- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- "สุเทพ"เบรคนิรโทษฯผู้หลงผิด - "ถาวร"เปิดออฟฟิศนั่งทำงานในพื้นที่
"สุเทพ"เบรคนิรโทษฯผู้หลงผิด - "ถาวร"เปิดออฟฟิศนั่งทำงานในพื้นที่
ทีมข่าวอิศรา
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
“สุเทพ” เบรคใช้มาตรา 21 ตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงฯในพื้นที่ 4 อำเภอสงขลาหลังยกเลิกกฎอัยการศึก หวั่นช่องทางเบี่ยงคดีอาญาให้ "ผู้หลงผิด" ได้สิทธิอบรม-ฝึกอาชีพซึ่งเข้าข่ายนิรโทษกรรมอาจสร้างปัญหาตามมา สั่งกระทรวงยุติธรรมวางกรอบ-เงื่อนไขให้ชัด แล้วส่งให้ ครม.พิจารณาอีกรอบ ด้าน "ถาวร" เปิดออฟฟิศนั่งทำงานในพื้นที่ ศอ.บต.ลุยสายด่วน 1880 รับเรื่องร้องเรียน รัฐควัก 96 ล้านทำประกันชีวิตเจ้าหน้าที่ 4 จังหวัดชายแดน
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวของฝ่ายการเมืองเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้หลายเรื่อง เริ่มจากเมื่อวันจันทร์ที่ 30 พ.ย.2552 นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางไปเปิดสำนักงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ภายในศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ริมถนนสุขยางค์ อ.เมือง จ.ยะลา โดยมี นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้อำนวยการ ศอ.บต. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรอให้การต้อนรับ
นายถาวร กล่าวว่า การตั้งสำนักงานในลักษณะสำนักงานส่วนหน้าในพื้นที่ถือเป็นการแก้ไขปัญหาในเชิงรุก ซึ่งนอกจากจะเปิดสำนักงานของเขาเองแล้ว ยังมีการเปิดโทรศัพท์สายด่วน 1880 เพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์จากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ด้วย โดยจะมีเจ้าหน้าที่นั่งปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง สายด่วนดังกล่าวจะรับเรื่องร้องทุกข์ทุกเรื่องของประชาชน แล้วนำมาหาทางแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นปัญหาถูกรังแก จากผู้มีอิทธิพล ถูกรังแกจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ และปัญหาที่เกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ นโยบายนี้เป็นการชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ศอ.บต.รุกเปิดสายด่วน-วิทยุ-ศูนย์ตำบล
ด้าน นายภาณุ กล่าวว่า ศอ.บต.ได้จัดทำมาตรการและแนวทางในการแก้ไขปัญหาด้านต่างๆ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยนโยบายแรกคือการเปิดสายด่วนสันติสุขถาวร 1880 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์และเป็นเส้นทางในการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งสายด่วนดังกล่าวนี้เปิดมาตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว จนถึงปัจจุบันมีประชาชนโทร.เข้ามา 141 สาย เฉลี่ยวันละ 10 กว่าสาย โดยส่วนใหญ่จะสอบถามข้อมูลข่าวสาร และแนวทางการแก้ไขปัญหาด้านต่างๆ โดยจะเน้นให้บริการประชาชน มีสโลแกนการทำงานคือ "ข้าราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำงานให้บริการประชาชนเกินคาด"
"5-6 ปีที่ผ่านมา ข้าราชการในพื้นที่พัฒนาตนเองไปมาก ขณะเดียวกันข้าราชการส่วนใหญ่ก็เป็นลูกหลานของคนในพื้นที่เอง ซึ่งมีความเข้าใจขนบธรรมเนียมประเพณี จึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาในการสื่อสารและความไว้วางใจซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ ศอ.บต.ยังได้จัดตั้งสถานีวิทยุของตนเอง คลื่นความถี่เอฟเอ็ม 90.0 เมกกะเฮิร์ตซ์ เพื่อชี้แจงข้อมูลข่าวสารต่างๆ ให้ประชาชนทราบ มีรายการ ผอ.ศอ.บต.พบประชาชนวันละประมาณ 5 นาที ระหว่างเวลา 08.00-08.05 น.ทุกวัน เพื่อรายงานภารกิจของ ศอ.บต.ซึ่งจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหาต่างๆ” ผอ.ศอ.บต.ระบุ
ส่วนการอำนวยความยุติธรรมและความเป็นธรรม ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการแก้ไขปัญหาในพื้นที่นั้น นายภาณุ กล่าวว่า ศอ.บต. ได้เตรียมจัดทำ "ศูนย์อาเดลัน เซ็นเตอร์" ขึ้นในตำบล หมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนในชุมชนต่างๆ ที่มีเรื่องเดือดร้อนสามารถเข้าไปบอกกล่าวเพื่อขอรับการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นได้ โดยหากเป็นเรื่องที่ศูนย์สามารถแก้ไขได้ ก็จะแกทันที ซึ่งถือเป็นขั้นตอนการอำนวยความยุติธรรมขั้นแรก และเชื่อว่าปัญหาส่วนใหญ่สามารถจบลงที่ศูนย์อาเดลัน เซ็นเตอร์ สำหรับเรื่องใดที่เป็นเรื่องใหญ่เกินกำลัง ก็จะส่งขึ้นมายังระดับอำเภอระดับจังหวัดต่อไป
