แกะรอยเอกสาร BRN (ตอน 3) เปิดสารพัดเงื่อนไขแลกหยุดยิง
เป็นข่าวมานานกว่า 1 สัปดาห์ว่า "กลุ่มบีอาร์เอ็น" ในฐานะคู่สนทนาของรัฐบาลไทยในกระบวนการพูดคุยสันติภาพ ได้ส่งคำอธิบายข้อเรียกร้อง 5 ข้อถึงมือ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แล้ว แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนในรายละเอียดว่าเอกสารที่ส่งมามีเนื้อหาอย่างไรบ้าง
นอกจากการนำเสนอแบบคลุมๆ ว่า ฝ่ายบีอาร์เอ็นต้องการ "เขตปกครองพิเศษ" คล้ายๆ กับกรุงเทพมหานคร หรือเมืองพัทยา แลกกับการยุติปฏิบัติการความรุนแรงทั้่งหมดในปีหน้า
อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบเอกสารฉบับเต็มของบีอาร์เอ็นกลับไม่ใช่แค่นั้น เพราะยังมีข้อเรียกร้องย่อยๆ ประกอบกับเงื่อนไขต่างๆ อีกมากมายหลายข้อ ซึ่งบางส่วนต้องให้รัฐสภารับรองด้วย
"ทีมข่าวอิศรา" เปิดรายละเอียดคำชี้แจงข้อเรียกร้อง 5 ข้อของบีอาร์เอ็น เพื่อให้สังคมไทยได้ช่วยกันพินิจพิจารณา...
ข้อ 1 การพูดคุยสันติภาพนี้เป็นการพูดคุยระหว่างตัวแทนของนักต่อสู้เพื่ออิสรภาพปาตานีซึ่งนำโดยบีอาร์เอ็น กับราชอาณาจักรไทย โดยตั้งอยู่บนเหตุผลว่า
- บีอาร์เอ็นคือองค์กรปลดปล่อย เป็นตัวแทนของประชาชาติปาตานีมาเลย์ (Patani Malay nation หรือ bangsa)
- บีอาร์เอ็นคือผู้ปกป้องสิทธิ์และผลประโยชน์ของประชาชาติปาตานีมาเลย์
- บีอาร์เอ็นมีฐานะเป็นผู้ดูแลภารกิจและความต้องการของประชาชาติปาตานีมาเลย์
ข้อเรียกร้องนี้อ้างว่าสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา 32, 33 (เกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล), 45, 46 (เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น), 63, 64 และ 65 (เสรีภาพในการชุมนุมและการสมาคม)
รายละเอียดของข้อเรียกร้อง อธิบายเรื่องการเป็น "องค์กรปลดปล่อย" ว่าอ้างอิงจากการต่อสู้เพื่ออิสรภาพหรือเสรีภาพในเรื่องการปฏิบัติศาสนกิจ การใช้ภาษา ดำเนินชีวิตตามแนวทางอิสลาม, เสรีภาพในสิทธิด้านความยุติธรรมและกฎหมาย, เสรีภาพที่จะไม่ถูกกดขี่ ดูหมิ่น ฆ่า ลักพาตัว และคุกคามจากเจ้าหน้าที่รัฐหรือตัวแทน, เสรีภาพในการเรียน ทำธุรกิจ เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์, เสรีภาพในการมีส่วนร่วมทางสังคมและกิจกรรมของชุมชน รวมทั้งหลุดพ้นจากการเลือกปฏิบัติ และมีสิทธิต่างๆ เหมือนคนเชื้อชาติไทย พร้อมย้ำว่าไม่ใช่กลุ่มแบ่งแยกดินแดน เพราะไม่ได้ต้องการแยกดินแดนจากราชอาณาจักรไทย
นอกจากนั้นคณะพูดคุยของบีอาร์เอ็นทั้ง 15 คน ต้องได้รับการยกเว้นจากหมายจับ ถ้ามีอยู่แล้วให้ยกเลิก พร้อมรับรองความปลอดภัยระหว่างอยู่ในเขตแดนไทย มีเสรีในการเคลื่อนไหวทั้งในและนอกประเทศไทยเพื่อวัตถุประสงค์ของการพูดคุย
