สรุปปฏิบัติการป่วนใต้รับนายกฯมาเลย์ ฝ่ายความมั่นคงเสียงแตก-มองต่างมุม
ทีมข่าวอิศรา
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
ดังที่ "ทีมข่าวอิศรา" รายงานเอาไว้เมื่อค่ำวานนี้ (8 ธ.ค.) ว่าประเด็นที่น่าจับตายิ่งกว่าผลการพบปะหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีของไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับผู้นำมาเลเซีย นายนาจิบ ราซัค ก็คือสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ส่งสัญญาณป่วนหนักมาตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว ล่าสุดตั้งแต่คืนวันที่ 8 ธ.ค. ต่อเนื่องถึงวันที่ 9 ธ.ค.ตลอดทั้งวัน ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้นำสองประเทศกำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปรากฏว่าเกิดเหตุรุนแรงกระจายไปทั้งสามจังหวัด สรุปได้ดังนี้
- 21.56 น. คืนวันที่ 8 ธ.ค. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้แบตเตอรี่กดจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม ซึ่งนำไปฝังไว้ริมถนนหน้าโรงไม้บ้านตะเหลียง หมู่ 4 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ขณะที่ทหารชุดลาดตระเวนจากหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 36 ชุดช่วยราชการ อ.ตากใบ ผ่านมาพอดี แรงระเบิดทำให้ พลทหารสุทัด ชูเส้นผม อายุ 22 ปี เสียชีวิต และ ส.อ.สุทิน เทพนิมิตร อายุ 30 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส
- 05.30 น. คนร้ายก่อเหตุป่วนหลายจุดในท้องที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา โปรยตะปูเรือใบบนทางหลวงหมายเลข 410 ระหว่างบ้านยือริ หมู่ 5 กับบ้านบาซาเว หมู่ 6 ต.กรงปินัง และตัดต้นไม้ขวางถนนพร้อมโปรยตาปูเรือใบระหว่างบ้านกรงปินัง หมู่ 7 กับบ้านลือมุ หมู่ 7 และวางวัตถุต้องสงสัย 1 จุด เจ้าหน้าที่ใช้ปืนแรงดันน้ำยิงทำลาย ภายในไม่มีวัตถุระเบิด
หลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุและเก็บกวาดตะปูเรือใบเรียบร้อย ขณะกำลังเดินเท้ากลับไปที่รถซึ่งจอดอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 410 ห่างจากทางแยกเข้า สภ.กรงปินัง ประมาณ 30 เมตร ปรากฏว่าคนร้ายได้กดจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องโดยใช้วิทยุสื่อสาร (สไปเดอร์บอมบ์) แรงระเบิดทำให้ นายแวเซะ มาฮะ อายุ 27 ปี นายบาซากี ยูโซ๊ะ อายุ 32 ปี อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) อ.กรงปินัง และ ร.ต.ท.เฉลิม ศรีวงศ์ รองสารวัตรปราบปราม (รองสวป.สภ.กรงปินัง) ได้รับบาดเจ็บ โดยใกล้ๆ กับจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบแผ่นผ้าสีขาวเขียนด้วยอักษรรูมีและภาษายาวีว่า "เราจะแก้แค้นให้พรรคพวกที่สูญเสีย"
นอกจากนั้น ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ในท้องที่ อ.รามัน และตำบลรอบนอกของ อ.เมืองยะลา คนร้ายได้นำป้ายผ้าเขียนข้อความเป็นตัวอักษรรูมีและภาษายาวีสีแดง แปลเป็นไทยว่า "เราจะแก้แค้นให้กับพรรคพวกที่สูญเสียไป" ไปติดไว้ตามสถานที่ต่างๆ เช่นกัน
