- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- กอ.รมน.กางแผนสร้างรั้วชายแดน! ใต้ฝนหนัก – พบรถเหยื่อ3ศพยัดถังเจอเผาซ้ำ
กอ.รมน.กางแผนสร้างรั้วชายแดน! ใต้ฝนหนัก – พบรถเหยื่อ3ศพยัดถังเจอเผาซ้ำ
กอ.รมน.เอาจริง! กางแผนสร้างรั้วชายแดนไทย-มาเลเซีย ทั้งรั้วคอนกรีต ตาข่าย ลวดหนาม และรั้วต้นไม้ เตรียมนำเข้าถกในเจบีซีเร็วๆ นี้ สถานการณ์ใต้ยังป่วนหนักทั้งๆ ที่ฝนถล่ม น้ำจ่อท่วม แต่ยังมีบึ้ม-ยิงรายวัน ในโรงเรียนก็ไม่เว้น พบรถกระบะเหยื่อฆ่ายัดถัง 3 ศพถูกเผาซ้ำ
พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) ได้เสนอแนวคิดการสร้างรั้วตามแนวชายแดนในพื้นที่ภาคใต้ต่อ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ผอ.รมน. เพื่อสนับสนุนการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ เนื่องจากข้อมูลด้านการข่าวพบว่ามีแนวร่วมผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ใช้บางพื้นที่เป็นช่องทางในการเคลื่อนไหวหรือขนย้ายสารประกอบวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง ทั้งยังช่วยลดปัญหาการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ปัญหายาเสพติด ปัญหาสินค้าหนีภาษี เช่น น้ำมันเถื่อน ทั้งยังสามารถลดการใช้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนป้องกันชายแดนนั้น
ความคืบหน้าจนถึงขณะนี้คือ ในหลักการเบื้องต้นทราบว่าทางรัฐบาลมาเลเซียได้เห็นชอบและอาจนำเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-มาเลเซีย เพื่อพิจารณาในรายละเอียดต่อไป
สำหรับการสำรวจความต้องการสร้างรั้วตามแนวชายแดนของฝ่ายไทย จะเป็นการสร้างรั้วตามแนวชายแดนในพื้นที่เขตแดนไทยที่มีการปักปันเขตแดนแล้ว โดยพิจารณาจากลักษณะภูมิประเทศและภัยคุกคามด้านความมั่นคงเป็นสำคัญ สรุปความต้องการในการสร้างรั้วตามแนวชายแดน ประกอบด้วย
- รั้วคอนกรีตเสริมลวดหนาม ระยะทาง 6.5 กิโลเมตร ในพื้นที่ อ.นาทวี จ.สงขลา
- รั้วลวดตาข่ายเสาเหล็กสูง 3 เมตร ระยะทาง 68.9 กิโลเมตร ในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และ อ.สะเดา อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา
- รั้วลวดหนาม ระยะทาง 46 กิโลเมตร ในพื้นที่ อ.แว้ง จ.นราธิวาส และ ระยะทาง 26 กิโลเมตร ในพื้นที่ จ.ยะลา
- เขื่อนอเนกประสงค์ (เสริมลวดตาข่าย) ระยะทาง 9.3 กิโลเมตร ในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส
- รั้วพืชพรรณไม้บริเวณแนวชายแดน ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูง ระยะทาง 400.7 กิโลเมตร ในพื้นที่ จ.นราธิวาส จ.ยะลา จ.สงขลา และ จ.สตูล
พ.อ.บรรพต กล่าวด้วยว่า แนวชายแดนภาคใต้ของไทยมีอาณาเขตติดต่อกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีความยาวเส้นเขตแดนประมาณ 647 กิโลเมตร อยู่ในพื้นที่ จ.สตูล 56 กิโลเมตร จ.สงขลา 150 กิโลเมตร จ.ยะลา 267กิโลเมตร และ จ.นราธิวาส 174 กิโลเมตร เฉพาะ จ.นราธิวาส แบ่งเป็นเขตแดนทางบก 79 กิโลเมตร และทางน้ำ 95 กิโลเมตร
บึ้มโคกโพธิ์-ยิงอดีตทหารพรานดับ น้องสาว2คนเจ็บ
ด้านสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงมีเหตุร้ายเกิดขึ้นรายวัน โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 พ.ย.2556 เวลา 15.50 น. เกิดระเบิดบริเวณริมถนนสายชนบท ท้องที่บ้านคลองหิน หมู่ 2 ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เพราะขณะเกิดเหตุไม่มีผู้ใดสัญจรผ่านบริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเบื้องต้นพบเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่อง วางไว้ที่โคนต้นไม้ริมถนน