ข้อเสนอแลกเปลี่ยน คือ 1.จะหยุดปฏิบัติการต่อเป้าหมายอ่อนแอ หมายถึงพลเรือนที่ไม่ติดอาวุธ เจ้าหน้าที่รัฐไม่ถืออาวุธรวมทั้งครู 2.หยุดปฏิบัติการต่อเป้าหมายทางเศรษฐกิจ ในเขตชุมชน โรงงาน ห้างร้าน โดยทั้งหมดจะมีผลทันที
ข้อ 2 บีอาร์เอ็นเห็นชอบให้แต่งตั้งรัฐบาลมาเลเซียเป็นคนกลาง ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงในกระบวนการพูดคุยสันติภาพ โดยมีบทบาทดังนี้
- ควบคุมการพูดคุยสันติภาพและรับประกันความสำเร็จของการพูดคุย
- เพื่อให้ได้รับการยอมรับและเชื่อมั่นจากคนมลายูปาตานีและประชาคมระหว่างประเทศ
- เพื่อให้มีสื่อกลางระหว่าง 2 ฝ่ายในการช่วยแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในปาตานี
ข้อเรียกร้องนี้อ้างว่าสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 (ว่าด้วยแนวนโยบายของรัฐด้านการต่างประเทศ)
รายละเอียดของข้อเรียกร้อง มาเลเซียจะได้รับการแต่งตั้งเป็นคนกลางในอนาคตอันใกล้ทันทีที่การพูดคุยมีความมั่นคงและยกระดับสู่การเจรจาสันติภาพ, มาเลเซียคือประเทศเพื่อนบ้านของไทย เป็นสมาชิกอาเซียน และสมาชิกโอไอซี (องค์การความร่วมมืออิสลาม), มาเลเซียจะช่วยเหลือสนับสนุนการฟื้นฟูและการสร้างใหม่ของกระบวนการในภาคใต้ของไทย
ข้อเสนอแลกเปลี่ยน จะไม่ปฏิบัติการต่อชุดคุ้มครองครู บนเงื่อนไขที่ว่าต้องปรับเปลี่ยนชุดคุ้มครองเป็นอาสาสมัครแทนทหารและตำรวจ, กองทัพต้องสับเปลี่ยนกำลังทหารที่ดูแลความปลอดภัยพื้นที่ทางเศรษฐกิจออกไป แล้วให้พนักงานรักษาความปลอดภัยของเอกชนดำเนินการแทน (ข้อเสนอนี้จะไม่ทำทันที แต่เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่เสนอแผนเอาไว้)
ข้อ 3 กระบวนการพูดคุยต้องมีพยานจากผู้แทนประเทศในอาเซียน โอไอซี และเอ็นจีโอ ซึ่งได้รับการอนุมัติจากทั้งสองฝ่าย (บีอาร์เอ็นและรัฐบาลไทย) ด้วยเหตุผลดังนี้
- ความพยายามที่จะแก้ไขความขัดแย้งในปาตานีต้องการการมีส่วนร่วมจากประชาคมมุสลิมจากนานาประเทศ
- โดยปกติการพูดคุยและข้อตกลงสันติภาพใดๆ ควรต้องมีสักขีพยาน ซึ่งได้รับความเห็นชอบและเชื่อใจร่วมกันระหว่างคู่สนทนา (รัฐบาลไทยกับบีอาร์เอ็น)
- เพื่อรับรองความมั่นคงของการพูดคุยซึ่งได้รับการรับประกันจากทั้งสองฝ่าย
ข้อเรียกร้องนี้อ้างว่าสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา 82
รายละเอียดของข้อเรียกร้อง ความเกี่ยวข้องของอาเซียน โอไอซี และเอ็นจีโอ ในอนาคตอันใกล้จะเกิดขึ้นทันทีที่การพูดคุยมีความมั่นคงและยกระดับขึ้นเป็นการเจรจาสันติภาพ, เพื่อทำให้เกิดความน่าเชื่อถือและความรับผิดชอบต่อกระบวนการสันติภาพ และจะทำให้เกิดความช่วยเหลืออย่างมากต่อการฟื้นฟูและสร้างกระบวนการในภาคใต้ของไทย