- 07.00 น. คนร้ายจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ซุกไว้ในกองหญ้าแห้งริมทางหลวงหมายเลข 409 ปัตตานี-ยะลา ท้องที่บ้านคลองหิน หมู่ 2 ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เพื่อดักสังหารทหารชุดรักษาความปลอดภัยครู (รปภ.ครู) จำนวน 6 นายจากหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 24 ขณะออกลาดตระเวนเดินเท้า แต่แรงระเบิดไม่ได้ทำให้ผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
- 07.00 น.เช่นกัน เจ้าหน้าที่พบป้ายผ้าเขียนข้อความด้วยตัวอักษรรูมีและภาษายาวีว่า "ปัตตานีเป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซีย" ติดอยู่หลายจุดในเขต อ.เมืองปัตตานี เช่น บนทางหลวงหมายเลข 42 (ปัตตานี-นราธิวาส) ที่สะพานลอย ต.ปะกาฮารัง ทางแยกหน้าบริษัทน้ำอัดลมแห่งหนึ่งใน ต.ตะลุโบะ หน้าโรงเรียนสตรีพัฒนา ต.ตันหยงลูโละ จึงต้องกระจายกำลังกันปลดป้ายดังกล่าว
- 08.30 น. วันที่ 9 ธ.ค. คนร้ายลอบติดป้ายผ้าเขียนข้อความว่า "ฟาตอนี (ปัตตานี) เป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซีย" ไว้ในสวนยางพาราริมถนนเพชรเกษม ท้องที่บ้านยาโง๊ะ หมู่ 3 ต.ลูโบะบือซา อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 นำกำลังไปปลดป้ายดังกล่าว ปรากฏว่าคนร้ายผูกระเบิดโยงระหว่างเชือกกับกิ่งไม้เป็นสลักแบบสะดุด เมื่อเจ้าหน้าที่ปลดป้ายจึงเกิดระเบิดขึ้น แรงระเบิดทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คือ พ.จ.อ.เกียรติกร ช่วยทอง พ.จ.อ.เริงศักดิ์ โตสำลี
ในเวลาไล่เลี่ยกัน คนร้ายแขวนป้ายผ้าเขียนข้อความลักษณะเดียวกันไว้บนต้นไม้ริมถนนสายบ้านตอหลัง-บ้านลูโบะดีแย หมู่ 6 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส และบริเวณริมถนนในหมู่บ้านสะปอม หมู่ 5 ต.กะลุวอเหนือ อ.เมืองนราธิวาส แต่ทั้ง 2 จุดไม่มีการผูกระเบิดไว้ดักทำร้ายเจ้าหน้าที่
- 10.10 น. ขณะเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ทำลายล้างวัตถุระเบิด (อีโอดี) หน่วยเฉพาะกิจ (ฉก.) อโณทัย นำโดย จ.ส.ท.ฉัตรชัย ฉัตรอารีย์วงศ์ กำลังนำรถยนต์ตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือและรีโมทคอนโทรล ออกลาดตระเวนในเขตเทศบาลนครยะลาอยู่นั้น ปรากฏว่าพบวัตถุต้องสงสัยบริเวณข้างศาลาที่พักทรง 8 เหลี่ยม ถนนเลี่ยงเมืองเลียบแม่น้ำปัตตานี จึงได้เข้าทำการเก็บกู้ แต่ระหว่างนั้นได้เกิดระเบิดขึ้น แรงระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่ชุดอีโอดีได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย คือ จ.ส.ท.ฉัตรชัย หัวหน้าชุด ส.อ.วีระวุฒิ หมุนลี ส.อ.สมศักดิ์ ศรีภักดี นายสิบฝ่ายการทำลายฯ โดยในที่เกิดเหตุ คนร้ายยังทิ้งกระดาษเขียนข้อความเยาะเย้ยทหารเอาไว้ด้วย
- 10.20 น. ขณะที่ นายนุภาพย์ มณีโชติ ปลัดฝ่ายความมั่นคง อ.เมืองยะลา นำกำลัง อส.นั่งรถกระบะกันกระสุนรุดไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุระเบิดบนถนนเลี่ยงเมืองยะลาเลียบแม่น้ำปัตตานี ปรากฏว่าเมื่อรถแล่นถึงสวนมิ่งเมือง เยื้องกับโกดังยงฮวดเก่า ได้เกิดระเบิดขึ้นบนถนนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้ นายสุระ สุขสวัสดิ์ อส.เมืองยะลา แก้วหูแตก สูญเสียการได้ยิน ส่วนคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