ทหารพร้อมใช้ พ.ร.บ.มั่นคงฯ 4 อำเภอสงขลา
ด้านความคืบหน้ากรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการให้ยกเลิกการประกาศกฎอัยการศึกในพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลา คือ อ.จะนะ เทพา สะบ้าย้อย และนาทวี แล้วให้ใช้มาตรการตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 หรือ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯแทนนั้น ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ครม.ได้อนุมัติให้ยกเลิกการประกาศกฎอัยการศึกในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเป็นทางการแล้ว
พล.ต.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการกองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (พตท.) กล่าวว่า กองทัพภาคที่ 4 ได้เตรียมจัดตั้งหน่วยทำงานและรับมอบอำนาจตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ตลอดจนเร่งให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติใน 4 อำเภอของ จ.สงขลาแล้ว ซึ่งถือว่ามีความพร้อมที่จะใช้มาตรการตามกฎหมายความมั่นคงฯ
"พื้นที่ 4 อำเภอมีเหตุการณ์ความไม่สงบน้อย ใช้ปฏิบัติการทางยุทธการไม่มากนัก จึงเป็นการดีที่ได้เริ่มทดลองใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯว่าจะมีผลอย่างไร ส่วนผู้หลงผิดที่จะเข้ามอบตัวเพื่อต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมก็สามารถดำเนินการได้ตามปกติ โดยทหารจะใช้วิธีติดต่อไปยังญาติผู้ก่อเหตุเพื่อให้พาผู้ก่อเหตุเข้ามอบตัว หากผู้ที่เข้ามอบตัวมีความผิดทางอาญา ก็จะต้องส่งเข้ากระบวนการยุติธรรม แต่รับรองว่าจะได้รัความเป็นธรรมตามกฎหมาย ส่วนมาตรการตามมาตรา 21 ของ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ที่เปิดช่องให้นำผู้หลงผิดไปอบรม โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการดำเนินคดีอาญา ซึ่งคล้ายการนิรโทษกรรมนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้พูดกันในรายละเอียด คงต้องว่ากันอีกขั้นตอนหนึ่ง
"กลุ่มขบวนการมีประมาณ 10,000 คน ทั้งผู้ก่อเหตุ แนวร่วม และแกนนำ ซึ่งเราสามารถพิสูจน์ทราบที่อยู่และรู้ตัวแล้วกว่า 9,000 คน แต่ที่ยังจับกุมไม่ได้ เพราะที่อยู่ตามบัตรประชาชนไม่ใช่ที่ที่เขาอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเขาจะเคลื่อนไหวหลบซ่อนในพื้นที่ต่างๆ จากข้อมูลยังไม่พบสิ่งบอกเหตุว่ามีกลุ่มก่อการร้ายนอกประเทศเข้ามาร่วมด้วย” พล.ท.กสิกร ระบุ
"สุเทพ"เบรคใช้มาตรา 21 พ.ร.บ.มั่นคงฯ
ด้านแหล่งข่าวซึ่งเป็นนายทหารระดับสูงในกองทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า แม้ในพื้นที่จะมีความพร้อมสำหรับการยกเลิกกฎอัยการศึก และใช้กฎหมายความมั่นคงฯแทนในพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลา แต่ศูนย์อำนวยการร่วมจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้พิจารณาแล้ว ยังมีข้อห่วงใยที่อาจกระทบต่อการทำงานในพื้นที่ คือบทบัญญัติตามมาตรา 21 ของ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ที่เปิดโอกาสให้ผู้กระทำผิดที่เข้ามอบตัว เจ้าหน้าที่อาจส่งเข้าอบรมโดยไม่ต้องถูกดำเนินคดีอาญา ซึ่งประเด็นนี้อาจกระทบกับคดีอาญาที่เกิดขึ้นในพื้นที่
กรณีดังกล่าวทำให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการร่วมจังหวัดชายแดนภาคใต้ สั่งระงับการประกาศใช้มาตรา 21 ของ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯเอาไว้ก่อน เพื่อให้กระทรวงยุติธรรมนำกลับไปพิจารณาในรายละเอียดเกี่ยวกับเงื่อนไขที่ผู้กระทำผิดหรือผู้หลงผิดมีสิทธิตามมาตรา 21 เพื่อให้มีกรอบที่ชัดเจนตรงกัน และเมื่อได้กรอบดังกล่าวจะต้องนำเข้าขอความเห็นชอบจาก ครม.ด้วย
เปิดเนื้อหามาตรา 21
สำหรับเนื้อหาของ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ มาตรา 21 ระบุว่า ภายในเขตพื้นที่ที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ กอ.รมน. ดำเนินการตามมาตรา 15 (พื้นที่เกิดเหตุการณ์อันเป็นภัยต่อความมั่นคง) หากปรากฏว่าผู้ใดต้องหาว่าได้กระทำความผิดอันมีผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด แต่กลับใจเข้ามอบตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นกรณีที่พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนแล้วปรากฏว่าผู้นั้นได้กระทำไปเพราะหลงผิดหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และการเปิดโอกาสให้ผู้นั้นกลับตัวจะเป็นประโยชน์ต่อการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในการนี้ให้พนักงานสอบสวนส่งสำนวนการสอบสวนของผู้ต้องหานั้น พร้อมทั้งความเห็นของพนักงานสอบสวนไปให้ผู้อำนวยการ (ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร)