ก่อนหน้านั้น วันอังคารที่ 19 พ.ย. เวลา 06.30 น. คนร้าย 3 คนมีรถกระบะยี่ห้อมาสด้า รุ่นบีที 50 สีบรอนซ์เงิน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนเป็นพาหนะ ขับไปจอดที่หน้าบ้านเลขที่ 108/1 บ้านสระมาลา หมู่ 3 ต.คลองมานิง อ.เมือง จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นบ้านของ นายอับดุลรอฮิม มะลี อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นอดีตทหารพราน จากนั้นได้ใช้อาวุธปืนสงครามอาก้ากราดยิงใส่ ขณะที่ นายอับดุลรอฮิม กำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่บริเวณศาลาหน้าบ้าน โดยมีน้องสาว 2 คนนั่งอยู่ด้วย ทำให้ นายอับดุลรอฮิม เสียชีวิต ขณะที่ น.ส.ฟาดีละห์ มะลี อายุ 26 ปี และ น.ส.ไซนะ มะลี อายุ 23 ปี น้องสาว ได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
เวลา 12.40 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถยนต์เก๋งสีบรอนซ์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนสงครามยิง นายฮามิ ปาเนาะ อายุ 71 ปี รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) จะแนะ อยู่บ้านเลขที่ 25 บ้านยะออ หมู่ 1 ต.จะแนะ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดขณะ นายฮามิ กำลังขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีขาว หมายเลขทะเบียน กษ 759 สงขลา เดินทางออกจาก อบต.จะแนะ เพียงลำพังเพื่อกลับบ้าน โดยใช้ถนนสายชนบท จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณสามแยกบ้านยะออ หมู่ 1 ต.จะแนะ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
ปาระเบิดถล่มทหารพรานในโรงเรียนเจ็บ 2
วันจันทร์ที่ 18 พ.ย.เวลา 10.10 น. คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ขว้างระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ท่อพีวีซีเข้าไปในโรงเรียนบ้านจะเฆ่ หมู่ 2 ต.แป้น อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ขณะที่ชุดปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 4202 (ร้อย ทพ.4202) หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 42 กำลังปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยโรงเรียน ภายหลังส่งครูเข้าห้องเรียนเรียบร้อย ทำให้เกิดระเบิดขึ้น 1 ครั้ง แรงระเบิดทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 นาย กระจกห้องเรียนชั้นอนุบาลแตก และยานพาหนะของครูเสียหาย 3 คัน หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงตอบโต้เพื่อสกัดการโจมตีซ้ำจนคนร้ายเร่งเครื่องรถจักรยานยนต์หลบหนีไป
รายชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บ ประกอบด้วย อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) อิบรอฮิง ปุโรง อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/1 หมู่ 2ต.ปุโรง อ.กรงปินัง จ.ยะลา และ อส.ทพ.สราวุธ สงบุตร อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53/1 หมู่ 5 ต.นาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
บึ้มรัว 3 ลูกซ้อนที่เทพาโชคดีไร้เจ็บ
เวลา 10.45 น.วันเดียวกัน พ.ต.ท.มานิตย์ เอี้ยวสกุล พนักงานสอบสวน สภ.ห้วยปลิง อ.เทพา จ.สงขลา รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดบริเวณโคนเสาไฟฟ้า ริมถนนสายเทพา-ลำไพล บ้านแม่ที หมู่ 4 ต.ลำไพล อ.เทพา จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พร้อมประสานหน่วยทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) หน่วยเฉพาะกิจอโณทัย เข้าที่เกิดเหตุพร้อมปิดเส้นทางใกล้เคียงด้วย