- 10.30 น. ขณะที่ชุดเก็บกู้ทำลายล้างวัตถุระเบิด (อีโอดี) ของกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 (ตชด.44) กำลังถอนตัวออกจากจุดเกิดเหตุระเบิดบนถนนเลี่ยงเมืองยะลา ได้เกิดระเบิดขึ้นอีก 1 ลูกบริเวณฟุตบาทห่างจากศาลาที่พบระเบิดลูกแรกเพียง 5 เมตร แรงระเบิดทำให้ ส.ต.ท.พรชัย ภูศรี ผู้บังคับหมู่กลุ่มงานเก็บกู้ทำลายล้างวัตถุระเบิด ตชด.44 เสียชีวิต และมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บอีก 4 คน ประกอบด้วย จ.ส.อ.สุทัศน์ สุกานนท์ ส.อ.สุวัฒน์ เสรีชน ทหารสังกัดหน่วยเฉพาะกิจยะลา 11 พ.ต.ท.ประวิช เจียวไสว พนักงานสอบสวน รักษาราชการแทน รองผู้กำกับการ สส.สภ.เมืองยะลา และ นายนิพนธ์ จันทร์สว่าง อส.อำเภอเมืองยะลา ทั้งนี้ ระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นชนิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยการตั้งเวลา โดยใช้ระเบิดลูกแรกที่ศาลา 8 เหลี่ยมล่อให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ
- 13.15 น. เกิดระเบิดขึ้นที่บริเวณที่พักจุดตรวจของตำรวจจราจร (รูปหมวกกันน็อค) ตั้งอยู่ริมถนนเทศบาล 1 ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา ตรงข้ามกับโรงพยาบาลศูนย์ยะลา แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ นอกจากนั้นบริเวณวงเวียนใกล้ๆ กับโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ยังพบวัตถุต้องสงสัยอีก 2 กล่อง แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดใช้ปืนแรงดันน้ำยิงทำลาย พบว่าไม่ใช่ระเบิด
- 18.45 น. เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามอาก้ายิงถล่มร้านอาหารพี่นา ซึ่งขายอาหารตามสั่ง ตั้งอยู่ริมถนนจารุเสถียร เลขที่ 132 หมู่ 1 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ได้รุดไปตรวจสอบ พบมีประชาชนยืนมุงดูเหตุการณ์อยู่เป็นจำนวนมาก จังหวะนั้นเอง คนร้ายซึ่งแฝงตัวอยู่ในละแวกใกล้เคียงได้ใช้โทรศัพท์มือถือกดจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนัก 5 กิโลกรัมซึ่งติดตั้งไว้ในรถจักรยานยนต์ จนเกิดระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แรงระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนได้รับบาดเจ็บ 12 ราย เสียชีวิต 1 ราย คือ น.ส.อารนี สะมะแอ อายุ 22 ปี เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นแผนของคนร้าย ตั้งแต่นำรถจักรยานยนต์ติดตั้งระเบิดมาจอด ใช้อาวุธสงครามกราดยิงร้านอาหาร และกดจุดชนวนระเบิดซ้ำ
รายชื่อผู้บาดเจ็บ ได้แก่ น.ส.อารยา สะมะแอ อายุ 15 ปี ด.ช.มูหามัดไฟซู มะซาลี อายุ 13 ปี อาการสาหัส ด.ญ.ฟาติน แวหะ อายุ 4 ปี นายธีระชาติ สติลักษณ์ อายุ 31 ปี นางบีเลาะ อาลี อายุ 50 ปี ขาขวาขาด นายอะดีนัน แลหะ อายุ 31 ปี นางวิมลวรรณ ฉัตรชัยพรรณ อายุ 47 ปี นางซาราฮ์ มูจิ อายุ 25 ปี นายปิตุพงษ์ รัตนวงษ์ นายอับดุลฮาซัน แวดอเลาะ อายุ 26 ปี นายแอรโรด์ เปาะเด๊ะ อายุ 25 ปี และ พ.ต.ท.ธีระพจน์ ยินดี ตำรวจ สภ.สุไหงปาดี
"ตำรวจ-ทหาร"วิเคราะห์คนละมุม
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) อดีตผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) วิเคราะห์ว่า สาเหตุที่กลุ่มก่อความไม่สงบก่อเหตุได้เยอะมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฝ่ายความมั่นคงต้องทุ่มกำลังไปดูแลบริเวณที่เป็นสถานที่จัดงานและเส้นทางผ่านของผู้นำทั้งสองประเทศ จึงทำให้เกิดช่องโหว่ช่องว่างในจุดอื่นๆ เปรียบได้กับเวลามีการนัดชุมนุมใหญ่ในกรุงเทพฯ คดีลักเล็กขโมยน้อยก็จะเยอะ เพราะตำรวจส่วนใหญ่ต้องไปให้ความสนใจกับการรับมือม็อบ
