "แอพลิเคชั่น" ในสมาร์ทโฟน เพื่อความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น
ด้วยความนับถือ
ผู้สื่อข่าวภาคสนาม
ประกาศ ณ วันที่ 4 ก.ค.2557