- Home
- South
- สัมภาษณ์พิเศษ ศูนย์ข่าวภาคใต้
- ผบช.ศชต.สายพิราบ อนุรุต กฤษณะการะเกตุ "ยิ่งมีหมายจับมากยิ่งอยากคุย"
ผบช.ศชต.สายพิราบ อนุรุต กฤษณะการะเกตุ "ยิ่งมีหมายจับมากยิ่งอยากคุย"
พลันที่ชื่อของ พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ จเรตำรวจ (สบ 8) ผ่านมติคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เมื่อ 12 ก.ย.57 โดยได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบช.ศชต.) คนใหม่ สื่อมวลชนหลายแขนงใช้คำว่า "พลิกนาทีสุดท้าย"
เพราะนายตำรวจที่มีข่าวคั่วตำแหน่งนี้มาตลอด คือ พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบช.ประจำ ตร.) ลูกชายของ พล.ต.อ.แสวง ธีระสวัสดิ์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ
คือ พล.ต.ท.สุชาติ ที่เป็นหัวหน้าชุดเครื่องมือพิเศษฯ ซึ่งโชว์ผลงานโดดเด่นด้านการปราบปรามในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มาตลอดช่วงที่เขาปฏิบัติงานภาคสนาม
ฉะนั้นเมื่อโผพลิก จึงมีเสียงถามทันทีว่า พล.ต.ท.อนุรุต เป็นใครมาจากไหน หลายคนหลายหน่วยถึงกับเช็คข่าวให้วุ่น
กระแสข่าวที่พาดพิงถึงเขาค่อนข้างเป็นไปในทางลบ ทำนองว่าไม่เหมาะกับงานชายแดนใต้ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เพราะไม่ใช่ "มือปราบ" หนำซ้ำยังมีคนบอกว่าถนัดงานธุรการ ทำโครงการ และเป็นมือจัดงบประมาณอีกต่างหาก
ทว่าสำหรับคนที่ "รู้จริง" และอยู่ในพื้นที่มานานจะทราบว่า พล.ต.ท.อนุรุต ไม่ใช่คนหน้าใหม่ ทว่าเคยทำงานในพื้นที่ เพียงแต่ไม่ใช่สายปราบปราม แต่เป็นสายงานพัฒนาและเสริมสร้างความเข้าใจ
อังคณา นีละไพจิตร ประธานมูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ เปรยให้ฟังจากที่ได้เคยพบปะนายตำรวจผู้นี้ เมื่อครั้งเชิญมาให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญของวุฒิสภาว่า "เป็นเจ้าหน้าที่ที่เข้าใจปัญหาภาคใต้มากที่สุดคนหนึ่ง" โดยเฉพาะในมิติด้านสิทธิมนุษยชน
และเมื่อลงพื้นที่เริ่มปฏิบัติจริงในฐานะรักษาราชการแทน (รรท.) ผบช.ศชต. พล.ต.ท.อนุรุต ก็แสดงให้เห็นทันทีว่าเขาเข้าใจปัญหาภาคใต้ และมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานในด้านการเสริมสร้างความเข้าใจอย่างมากทีเดียว
วันนี้ถ้าใครลองคลิกดูที่หน้าเว็บไซต์ของ ศชต. จะพบคำกล่าวที่เป็นดั่ง "ปณิธาน" หรือ "สัญญาประชาคม" ที่เขาให้ไว้ต่อพี่น้องสามจังหวัดในความรับผิดชอบของ ศชต.
"ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนตลอดจนข้าราชการทหาร ตำรวจ ครู และฝ่ายปกครองในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก พี่น้องได้รับบาดเจ็บ พิการ ทรัพย์สินเสียหาย อันเกิดจากความไม่เข้าใจกัน และความหวาดระแวงต่อเจ้าหน้าที่รัฐ
ผม พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอกล่าวคำ ขอโทษ และขอแสดงความเสียใจถึงพี่น้อง โดยขอโอกาสที่จะนำความสงบ ความสุข ความสันติ เสมอภาค เป็นธรรม คืนกลับมาสู่พี่น้องประชาชนตามแนวทางสันติวิธี จำกัดการใช้ความรุนแรงจากอาวุธ ใช้วิธีพูดคุยทำความเข้าใจ เป็นปัจจัยในการสร้างสันติสุข ปรองดอง เพื่อให้แผ่นดินแห่งนี้บังเกิดความสุขอย่างแท้จริง ขอความสงบ สันติ และความเมตตาจงบังเกิดแด่ทุกท่านตลอดไป"
นี่คือคำประกาศหน้าเว็บไซต์ ศชต. ของ พล.ต.ท.อนุรุต ซึ่งเต็มไปด้วย "คำสำคัญ" ที่เชื่อว่าคือ "กุญแจ" ไขสู่สันติสุขอย่างยั่งยืน ทั้ง ขอโทษ, เสมอภาค, เป็นธรรม, สันติวิธี, จำกัดการใช้อาวุธ, พูดคุยทำความเข้าใจ ฯลฯ
และผ่านมาเพียงไม่นาน จุดยืนนี้ก็เริ่มพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าไม่ได้เขียนเอาไว้เท่ๆ
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา พล.ต.ท.อนุรุต พูดหน้าแถวตำรวจที่เข้าแถวกันตอนเช้า โดยเอ่ยถึงเหตุการณ์กำลังผสม 3 ฝ่ายบุกเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านต้องสงสัยที่ ต.คอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อเช้ามืดวันศุกร์ที่ 14 พ.ย.57 แล้ววิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องหาคดีความมั่นคง 2 ราย จับผู้ต้องสงสัยได้อีก 5 คน
เหตุการณ์นี้หน่วยงานความมั่นคงบางหน่วยแสดงท่าทีว่าการวิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องหาคดีความมั่นคง เป็นการกระทำที่ไม่รุนแรงเกินกว่าเหตุ แม้จะมีการขับรถหุ้มเกราะชนบ้านที่ปะทะกันจนบ้านพัง เพราะได้ปฏิบัติตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก พูดคุยเกลี้ยกล่อมแล้วแต่ไม่สำเร็จ และเปิดข้อมูลว่าผู้ต้องหาที่เสียชีวิตมีหมายจับคดีความมั่นคงรวมกันถึงเกือบ 100 หมาย!