ข้อเสนอแลกเปลี่ยน บีอาร์เอ็นจะให้คำมั่นอย่างเต็มกำลังกับการร่วมหาฉันทามติในทุกๆ การประชุมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ข้อ 4 รัฐบาลไทยควรยอมรับการมีอยู่และอำนาจสูงสุดทางการปกครองของประชาชาติปาตานีมาเลย์บนแผ่นดินปาตานี โดยเหตุผลดังนี้
- รากเหง้าของความขัดแย้งในปาตานีสืบเนื่องจากการเข้าครอบครองและการยึดเอาสิทธิต่างๆ ไปจากประชาชาติปาตานีมาเลย์
- เป็นประเด็นที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและสิทธิในการกำหนดใจหรือชะตาชีวิตตนเอง (self determination)
- เป็นประเด็นของสิทธิทางการเมือง ความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ การศึกษา และอัตลักษณ์ของสังคมและวัฒนธรรม
ข้อเรียกร้องนี้อ้างว่าสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา 26 (ว่าด้วยศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์), 30 (ความเสมอภาคกันในกฎหมาย), 32, 33, 39 และ 40 (สิทธิในกระบวนการยุติธรรม) ขณะที่สิทธิในการกำหนดชะตาชีวิตตนเอง และข้อตกลงร่วมกันในปัญหาการเมือง สังคม วัฒนธรรม ได้รับการอ้างอิงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 66 (สิทธิชุมชน) และมาตรา 78 (1) (2) (3) [ว่าด้วยการบริหารราชการส่วนกลาง ภูมิภาค และท้องถิ่น]
รายละเอียดของข้อเรียกร้อง
- รัฐบาลไทยต้องยอมรับประชาคมปาตานีมาเลย์ โดยการรับรองนี้ต้องเป็นวาระของรัฐสภา
- บีอาร์เอ็นไม่ได้ต้องการแบ่งแยกดินแดนจากราชอาณาจักรไทย เรื่องนี้ต้องถูกบรรจุเป็นวาระของรัฐสภาเช่นกัน
- รายละเอียดของข้อเรียกร้องนี้จะได้รับการอภิปรายต่อไปหลังจากการหยุดยิงอย่างเป็นทางการประสบความสำเร็จ หรือได้สถาปนาขึ้นแล้ว ซึ่งอาจใช้เวลาเป็นปี
- นิยามของสิทธิของชาวปาตานีมาเลย์ คือ "รัฐบาลไทยต้องยอมรับว่าเคยมีอาณาจักรอิสลามปาตานีก่อนที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสยามในปี ค.ศ.1776 (พ.ศ.2319) พื้นที่ส่วนนี้ในปัจจุบัน คือ จ.ปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสงขลา ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าครั้งหนึ่งเคยมีดินแดนปาตานีอยู่จริงในฐานะรัฐๆ หนึ่ง มีการปกครองโดยชาวมาเลย์มุสลิม ดังนั้นปัจจัยนี้จึงอธิบายเหตุผลของความต้องการของประชาคมปาตานีมาเลย์ในสิทธิที่คนปาตานีมาเลย์ควรจะได้รับกลับคืนมา"
- รัฐบาลไทยต้องให้โอกาสประชาคมปาตานีมาเลย์ในการบริหารพื้นที่ โดยจัดตั้งเขตปกครองพิเศษ (Special Administrative Region) ในเขตอธิปไตยของไทย ดังเช่น กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา
แน่ชัดว่าการปกครองตนเองอย่างมีขอบเขตนี้อยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย และไม่ใช่การแบ่งแยกจากอาณาเขตไทย ดังนั้นข้อเรียกร้องนี้จึงอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญไทย และเป็นความหมายของสิทธิในการกำหนดชะตาชีวิตตนเอง (The right for self determination)
