เวทีชุกรับเลือกตั้ง "หนุนดับไฟใต้ด้วยกระจายอำนาจ" - ปชป.ชี้ชาวบ้านตัดสินที่ตัวบุคคลมากกว่าพรรค
ชายแดนใต้เวทีชุกรับเลือกตั้ง สถาบันพระปกเกล้า-ภาคประชาสังคมโหมโรงหนุนดับไฟใต้ด้วยการกระจายอำนาจ ชูโมเดล "ปัตตานีมหานคร" บอกสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ขณะที่มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลาเปิดโชว์วิสัยทัศน์ว่าที่ผู้แทน ปชป.ยอมรับชาวบ้านตัดสินลงคะแนนที่ตัวบุคคลมากกว่าพรรค สถานการณ์ในพื้นที่ยังเดือด จ่อยิงชาวบ้านที่เจาะไอร้อง บึ้มซ้ำเจ็บ 8
เมื่อวันเสาร์ที่ 4 มิ.ย.2554 ที่หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา อ.เมือง จ.ยะลา สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า ร่วมกับเครือข่ายประชาชนพัฒนาการมีส่วนร่วมทางการปกครองจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ สถานวิจัยความขัดแย้งและความหลากหลายทางวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ.ปัตตานี) คณะกรรมการภาคประชาสังคม สภาพัฒนาการเมือง และสถาบันอิศรา ได้ร่วมกันจัดเวทีสาธารณะหัวข้อ "ไฟใต้ดับได้ด้วยการกระจายอำนาจ"
พล.ต.ต.จำรูญ เด่นอุดม สมาชิกสภาพัฒนาการเมือง และที่ปรึกษามูลนิธิวัฒนธรรมอิสลามภาคใต้ กล่าวว่า การจัดเวทีสาธารณะครั้งนี้เพื่อต้องการขยายแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องการกระจายอำนาจ เรื่องจังหวัดปกครองตนเองหรือการจัดการตัวเองให้ประชาชนได้รับรู้ เพราะทุกวันนี้ไม่ได้มีแต่นักวิชาการหรือคนระดับบนพูด แต่ชาวบ้านในพื้นที่ก็พูดกัน เราจึงเปิดเวทีให้ทุกคนได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
“อย่างเช่นปัตตานีมหานคร (ข้อเสนอของเครือข่ายประชาชนพัฒนาการมีส่วนร่วมทงาการปกครองจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ให้จัดรูปแบบการปกครองท้องถิ่นแบบพิเศษ โดยรวมพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัตตานีมหานคร และให้ประชาชนเลือกตั้งผู้บริหารและสมาชิกสภาโดยตรง) ถือเป็นรูปแบบการกระจายอำนาจที่สอดคล้องเหมาะสมกับวัฒนธรรมประเพณีของท้องถิ่น ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่มหานครก็ดี ปัตตานีมหานครก็ดี จะต้องออกแบบปกครองให้ตรงตามความต้องการของประชาชน”
“โมเดลปัตตานีมหานคร เราได้รูปแบบจากความคิดเห็นของประชาชนที่เราได้จัดเวทีไปแล้วกว่า 50 เวที เมื่อได้ข้อมูลมาเราก็เอาข้อมูลไปสังเคราะห์ว่าสิ่งที่ชาวบ้านต้องการนั้น รูปแบบการปกครองจริงๆ ควรเป็นอย่างไร ตอนนี้เราได้รูปแบบการปกครองที่เหมาะสมแล้ว ตรงตามที่ชาวบ้านอยากได้ เรื่องนี้เราไม่ได้คิดเอง เป็นความคิดของชาวบ้าน เพียงแต่ชาวบ้านไม้ได้พูดว่าปัตตานีมหานคร ชาวบ้านอยากให้ท้องถิ่นจัดการเรื่องภาษา เรื่องการศึกษาของเขาเอง เขาอยากใช้ภาษามลายู อยากมีคนของเขาเป็นผู้นำการปกครอง ไม่ใช่มาส่งจากภาคกลางหรือภาคอีสาน นี่คือรูปแบบที่เขาคิด แต่เขาไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้คืออะไร เราเอารูปแบบเหล่านี้มาสังเคราะห์และสรุปออกมาเป็นโมเดลปัตตานีมหานคร”