แต่ พล.ต.ท.อนุรุต มีมุมมองอีกอย่างหนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้พูดกับผู้ใต้บังคับบัญชาที่กำลังตั้งแถวหน้าหน่วย ซึ่งมีการนำมาบอกเล่าเผยแพร่กันในเวลาต่อมา...
"ท่านบอกว่ายิ่งมีหมายจับเยอะท่านยิ่งอยากคุยด้วย แจ้งตำรวจในสังกัด ศชต.ให้รับทราบทั่วกัน กรณีปะทะที่หนองจิก ท่านบอกว่าทำเกินไป ทำไมไม่เจรจา โทรโข่งก็ไม่เอาไป อุปกรณ์เยอะแยะไม่เอาไป เอาไปแต่ปืน เขามีปืนสั้น รอให้ยิงสักพักก็หมดกระสุน ยืนยันว่าเสื้อเกราะของเราสามารถกันกระสุนได้ทุกชนิด และการเอารถชนบ้าน ถ้าเป็นตำรวจทำท่านจะเอาเรื่อง"
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่นำข้อความเหล่านี้มาเผยแพร่ ยืนยันว่าไม่ใช่ความลับ เพราะ ผบช.ศชต.บอกเองว่าให้นำไปกระจายต่อด้วย
พล.ต.ท.อนุรุต ยังมีไอเดียอีกหลายอย่างที่ผู้ใต้บังคับบัญชานำมาพูดถึงกัน เช่นเรื่องการตั้งด่านตรวจบางจุดที่ไม่ค่อยเป็นประโยชน์ และทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน น่าจะยกเลิก เป็นต้น
แต่เจ้าตัวยังไม่ค่อยได้พูดผ่านสื่อมวลชนแขนงใด จึงยังไม่มีรายละเอียดปรากฏมากนัก
อ่านถึงตรงนี้ หลายคนอาจยังข้องใจอยู่ว่า พล.ต.ท.อนุรุต เป็นใคร เส้นทางในชีวิตราชการเป็นอย่างไร
พล.ต.ท.อนุรุต เกิดเมื่อวันที่ 2 พ.ย.2498 ปัจจุบันอายุ 59 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี นิติศาสตร์บัณฑิต และยังจบปริญญาโท สังคมสงเคราะห์ศาสตร์มหาบัณฑิต สาขากระบวนการยุติธรรม จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไม่ได้เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน
ประวัติการทำงานได้รับรางวัลมากมาย เช่น รางวัลสถานีตำรวจบริการดีเด่น เมื่อปี 2532, 2533 รางวัลพัฒนาหน่วยดีเด่นของตำรวจภูธรภาค 9 รางวัลจัดสายตรวจดีเด่นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เคยบริหารงานควบคุมศูนย์ปราบปรามยาเสพติดของตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 1 ของภูธรภาค 9 และได้รับรางวัลปราบปรามยาเสพติดดีเด่นจากรัฐบาลในปี 2545
พล.ต.ท.อนุรุต เคยรับราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้หลายช่วง เช่น ปี 2543 เคยดำรงตำแหน่งรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส เคยเป็นรองผบช.ศชต. เมื่อปี 2552 ก่อนจะโยกไปเป็นจเรตำรวจ (สบ 8) และกลับมาผงาดเป็น ผบช.ศชต.ในปี 2557 ปีสุดท้ายของอายุราชการ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)
2 หน้าแรกของเว็บไซต์ ศชต. มีคำกล่าวของ พล.ต.ท.อนุรุต ขอโทษพี่น้องสามจังหวัด