อย่างไรก็ดี จุดที่ พล.ต.ท.ธีระเดช ให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือการนำป้ายผ้าไปติดตามสถานที่ต่างๆ เขียนข้อความว่า "ปัตตานีเป็นส่วนหนึ่งของมาเลย์" โดยอดีตผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลมองว่า น่าจะมีจุดประสงค์เพื่อยุยงให้เกิดความหวาดระแวงกันระหว่างไทยกับมาเลเซีย ในขณะที่ผู้นำของทั้งสองประเทศกำลังแสดงท่าทีร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
"แสดงว่าฝ่ายที่ก่อการไม่อยากให้ 2 ประเทศร่วมมือกัน จึงต้องพยายามตอกลิ่มสร้างความหวาดระแวง" พล.ต.ท.ธีระเดช ระบุ
ด้านแหล่งข่าวจากสันติบาล ซึ่งเป็นหน่วยปฏิบัติในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสถานการณ์โดยรวมของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้นมาก โดยสันติบาลได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลจากหลายฝ่าย เช่น พระก็ยอมรับว่าดีขึ้น สามารถออกบิณฑบาตได้ มีพุทธศาสนิกชนกล้าออกมาทำบุญ ส่วนฝ่ายทหาร ทางแม่ทัพภาคที่ 4 ก็ยืนยันว่าสามารถปฏิบัติงานเชิงรุกได้มากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ชื่นชอบ ขณะที่ฝ่ายตำรวจเอง ทางศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ก็ประเมินว่าทำงานง่ายขึ้น แต่ปัญหาคืออาจจะมีบางกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากสถานการณ์ จึงไม่อยากให้เกิดสันติสุข
"เห็นได้ชัดตอนที่มีการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลา และให้ใช้กฎหมายความมั่นคงแทน (พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551) ซึ่งมีบทบัญญัติมาตรา 21 ให้ยกเว้นโทษอาญาให้กับผู้หลงผิดได้ คล้ายๆ กับการอภัยโทษหรือนิรโทษกรรม พอรัฐบาลประกาศตรงนี้ออกมา ปฏิกิริยาของคนที่ไม่อยากให้มันจบก็แสดงออกมาทันที เรื่องนี้มีการวิเคราะห์กันในฝ่ายความมั่นคงพอสมควรว่าอาจมีกลุ่มที่ได้ประโยชน์หากสถานการณ์ในพื้นที่ยังรุนแรงต่อไป" แหล่งข่าวจากสันติบาล ระบุ
พ.อ.ปริญญา ฉายดิลก จากกองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (พตท.) อดีตโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) วิเคราะห์ไปอีกมุมหนึ่งว่า ไม่เชื่อว่ากลุ่มก่อความไม่สงบออกมาแสดงศักยภาพช่วงนี้เพื่อตอกลิ่มความสัมพันธ์ไทยกับมาเลเซีย เพราะยิ่งออกมาแรง จะยิ่งเป็นผลลบมากกว่า เนื่องจากสองชาติจะยิ่งร่วมมือกันมากขึ้น เพราะเห็นชัดเจนว่าปัญหามีอยู่จริง และยังคงรุนแรง
"เรากำลังตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดฝ่ายก่อการจึงเลือกแสดงศักยภาพด้วยการก่อเหตุรุนแรงในช่วงนี้ ทั้งๆ ที่ในช่วงบุคคลสำคัญของชาติตะวันออกกลางเดินทางมา เช่น คณะทูตานุทูต กลับไม่มีการสร้างสถานการณ์ แต่กับนายกฯมาเลเซียกลับเร่งก่อเหตุให้มากที่สุด เชื่อว่าฝ่ายผู้ก่อการคงไม่ได้คิดชั้นเดียวคือแค่แสดงศักยภาพ เพราะเขาจะทำเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เลือกทำจังหวะนี้เพราะเหตุใด"
อย่างไรก็ดี พ.อ.ปริญญา ยืนยันว่า สถานการณ์ในช่วงที่ผ่านมาดีขึ้นจริง ประชาชนกล้าที่จะใช้ชีวิตปกติ เพราะเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นน้อยลง ประกอบกับสถานการณ์ต่อเนื่องยาวนานถึง 6 ปี คนส่วนใหญ่จึงเริ่มยอมรับได้และคุ้นชิน