- รายละเอียดของข้อเรียกร้องสิทธิในการกำหนดชะตาชีวิตตนเองจะมีการอภิปรายต่อไปในภายหลัง แต่จะต้องรวมประเด็นเหล่านี้ด้วย 1.การรับรองต่อประชาคมปาตานีมาเลย์ 2.รูปแบบของเขตปกครองพิเศษ 3.ผู้แทนพิเศษในรัฐสภาไทย 4.ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษจากประชาคมปาตานีมาเลย์ 5.การบริหารเรื่องการปรับกำลังหรือเคลื่อนกำลังตำรวจไทยในเขตปกครอง 6.โควต้าของตำแหน่งราชการในเขตปกครอง 7.เรื่องเยาวชน และสำนักงานเกี่ยวกับเยาวชน 8.เสรีภาพสื่อ 9.ส่วนแบ่งรายได้ของรัฐและทรัพย์สินต่างๆ ของเขตปกครอง 10.การศึกษา
ข้อเสนอแลกเปลี่ยน
- หยุดปฏิบัติการทั้งหมดกับกองทหารจากกองทัพภาคที่ 1, 2 และ 3 ที่ถูกส่งเข้ามาในพื้นที่ (ต้องหารือขั้นตอนกันต่อไป)
- กำลังของกองทัพภาคที่ 4 และตำรวจท้องถิ่นจะสามารถตั้งฐานได้ในจังหวัด แต่จำกัดการตั้งฐานขนาดใหญ่ และห้ามตั้งฐานในหมู่บ้าน
- บีอาร์เอ็นจะยุติปฏิบัติการทางทหารทั้งหมด (ตามขั้นตอนที่ได้เสนอแผนไว้)
- บีอาร์เอ็นพร้อมให้ข้อผูกมัดอย่างเต็มที่กับการกำหนดกรอบเวลาเกี่ยวกับเงื่อนไขต่างๆ
- บีอาร์เอ็นจะตกลงให้มีการหยุดยิงอย่างเป็นทางการในปี 2558 (ค.ศ.2015)
- การหยุดปฏิบัติการทั้งหมดก่อนการเจรจาหยุดยิง เป็นไปตามตารางเวลา คือ
จ.สงขลา เริ่ม ม.ค.2557
จ.ยะลา เริ่ม เม.ย.2557
จ.นราธิวาส เริ่ม ก.ค.2557
จ.ปัตตานี เริ่ม ต.ค.2557
ข้อ 5 บีอาร์เอ็นต้องการให้รัฐบาลไทยปลดปล่อยผู้ถูกคุมขังทุกคนโดยเจ้าหน้าที่ไทยเนื่องจากเหตุผลทางการเมือง และลบล้างหมายจับทั้งหมดของนักสู้ปาตานี ด้วยเหตุผลดังนี้
- นักสู้ปาตานีเป็นผู้พิทักษ์ปกป้องประชาชนของเขา ไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายหรือกลุ่มแบ่งแยกดินแดน, นักสู้ปาตานีเป็นผู้สนับสนุนความยุติธรรม ไม่ใช่ผู้กดขี่ หรือปกครองแบบเผด็จการ หรือเป็นผู้ทรยศหักหลังประชาชนชาวปาตานี, นักสู้ปาตานีเป็นผู้รักสันติภาพ ไม่ใช่ผู้สร้างปัญหาหรือเป็นพวกสุดโต่ง
ข้อเรียกร้องนี้อ้างว่าสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา 32, 33, 39, 40 และ 81 (แนวนโยบายของรัฐด้านกฎหมายและการยุติธรรม)
รายละเอียดของข้อเรียกร้อง ปล่อยนักโทษและผู้ถูกจับกุมจากปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ของไทย, นิรโทษกรรมให้กับนักต่อสู้เพื่ออิสรภาพทั้งที่ถูกพิพากษาและจำคุก, ยกเลิกหมายจับ, ป้องกันการฆ่าสังหารโดยรัฐ หรือตัวแทนทั้งทางตรงและทางอ้อม
ข้อเสนอแลกเปลี่ยน
- การหยุดยิงและการอภิปรายในเรื่องนี้ต่อไปจะได้รับการผูกมัดเมื่อมีการจัดการให้ปล่อยผู้ต้องขัง 10 รายและยกเลิกหมายจับ 10 หมายทุกๆ เดือน โดยบีอาร์เอ็นจะหยุดปฏิบัติการโดยเป็นฝ่ายเลือกพื้นที่หรืออำเภอ