ทั้งนี้ ระหว่างที่ชุดอีโอดีกำลังเข้าพื้นที่ ปรากฏว่ามีเสียงระเบิดดังขึ้นอีก 2 ครั้ง และพบระเบิดที่คนร้ายวางดักไว้อีก 1 ลูกใกล้กับเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เจ้าหน้าที่จึงทำลายระเบิดลูกดังกล่าว รวมเกิดระเบิด 3 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกันประมาณ 15 นาที โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบที่เจตนาวางระเบิดซ้อนกันหลายๆ ลูกเพื่อทำร้ายเจ้าหน้าที่ แต่เกิดความผิดพลาดบางประการทำให้ระเบิดพลาดเป้า
ยิง อส.บาดเจ็บ – รัวกระสุนถล่มสองสามีภรรยา
วันอาทิตย์ที่ 17 พ.ย.เวลา 20.30 น. คนร้าย 4 คนมีรถจักรยานยนต์ 2 คันเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาด และอาวุธปืนยาวยิง นายอับดุลรอหะ สาเลง อายุ 38 ปี เป็นอาสารักษาดินแดน (อส.) ประจำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี อยู่บ้านเลขที่ 5 บ้านบางทัน หมู่ 3 ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดขณะที่นายอับดุลรอหะนั่งดื่มน้ำชาอยู่ในศาลาที่พักริมถนนสายดอนนา-บางทัน หน้าร้านขายน้ำชาเลขที่ 5/3 บ้านบางทัน หมู่ 3 ต.บางเขา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
เวลา 21.05 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม. และอาวุธปืนลูกซองยิงสองสามีภรรยาจนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บขณะขี่รถจักรยานยนต์ไปกรีดยางพารา โดยใช้เส้นทางสายจะแนะ-ศรีสาคร จุดเกิดเหตุอยู่ที่บ้านไอร์โซ หมู่ 5 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส
ผู้ที่ถูกยิงคือ นายซารียา ดอเลาะ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/3 บ้านไอร์บือแต หมู่ 4 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ เสียชีวิตคาที่ ขณะที่ นางกอมือเซาะ สะเปาะ อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นภรรยา ได้รับบาดเจ็บ โดยทั่งคู่ขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมา เพิ่งออกจากบ้านได้เพียง 300 เมตรก็ถูกยิง
เผาซ้ำรถกระบะของเหยื่อฆ่ายัดถัง 3 ศพ
ด้านความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่พบศพ 3 ศพถูกฆ่าเผานั่งยางยัดถังน้ำมัน 200 ลิตร ทิ้งไว้ริมถนนสายชนบท ท้องที่บ้านโผงโผงใน ทางเข้าน้ำตกโผงเผง หมู่ 8 ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อเย็นวันเสาร์ที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น
ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถตรวจหาหลักฐานประกอบการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์จนทราบชื่อผู้ตายทั้ง 3 คน ได้แก่ นายสุไลมาน สาลา อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133/1 หมู่ 4 ต.ตะโละหะลอ อ.รามัน จ.ยะลา นายมะนาสะวี มะวะวา อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 117 หมู่ 4 ต.ตะโละหะลอ อ.รามัน จ.ยะลา และ นายรอมีซี สายาดะ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/2 หมู่ 6 ต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส
บ่ายวันพุธที่ 20 พ.ย. ตำรวจ สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี พร้อมด้วยชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดจังหวัดปัตตานี และตำรวจจากกองพิสูจน์หลักฐาน นำกำลังไปตรวจสอบรถถูกเผา บริเวณข้างถนนดินแดง ใกล้กับถนนเขื่อนปัตตานี ท้องที่บ้านบาโงกาบู หมู่ 4 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง ตามที่รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบรถถูกเผาเมื่อคืนก่อนหน้า
ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์ถูกเผาเสียหายทั้งคัน ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน จากการตรวจสอบเลขตัวถังรถ ปรากฏว่าตรงกับรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแม็คซ์ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน บล 9090 สงขลา ซึ่งมีชื่อ นายมะนาสะวี มะวะวา เป็นผู้ครอบครอง โดยนายมะนาสะวีเป็นหนึ่งในสามผู้เสียชีวิตที่ถูกฆ่าเผานั่งยางยัดถังน้ำมัน 200 ลิตร โดยคนร้ายนำรถมาเผาทำลายหลักฐานหลังจากฆ่าผู้ที่เกี่ยวข้องทิ้ง 3 ศพ เบื้องต้นตำรวจตั้งปมสอบสวนว่าน่าจะเป็นความขัดแย้งเรื่องธุรกิจผิดกฎหมาย
พบโครงกระดูกมนุษย์ถูกทิ้งที่ทุ่งยางแดง
วันพฤหัสบดีที่ 21 พ.ย.เวลา 12.00 น. ชุดปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยเส้นทาง สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4108 (ร้อย.ทพ.4108) หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 409 ช่วง วังพญา-ทุ่งยางแดง ได้ตรวจพบซากโครงกระดูกมนุษย์บริเวณริมคูน้ำข้างถนน พื้นที่บ้านแลแวะ หมู่ 2 ต.ตะโละแมะนา อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี จึงได้ประสานแพทย์นิติเวชเข้าชันสูตร เบื้องต้นคาดว่าผู้ตายน่าจะเป็นผู้ชาย สูงประมาณ 160-165 เซ็นติเมตร อายุประมาณ 30-40 ปี เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 1 เดือน พบกางเกงชั้นในผ้ายืดสีดำ ยี่ห้อ 501 BIGBOOM ของผู้ชายติดอยู่กับกระดูกเชิงกราน นอกเหนือจากนั้นไม่พบหลักฐานใดๆ
ใต้ฝนหนัก-น้ำจ่อท่วม-รถไฟหยุดวิ่ง 1 วัน
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีฝนตกหนักแทบทุกวัน ซึ่งตรงตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้แจ้งเตือนว่าจะมีฝนหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณ จ.พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และ นราธิวาส ระหว่างวันที่ 19 -23 พ.ย.2556 จึงประกาศให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยเฉพาะที่ลาดเชิงเขาระมัดระวังอันตรายที่เกิดจากฝนตกหนักและลมกระโชกแรง
สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างจะมีกำลังแรงขึ้น ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ เรือเล็กควรงดออกฝั่ง
เช้าวันศุกร์ที่ 22 พ.ย. น้ำได้เอ่อท่วมหลายหมู่บ้านใน ต.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา ระดับน้ำสูงระดับเอว ทำให้ประชาชนหลายสิบครอบครัวได้รับความเดือดร้อน
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันพุธที่ 20 พ.ย.ฝนที่ตกหนักมาหลายวันทำให้คอสะพานรถไฟระหว่างสถานีตาแปดกับสถานีเทพา อ.เทพา จ.สงขลา ทรุดตัว จนการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ต้องประกาศงดเดินรถไฟทุกขบวนช่วงสถานีสุไหงโกลก ถึงสถานีชุมทางหาดใหญ่ เพื่อซ่อมแซมเป็นการด่วน กระทั่งวันที่ 21 พ.ย.จึงสามารถเปิดเดินรถได้ตามปกติ
สำหรับ จ.นราธิวาส ฝนได้ตกกระจายทั่วทั้ง 13 อำเภอ ทำให้น้ำในแม่น้ำหลายสายเพิ่มสูงขึ้น บางจุดน้ำได้เอ่อท่วมพื้นที่เกษตรกรรมของประชาชนแล้ว
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 ฝนตกหนัก ส่งผลให้น้ำเริ่มท่วมขังในหลายพื้นที่ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)
2 เจ้าหน้าที่กำลังเร่งซ่อมแซมคอสะพานรถไฟที่ทรุดตัว ในพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา เนื่องจากฝนถล่ม (ภาพโดย นาซือเราะ เจะฮะ)
ขอบคุณ : ข่าว กอ.รมน.กางแผนสร้างรั้วชายแดน เอื้อเฟื้อโดย ปัญญา ทิ้วสังวาลย์ ผู้สื่อข่าวสายทหาร เครือเนชั่น