พล.ต.ต.จำรูญ กล่าวอีกว่า เวทีที่จัดขึ้นครั้งนี้ก็เพื่อนำรูปแบบที่ผ่านการสังเคราะห์แล้วมาทำความเข้าใจกับคนอีกกลุ่มหนึ่ง และฟังว่าคิดเห็นอย่างไร หลังจากนี้ทางเครือข่ายฯจะทำเวทีลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ โดยจะทำร่วมกับคนใน 14 จังหวัดภาคใต้ เราจะใช้เวทีของแต่ละจังหวัดนำความคิดเหล่านี้ไปเผยแพร่ เพื่อให้คนจังหวัดอื่นได้รับรู้ว่าคนปัตตานีต้องการแบบนี้ แล้วคนจังหวัดอื่นเห็นด้วยหรือไม่ ถือเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับการกระจายอำนาจ และประชาชนปกครองตัวเอง เพื่อใช้เรื่องนี้เป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาของท้องถิ่นต่อไป
“ถึงที่สุดเราก็จะล่ารายชื่อประชาชนที่สนับสนุน เพราะสุดท้ายมันต้องเป็นร่างกฎหมายที่จะนำไปเสนอต่อรัฐสภา และถ้ากฎหมายฉบับนี้ผ่านรัฐสภา วันนั้นปัตตานีมหานครก็จะเกิดขึ้นโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญ” พล.ต.ต.จำรูญ กล่าว
ขณะที่ พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า สิ่งสำคัญของเวทีในครั้งนี้ก็คือว่าเราได้พูดเรื่องการกระจายอำนาจ ถึงแม้มันจะไม่ได้เป็นที่ต้องการของคนทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อย่างน้อยก็ได้เปิดพื้นที่ที่จะคุยกันว่า การกระจายอำนาจนั้นสามารถตอบสนองคนในพื้นที่ได้ว่าประชาชนต้องการอะไร รัฐจะมอบอำนาจให้กับประชาชนได้ขนาดไหน สิ่งนี้คือสิ่งที่เราอยากให้เกิดขึ้นในพื้นที่ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
เวทีโชว์วิสัยทัศน์คึก- ปชป.รับชาวบ้านเลือกตัวบุคคลมากกว่าพรรค
วันอาทิตย์ที่ 5 มิ.ย.ที่หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลาเช่นกัน คณะวิทยาการจัดการได้จัดเวทีแสดงวิสัยทัศน์และนโยบายของพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในชื่อ “เลือกตั้ง'54 วันตัดสินประเทศไทย” โดยมีตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ เข้าร่วมอย่างคึกคัก อาทิ ผศ.ดร.พีรยศ ราฮิมมูลา ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 41 พรรคประชาธิปัตย์, นายมุข สุไลมาน โฆษกพรรคมาตูภูมิ ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต จ.ปัตตานี เขต 4, นายอีรฟาน สุหลง ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต พรรคเพื่อไทย จ.ยะลา เขต 1 และ นายมูฮำมัดซูลฮัน ลามะทา ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 78 พรรคชาติไทยพัฒนา เป็นต้น
ทั้งนี้ ภายในงานมีประชาชนและนักศึกษาให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก โดยมี ผศ.ไกรสร ศรีไตรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา และ นายอับดุลการิม รามันห์สิรวงศ์ เลขาธิการสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย ให้เกียรติร่วมรับฟังด้วย
ผศ.ดร.พีรยศ กล่าวว่า การเลือกตั้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่มีเรื่องง่าย ไม่มีพรรคไหนหรือผู้สมัครคนใดสามารถได้รับความไว้วางใจแบบสบายๆ เพราะไม่มีพรรคใดพรรคหนึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่อย่างผูกขาด ประชาชนในพื้นที่นี้เป็นคนที่ฉลาด เลือก และมักเลือกคนมากกว่าเลือกพรรค เหมือนเอาดอกไม้จากหลายๆ สวนมาประดับในแจกัน ไม่ได้อิงกับพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่งเป็นหลัก
ขณะที่ น.ส.นูรีฮัน ยามาสารี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ที่เข้าร่วมรับฟังวิสัยทัศน์ของพรรคการเมือง กล่าวว่า สิ่งที่คาดหวังมากที่สุดคืออยากจะรัฐบาลชุดใหม่แก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้สำเร็จ และดูแลบัณฑิตจบใหม่ให้มีงานทำ
“สุเทพ-ถาวร”บุกนราฯปราศรัยช่วยผู้สมัคร ปชป.