- บีอาร์เอ็นจะระบุชื่อหรือพิสูจน์เอกลักษณ์ผู้คุมขัง โดยรัฐบาลไทยต้องช่วยเหลือในกระบวนการนี้
- บีอาร์เอ็นพร้อมให้ข้อผูกมัดอย่างเต็มที่กับการกำหนดกรอบเวลาเกี่ยวกับเงื่อนไขต่างๆ
- การหยุดปฏิบัติการทั้งหมดก่อนการเจรจาหยุดยิง เป็นไปตามตารางเวลาเหมือนข้อ 4
อกนิษฐ์ : ไร้หลักประกันหยุดยิง-ไม่แยกดินแดน
พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ประสานงานชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน กองทัพบก ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการพูดคุยสันติภาพ กล่าวว่า สาระสำคัญที่สุดที่บีอาร์เอ็นต้องการสื่อผ่านเอกสาร 38 หน้าก็คือ การเรียกร้อง "เขตปกครองพิเศษ" ซึ่งตรงกับที่เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่าทั้งมาเลเซียและบุคคลที่อยู่เบื้องหลังคณะพูดคุยฝ่ายไทยล็อคคำตอบสุดท้ายเอาไว้แล้วว่า กระบวนการพูดคุยสันติภาพรอบนี้จะต้องจบที่ "เขตปกครองพิเศษ"
ส่วนที่บีอาร์เอ็นยืนยันว่าจะหยุดปฏิบัติการทางทหาร วางอาวุธ และไม่แบ่งแยกดินแดนจากไทยนั้น เห็นว่าเป็นเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ และไม่มีหลักประกันใดๆ ว่าหากรัฐบาลไทยทำตามข้อเรียกร้องและเงื่อนไขทั้งหมดแล้วบีอาร์เอ็นจะปฏิบัติตามเอกสารที่ส่งมา
"ต้องเข้าใจว่ากลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐมีหลายกลุ่ม ถามว่าบีอาร์เอ็นคุมได้หมดทุกกลุ่มหรือเปล่า นายฮัสซัน ตอยิบ (แกนนำบีอาร์เอ็นที่เป็นหัวหน้าคณะพูดคุย) สั่งการได้ทั้งหมดจริงหรือ และที่สำคัญความต้องการที่แท้จริงของบีอาร์เอ็นซึ่งได้ประกาศมาตลอดคือการแบ่งแยกดินแดนออกจากประเทศไทย ไม่ใช่เขตปกครองพิเศษ ฉะนั้นจึงเชื่อไม่ได้ว่าจะต้องการเขตปกครองพิเศษจริงๆ"
พล.อ.อกนิษฐ์ บอกด้วยว่า กระบวนการพูดคุยและเสนอข้อเรียกร้องที่กำลังทำกันอยู่นี้่ผิดหลักการของกระบวนการสันติภาพที่ทำกันทั่วโลก เพราะมีการเปิดเผยข้อเรียกร้องทั้งหมดต่อสาธารณะ แล้วบอกว่ายอมรับบางข้อก่อนก็ได้ ที่เหลือค่อยคุยกันต่อ ซึ่งไม่มีที่ไหนทำกัน ความจริงแล้วต้องคุยกันให้จบเสียก่อน ต่อรองกันให้เรียบร้อยว่าอะไรทำได้ ทำอะไรทำไม่ได้ กระทั่งตกผลึกเป็นประเด็นที่ยอมรับกันทั้งสองฝ่ายจึงจะทำความตกลงอย่างเป็นทางการเป็นข้อตกลงสันติภาพ ที่สำคัญต้องมีโรดแมพ (แผนที่เดินทาง) ที่ชัดเจนว่าหลังจากตกลงกันแล้วจะทำอะไรต่อไปบ้าง แต่กระบวนการที่ทำกันอยู่นี้ไม่มีเลย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ภาพประกอบจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
อ่านประกอบ :
- แกะรอยเอกสาร BRN (ตอน 2) จัดทีมพูดคุยใหม่ - ยันไม่แยกดินแดน
- แกะรอยเอกสาร 38 หน้า BRN อ้างขอ "เขตปกครองพิเศษใต้ รธน.ไทย"