- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- รายชื่อ อธิบดี 8 ขรก.-13 เอกชน ในคำพิพากษาศาลฎีกาคดีทุจริตจัดซื้อปุ๋ย 407 ล.
รายชื่อ อธิบดี 8 ขรก.-13 เอกชน ในคำพิพากษาศาลฎีกาคดีทุจริตจัดซื้อปุ๋ย 407 ล.
จำแนกรายชื่อ 8 ขรก.-13 เอกชน ร่วม ‘ชูชีพ-วิทยา’ ในคำพิพากษาศาลฎีกาฯ คดีทุจริตจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ 407 ล. 'ก.เกษตรฯ' ก่อนจำคุก 2 นักการเมืองคนละ 6 ปี ล่าสุด อดีตอธิบดี 1 ใน 23 ราย ถูก 'ป.ป.ช.' ฟันอาญา-วินัยร้ายแรง ได้รับแต่งตั้งเป็น ผช.รัฐมนตรี 1 คนโตขึ้น
สืบเนื่องเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2559 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อดีต ส.ส.ปทุมธานี และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย (จำเลยที่ 1) และ นายวิทยา เทียนทอง อดีตเลขานุการ รมว.เกษตรฯ (นายชูชีพ) และอดีต ส.ส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย (จำเลยที่ 2) คนละ 6 ปี ความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต ระหว่างวันที่ 17 ก.พ. 2544 ถึงวันที่ 20 ก.ย. 2545 กรณีร่วมกันทุจริตจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ของกระทรวงเกษตรฯ จำนวน 140,637,880 กิโลกรัม วงเงิน 407,849,852 บาท ต่อมา ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำพิพากษาคดีดังกล่าวอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 11 ส.ค.2559 (คดีหมายเลขแดงที่ อม 60/2559) ตามรายงานก่อนหน้านี้ (อ่านประกอบ : เปิดคำพิพากษาฉบับเต็ม!พฤติกรรม ‘ชูชีพ-วิทยา’ ทุจริตจัดซื้อปุ๋ย 407 ล.- คุกคนละ 6 ปี)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำรายชื่อข้าราชการและเอกชนร่วมกระทำความผิดซึ่งปรากฎในคำพิพากษาดังกล่าวมาเสนอ
ข้อเท็จจริงได้ความว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อดำเนินการ ไต่สวนการจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ของกรมส่งเสริมการเกษตรในครั้งนี้ โดยคณะอนุกรรมการไต่สวนได้สอบปากคำพยานบุคคลและรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องประกอบคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว ได้ตั้งประเด็นพิจารณาในประเด็นที่ 2 ว่า การจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ตามโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติประจำปี 2545 ของกรมส่งเสริมการเกษตร มีเจ้าพนักงานกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือไม่ และกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 หรือไม่
คณะอนุกรรมการไต่สวนพิจารณากระบวนการจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ในแต่ละขั้นตอน พบว่า มีเจ้าหน้าที่ของกรมส่งเสริมการเกษตรกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ใน 4 ขั้นตอน คือ
1. ขั้นตอนการกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการจัดหาปัจจัยตามโครงการจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ และการที่อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรพิจารณาลงนามประกาศประกวดราคา มีเจ้าหน้าที่ของ กรมส่งเสริมการเกษตรกระทำความผิดตามข้อกล่าวหารวมจำนวน 3 ราย ได้แก่ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 (นายอภิชาติ พงษ์ศรีหดุลชัย) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 (นายสาคร ประไพพงษ์) และผู้ถูกกล่าวหาที่ 10 (นางอิทธิวดี หรือพิชญ์สินี จิระวัฒน์)
2. ขั้นตอนการตรวจสต็อกปุ๋ยอินทรีย์ มีเจ้าหน้าที่ของกรมส่งเสริมการเกษตรกระทำความผิดตามข้อกล่าวหารวมจำนวน 3 ราย ได้แก่ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 (นายสุวิช หรือทรงพล ทาเจริญ) ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสต็อก ชุดที่ 3 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9 (นายนิพนธ์ เทียมหงษ์) และผู้ถูกกล่าวหาที่ 10 (นางอิทธิวดี หรือพิชญ์สินี จิระวัฒน์) ในฐานะคณะทำงานตรวจสต็อก ชุดที่ 3 ที่ได้รับมอบหมายให้ตรวจสต็อกปุ๋ยอินทรีย์ของผู้ถูกกล่าวหาที่ 20 (ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด) ในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ขอนแก่น และกาฬสินธุ์
3. ขั้นตอนการพิจารณาผลการประกวดราคา มีเจ้าหน้าที่ของกรมส่งเสริมการเกษตรซึ่งได้รับแต่งตั้ง ให้เป็นคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาร่วมกันกระทำความผิดตามข้อกล่าวหา รวม 5 ราย ได้แก่ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 (นายสาคร ประไพพงษ์) ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 (นายสุพจน์ ชัยวิมล) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 (นายรังสรรค์ กองเงิน) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 (นายอนุรัตน์ เชียงเห็น) และผู้ถูกกล่าวหาที่ 10 (นางอิทธิวดี หรือพิชญ์สินี จิระวัฒน์) ในฐานะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา และ
4. ขั้นตอนอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรพิจารณาให้ความเห็นชอบรับราคาก่อนเสนอรัฐมนตรี
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 (นายอภิชาติ พงษ์ศรีหดุลชัย) ในฐานะอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กระทำความผิดตามข้อกล่าวหา
สรุปแล้วคณะอนุกรรมการไต่สวน มีมติว่า
1. ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 (นายอภิชาติ พงษ์ศรีหดุลชัย) มีมูลความผิดฐานกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐซึ่งมีอำนาจหรือหน้าที่ในการอนุมัติ การพิจารณา หรือการดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเสนอราคา รู้หรือมีพฤติการณ์์ปรากฏแจ้งชัดว่า ควรรู้้ว่าการเสนอราคาในครั้งนี้มีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ละเว้นไม่ดำเนินการเพื่อให้ มีการยกเลิกการดำเนินการเกี่ยวกับการเสนอราคา ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 10 และมีมูลความผิดฐานกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ โดยเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ กระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมเพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12
2. ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 (นายสาคร ประไพพงษ์) มีมูลความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ หรือผู้ได้รับมอบหมายจากหน่วยงานของรัฐ โดยทุจริตทำการกำหนดเงื่อนไขอันเป็นมาตรฐานในการเสนอราคา โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรมหรือเพื่อช่วยเหลือให้ผู้เสนอราคารายใด ได้มีสิทธิเข้าทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐโดยไม่เป็นธรรม หรือเพื่อกีดกันผู้เสนอราคารายใดมิให้มีโอกาสเข้าแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา ต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 11 และมีมูลความผิดฐานกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ โดยเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ กระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12
3. คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา ซึ่งประกอบด้วย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ที่ 5 ที่ 6 ที่ 7 และที่ 10 (นายสาคร ประไพพงษ์ นายสุพจน์ ชัยวิมล นายรังสรรค์ กองเงิน นายอนุรัตน์ เชียงเห็น และ นางอิทธิวดี หรือพิชญ์สินี จิระวัฒน์) มีมูลความผิดฐานกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ โดยเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐซึ่งมีอำนาจหรือหน้าที่ในการอนุมัติ การพิจารณา หรือ การดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเสนอราคาครั้งใด รู้หรือมีพฤติการณ์ปรากฏแจ้งชัดว่า ควรรู้ว่าการเสนอราคาในครั้งนั้น มีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ละเว้นไม่ดำเนินการเพื่อให้มีการยกเลิก การดำเนินการเกี่ยวกับการเสนอราคาในครั้งนั้น ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 10 และ
4. ผู้ถูกกล่าวหาที่ 10 (นางอิทธิวดี หรือ พิชญ์สินี จิระวัฒน์) มีมูลความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐหรือผู้ได้รับมอบหมายจาก หน่วยงานของรัฐ โดยทุจริตทำการกำหนดเงื่อนไขอันเป็นมาตรฐานในการเสนอราคาโดยมุ่งหมายมิให้ มีการแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม หรือเพื่อช่วยเหลือให้ผู้เสนอราคารายใดได้มีสิทธิเข้าทำสัญญา กับหน่วยงานของรัฐโดยไม่เป็นธรรม หรือเพื่อกีดกันผู้เสนอราคารายใดมิให้มีโอกาสเข้าแข่งขันในการเสนอราคา อย่างเป็นธรรม ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 11 และมีมูลความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมเพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใด ให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา ต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12
สำหรับประเด็นที่ 3 ว่าการจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ตามโครงการ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติประจำปี 2545 ของกรมส่งเสริมการเกษตร มีผู้ประกอบธุรกิจ สนับสนุนเจ้าพนักงานในการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือไม่ และมีผู้ประกอบธุรกิจกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา ต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 หรือไม่
คณะอนุกรรมการไต่สวนพิจารณาแล้ว มีความเห็นว่า มีการกำหนดให้จัดซื้อในส่วนกลางเพียงแห่งเดียว และกำหนดเงื่อนไขการประกวดราคาที่มีลักษณะ เป็นการกีดกันมิให้มีผู้สามารถเข้าแข่งขันเสนอราคาได้มากราย มีผลให้ผู้ประกอบการที่เข้าซื้อซองประกวดราคา รวมจำนวน 24 ราย แต่เข้ายื่นซองแข่งขันราคาจำนวนเพียง 3 ราย คือ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 15 ที่ 17 และที่ 20 เนื่องจาก ผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขการประกวดราคาที่กำหนดได้ และมีเพียงผู้ถูกกล่าวหาที่ 20 รายเดียวเท่านั้น ที่มีสต็อกและคุณสมบัติปุ๋ยอินทรีย์ครบตามเงื่อนไข การประกวดราคา การจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ตามโครงการดังกล่าวมีการกระทำของผู้ประกอบการในลักษณะ เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอน การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ 11 โดยผู้ถูกกล่าวหาที่ 12 และผู้ถูกกล่าวหาที่ 13 ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันผู้ถูกกล่าวหาที่ 11 และผู้ถูกกล่าวหาที่ 14 มีลักษณะเป็นธุระในการชักชวนให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 15 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 17 และผู้ถูกกล่าวหาที่ 20 ตกลงร่วมกันในการเสนอราคาเพื่อวัตถุประสงค์ที่จะให้ประโยชน์แก่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 20 เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญา กับกรมส่งเสริมการเกษตรโดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม หรือโดยการเอาเปรียบ แก่กรมส่งเสริมการเกษตร อันมิใช่เป็นไปในทางการประกอบธุรกิจปกติ
คณะอนุกรรมการไต่สวน จึงมีความเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ 11 (บริษัท ศรีพิกุลการเกษตร จำกัด) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 15 (บริษัท ข้าวศิริเอี่ยมแสง จำกัด) และผู้ถูกกล่าวหาที่ 17 (องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร) และผู้ถูกกล่าวหาที่ 20 (ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด) เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิด เกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 4
เมื่อการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ 11 ที่ 15 ที่ 17และที่ 20 เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 4 บุคคลที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย ได้แก่ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 12 (นายมีสิน ภักดีคง) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 13 (นายทรงธรรม สมิเปรม) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 14 (นายโสภณ ถาวร) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 16 (นายวิชัย ศิริเอี่ยมแสง) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 18 (นายสัญชัย ประเสริฐสุวรรณ) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 19 (นายประเสริฐ เชยชุ่ม) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 21 (นายสุชัย ออสุวรรณ) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 22 (นายวีระศักดิ์ ช่วยพัฒน์) และผู้ถูกกล่าวหาที่ 23 (นายธเนศ ถนอมทรัพย์) ซึ่งเป็นตัวแทนของนิติบุคคลถือว่าเป็นตัวการร่วมในการกระทำความผิดด้วย ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 9
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติเห็นชอบตามความเห็นของคณะอนุกรรมการไต่สวน (ป.ป.ช.มีมติ เมื่อ 12 ก.ค. 2555) โดยให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลที่มีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษา แก่ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นายอภิชาติ พงษ์ศรีหดุลชัย (อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 นายสาคร ประไพพงษ์ (รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 นายสุพจน์ ชัยวิมล (นักวิชาการเกษตร 8) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 นายรังสรรค์ กองเงิน (นักวิชาการเกษตร 7) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 นายอนุรัตน์ เชียงเห็น (เจ้าหน้าที่พัสดุ 5) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 นายสุวิช หรือทรงพล ทาเจริญ (นักวิชาการเกษตร 7) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9 นายนิพนธ์ เทียมหงษ์ (นักวิชาการเกษตร 6) และผู้ถูกกล่าวหาที่ 10 นางอิทธิวดี หรือพิชญ์สินี จิระวัฒน์ (เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 6 กรมส่งเสริมการเกษตร)
และมอบหมายให้ นายสุทธินันท์ สาริมาน พนักงานเจ้าหน้าที่เจ้าของเรื่องไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีแก่กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจ ประกอบด้วย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 11 ถึงที่ 23 ตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 14 วรรคสอง (2)
ข้อเท็จจริงได้ความว่า ภายหลังจากทำสัญญาซื้อขายปุ๋ยอินทรีย์แล้ว ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร แห่งประเทศไทย จำกัด ปฏิบัติผิดสัญญาโดยนำปุ๋ยอินทรีย์ที่ยังไม่ผ่านการตรวจรับ และยังไม่ได้รับผลการวิเคราะห์ว่าผ่านเกณฑ์มาตรฐานตามข้อกำหนดในสัญญาว่าปุ๋ยอินทรีย์ต้องไม่เป็นพิษต่อการเจริญเติบโตของพืช โดยตรวจสอบการเจริญเติบโตและอาการผิดปกติของพืชในช่วง 15 วัน เมื่อผสมกับดินในอัตราที่ใช้ตามปกติ ไปแจกจ่ายแก่เกษตรกรก่อนโดยไม่แจ้งให้กรมส่งเสริมการเกษตรทราบเป็นพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางไม่สุจริต เมื่อครบกำหนดระยะเวลาตามสัญญาชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด ไม่สามารถส่งมอบ ปุ๋ยอินทรีย์ให้แก่กรมส่งเสริมการเกษตรได้ครบถ้วน ตามคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมายเลขแดงที่ 2941 /2547
เบ็ดเสร็จคดีนี้มีผู้ร่วมขบวนการทุจริตรวมทั้งสิ้น 23 คน แบ่งเป็น นักการเมือง 2 คน ข้าราชการ 8 คน (ทั้ง 8 คนถูก ป.ป.ช.ชี้มูลวินัยร้ายแรง) และ เอกชน 13 คน
สำหรับ ข้าราชการ 4 ใน 8 ราย นั้น
นายอภิชาติ พงษ์ศรีหดุลชัย ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็น กรรมการผู้ช่วย รมว.เกษตรและสหกรณ์(นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา) ปัจจุบันเป็นประธานกรรมการมูลนิธิเกษตรอินทรีย์ไทย
นายสาคร ประไพพงษ์ ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็น นายกสมาคมยุวเกษตรกรสากลแห่งประเทศไทย (IFYE Thailand)
นายสุพจน์ ชัยวิมล เป็น เลขาธิการ คณะกรรมการชมรมเกษตรอินทรีย์แห่งประเทศไทย
นายรังสรรค์ กองเงิน ต่อมา ได้รับแต่งตั้งเป็นกษตร จ.ราชบุรี และ เกษตร จ.นครสวรรค์
ล่าสุด ไม่มีข้อมูลว่า ข้าราชการข้างต้นถูกไล่ออกหรือยัง ?
ทั้งหมด คือ ผู้เกี่ยวพันในคดีประวัติศาสตร์ทุจริตจัดซื้อปุ๋ยลอตโตยุคก่อนหน้านี้
(ฉบับเต็ม http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/A/069/12.PDF)