วันพุธที่ 8 มิ.ย. เวลา 13.30 น.ที่เขื่อนท่าพระยาสาย เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รักษาการรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายถาวร เสนเนียม รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางไปเปิดเวทีปราศรัยช่วยผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทั้ง 4 เขตของ จ.นราธิวาส โดยมีประชาชนเข้าร่วมรับฟังประมาณ 1,000 คน
นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อได้ลงพื้นที่ทำให้มั่นใจว่าประชาชนจะเลือกผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน เพราะประชาชนสัมผัสได้กับผลงานของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรค และพรรคก็ให้ความสำคัญกับพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพิเศษ โดยเฉพาะปัญหาความมั่นคง และการสร้างอาชีพสร้างรายได้ ส่วนผู้ที่หลงผิดก่อเหตุรุนแรง หรืออยู่ฝ่ายตรงข้ามกับทางการ ทางรัฐบาลก็มีนโยบายให้โอกาสผู้ที่หลงผิดได้กลับใจเป็นคนดีของสังคมได้ด้วย
นราธิวาสระอุยิงชาวบ้านดับ-บึ้มซ้ำเจ็บ 8
ด้านสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงเกิดเหตุรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันพุธ 8 มิ.ย.2554 เวลา 11.50 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนพกขนาด 11 มม.จ่อยิง นายสมพงษ์ แซ่อุ่ย อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 หมู่ 1 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส กระสุนถูกบริเวณศีรษะจำนวน 2 นัด เสียชีวิตคาที่
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เจาะไอร้อง และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้นำกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และถูกคนร้ายลอบวางระเบิดดักสังหาร ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 8 ราย ประกอบด้วย
1) ร.ต.อ.ศิรชัช อรุณเกล้า อายุ 51 ปี รองสารวัตรงานป้องกันและปราบปราม (รอง สว.ป.) สภ.เจาะไอร้อง ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณแผ่นหลัง
2) ส.ต.อ.วชิระ เรืองแก้ว อายุ 31 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณแผ่นหลังและขาซ้าย
3) ส.ต.ท.โซเฟียร สะมะอุง อายุ 30 ปี อาการไม่สาหัส
4) นายประเสริฐสิทธิ์ ลาดบาสี อายุ 38 ปี ปลัดป้องกัน อ.เจาะไอร้อง ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณต้นขาขวา
5) อาสารักษาดินแดน (อส.) สายูตี สะอะ อายุ 37 ปี ชาว อ.เจาะไอร้อง ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณแขนซ้ายและแผ่นหลัง
6) อส.อนันต์ มะสะแม อายุ 40 ปี ชาว อ.เจาะไอร้อง ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณขวา
7) นางอุษณีย์ อาแว อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52/2 หมู่ 1 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง มีบาดแผลบริเวณแผ่นหลัง
8) นางสมพงษ์ จันทร์ อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32 หมู่ 1 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง ถูกสะเก็ดระเบิดที่มือซ้าย
จากการตรวจสอบพบว่าระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นชนิดแสวงเครื่อง บรรจุในกระป๋องน้ำอัดลม จุดชนวนด้วยการตั้งเวลาจากนาฬิกาข้อมือระบบดิจิตอล โดยคาดว่าคนร้ายที่ก่อเหตุยิงนายสมพงษ์ วางระเบิดเอาไว้ก่อนหลบหนีเพื่อดักทำร้ายเจ้าหน้าที่ชุดตรวจที่เกิดเหตุ
ดัก “จยย.บอมบ์” อีกลูกแต่ไร้เจ็บ
ต่อมาเวลา 12.15 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 31 เดินทางด้วยรถกระบะเพื่อเข้าตรวจสอบเหตุระเบิดซ้ำหลังยิงชาวบ้านเสียชีวิต ได้ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดระหว่างทาง ในท้องที่บ้านยานิง หมู่ 2 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง ใกล้กับเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
ตรวจสอบพบว่า ระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นชนิดระเบิดแสวงเครื่อง จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ซุกซ่อนอยู่ในรถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นสวิง สีม่วง หมายเลขทะเบียน ขงน 921 นราธิวาส ซึ่งคนร้ายนำมาจอดรอไว้บริเวณริมถนน เบื้องต้นสันนิษฐานว่าทั้ง 3 เหตุการณ์เป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ยิงผู้เฒ่า 74 สินใจคาร้านชำ-ไล่ฆ่าสามีภรรยาสังเวยอีกศพ
เวลา 12.10 น.วันเดียวกัน คนร้ายจำนวน 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 11 มม.ยิง นายณรงค์ บรรจงคชาธาร อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65 บ้านโต๊ะเล็ง หมู่ 3 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส กระสุนถูกบริเวณศีรษะและลำตัว เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดขณะนายณรงค์ขายของอยู่ในร้านขายของชำซึ่งเปิดในบ้านของตนเอง เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ก่อนหน้านั้น ในช่วงเช้า มีคนร้ายจำนวน 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิง นายมณฑล สมาธิทรัพย์ดี อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/1 หมู่ 2 ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เสียชีวิตคาที่ และ นางบุญศรี ทองคำ อายุ 44 ปี ภรรยาของนายมณฑล ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบนถนนจารุเสถียร บ้านกูวา หมู่ 5 ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี ขณะที่นายมณฑลกำลังขี่รถจักรยานยนต์โดยมีนางบุญศรีนั่งซ้อนท้ายไปทำงานก่อสร้างที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 บรรยากาศเวทีแสดงวิสัยทัศน์ผู้สมัคร ส.ส.ชายแดนใต้จากพรรคต่างๆ ในหัวข้อ “เลือกตั้ง'54 วันตัดสินประเทศไทย” ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา
2 ผู้สนใจทะยอยเข้าฟังเวทีสาธารณะ "ไฟใต้ดับได้ด้วยการกระจายอำนาจ" ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลาเช่นกัน โดยงานนี้จัดโดยสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาสังคมในพื้นที่