ในกรณีที่ผู้อำนวยการเห็นด้วยกับความเห็นของพนักงานสอบสวนให้ส่งสำนวนพร้อมความเห็นของผู้อำนวยการให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องต่อศาล หากเห็นสมควร ศาลอาจสั่งให้ส่งผู้ต้องหานั้นให้ผู้อำนวยการเพื่อเข้ารับการอบรม ณ สถานที่ที่กำหนดเป็นเวลาไม่เกินหกเดือนและปฏิบัติตามเงื่อนไขอื่นที่ศาลกำหนดด้วยก็ได้
การดำเนินการตามวรรคสอง ให้ศาลสั่งได้ต่อเมื่อผู้ต้องหานั้นยินยอมเข้ารับการอบรมและปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าว
เมื่อผู้ต้องหาได้เข้ารับการอบรมและปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนดดังกล่าวแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องผู้ต้องหานั้นเป็นอันระงับไป
ครม.ควัก 96 ล้านทำประกันชีวิต จนท.ชายแดนใต้
การประชุม ครม.เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ประชุมยังเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการพิจารณาบำเหน็จความชอบสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยบำเหน็จความชอบสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2550 ข้อ 13 ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เสนอ ดังนี้
1.ให้กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีจัดทำประกันชีวิตเป็น 2 กรณี คือ
- กรณีหน่วยงานของรัฐจัดทำประกันชีวิตให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไว้กับบริษัทประกันภัยอยู่ก่อนแล้ว โดยใช้เงินบริจาคที่หน่วยงานของรัฐได้รับหรือเงินสวัสดิการของหน่วยงานของรัฐนั้นจ่ายเป็นเบี้ยประกันภัย และหน่วยงานของรัฐมีความประสงค์จะจัดทำประกันชีวิตกับบริษัทประกันภัยต่อไปอีก
- กรณีหน่วยงานของรัฐไม่ได้จัดทำประกันชีวิตให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และหน่วยงานของรัฐมีความประสงค์มีความประสงค์ให้รัฐเป็นผู้จ่าย “เงินทดแทนประกันชีวิต” แทนการจัดทำประกันชีวิตกับบริษัทประกันภัย
2.ให้การประกันชีวิตแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คุ้มครองทั้งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานซึ่งได้รับคำสั่งจากทางราชการให้ปฏิบัติงานในหน้าที่ประจำ หรือได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติภารกิจในจังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดสงขลา เฉพาะพื้นที่อำเภอสะบ้าย้อย อำเภอนาทวี และอำเภอจะนะ แต่ไม่รวมถึงจังหวัดสตูล
3.อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณจำนวน 96,480,000 บาท ตั้งไว้ที่ สปน. จากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อในส่วนราชการต่างๆ ใช้เป็นค่าใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจัดทำประกันชีวิตหรือเงินทดแทนการประกันชีวิตแล้วแต่กรณีตามข้อ 1 และให้ สปน.สามารถขออนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณเพิ่มเติมได้ตามความจำเป็นจากสำนักงบประมาณ
4.ให้เริ่มต้นจัดทำประกันชีวิตให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการตามข้อ 1 ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.2553 เป็นต้นไป
กำหนด 5 กรอบพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ศอ.บต.
วันพฤหัสบดีที่ 4 ธ.ค. นายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างพระราชบัญญัติบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร (กฎหมายฟื้น ศอ.บต.ให้มีอำนาจเต็มในการบริหารงานและงบประมาณ) แถลงว่า กมธ.ได้ตั้ง นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานกมธ. ซึ่งที่ประชุมได้มีการถกเถียงกันถึงร่างกฎหมายดังกล่าวว่าจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้จริงหรือไม่ เพราะมีหลายคนใน กมธ.ตั้งข้อสังเกตว่า การฟื้น ศอ.บต.อาจไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริง
เหตุนี้ กมธ.จึงกำหนดกรอบการพิจารณาขึ้นมา 5 กรอบคือ 1.การพิจารณากรอบความสำเร็จของ ศอ.บต.เดิม ว่ามีอะไรที่ทำสำเร็จลุล่วงไปแล้วบ้าง 2.พิจารณาผลการศึกษาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับโครงสร้าง ศอ.บต. 3.เชิญข้าราชการในพื้นที่เข้าชี้แจงปัญหาและความต้องการ 4.ตั้งที่ปรึกษาที่เคยมีประสบการณ์การทำงานในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อทำข้อมูลเสนอ กมธ. และ 5.สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน