- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- สถานะของ 'เสธ.โต' กับหนทางสู่การล้มเลิก 'มูลนิธิราชภักดิ์' ?
สถานะของ 'เสธ.โต' กับหนทางสู่การล้มเลิก 'มูลนิธิราชภักดิ์' ?
"...ในข้อบังคับมูลนิธิราชภักดิ์ มีการระบุอำนาจของ กรรมการและเลขานุการ ไว้ชัดเจนในข้อที่ 20 คือ "....เลขานุการมูลนิธิมีหน้าที่ควบคุมกิจการ และดำเนินการประชุมของมูลนิธิ ติดต่อประสานงานทั่วไป รักษาระเบียบ ข้อบังคับของมูลนิธิ นัดประชุมกรรมการตามคำสั่งของประธานกรรมการมูลนิธิ และทำรายงานการประมูลตลอดจนรายงานกิจการของมูลนิธิ..." จากข้อบังคับดังกล่าวจะเห็นได้ว่า บทบาทของกรรมการและเลขานุการ ของ "เสธ.โต" มีความสำคัญอย่างมาก ในการขับเคลื่อนงานส่วนต่างๆ ของมูลนิธิฯ .."
นับจนถึงวินาทีนี้ หลายคนคงได้รับทราบข้อมูลกันไปแล้วว่า 'พล.ต.สุชาติ พรมใหม่' หรือ "เสธ.โต" อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการและเลขานุการของ มูลนิธิราชภักดิ์ ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ หลังถูกศาลทหารออกหมายจับในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
(อ่านประกอบ : คอนเนคชั่น 'พล.ต.สุชาติ พรมใหม่' คนสนิท 'บิ๊กทหาร' ก่อนโดนหมายจับ!)
ไม่ว่า "เสธ.โต" จะยังหลบซ่อนตัวอยู่ในประเทศไทย หรือเดินทางออกไปนอกประเทศแล้วก็ตาม แต่ผลจากการที่ "เสธ.โต" ถูกออกหมายจับในคดี 112 ดังกล่าว ได้นำพามาซึ่งความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อ การดำเนินงานของ 'มูลนิธิราชภักดิ์' อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลมาไล่เรียงให้เห็นภาพแบบชัดๆ ดังนี้
@ สถานะ "เสธ.โต" กับ 'มูลนิธิราชภักดิ์'
ในคำประกาศนายทะเบียนมูลนิธิ กรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนจัดตั้ง “มูลนิธิราชภักดิ์” ซึ่งเผยแพร่ทางราชกิจจานุเบกษาเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2558 ซึ่งนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานครได้มีคำสั่งรับจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิเลขทะเบียนลำดับที่ กท 2585 เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2558
ระบุรายนามบุคคลที่เข้ามาเป็นคณะกรรมการ “มูลนิธิราชภักดิ์” ไว้จำนวน 6 ราย ดังนี้
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ประธานกรรมการฯ (ปัจจุบันเป็น รมช.กลาโหม)
พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองประธานกรรมการฯ (ปัจจุบันเป็น รมช.ศึกษาธิการ)
พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร กรรมการฯ (ปัจจุบันเป็นเสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.))
พล.ท.สุทัศน์ จารุมณี กรรมการฯ (ปัจจุบันเป็นรองเสนาธิการทหารบก)
พล.ต.ชูชาติ สุกใส กรรมการและเหรัญญิก (ปัจจุบันเป็น เจ้ากรมการเงินทหารบก)
ส่วน พันเอก สุชาติ พรมใหม่ หรือ "เสธ.โต" (อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก) มีตำแหน่งเป็นทางการ คือ กรรมการและเลขานุการ
(อ่านประกอบ : ใครเป็นใคร 6 กรรมการ 'มูลนิธิราชภักดิ์')
ทั้งนี้ ในข้อบังคับมูลนิธิราชภักดิ์ มีการระบุอำนาจของ กรรมการและเลขานุการ ไว้ชัดเจนในข้อที่ 20 คือ "....เลขานุการมูลนิธิมีหน้าที่ควบคุมกิจการ และดำเนินการประชุมของมูลนิธิ ติดต่อประสานงานทั่วไป รักษาระเบียบ ข้อบังคับของมูลนิธิ นัดประชุมกรรมการตามคำสั่งของประธานกรรมการมูลนิธิ และทำรายงานการประมูลตลอดจนรายงานกิจการของมูลนิธิ..."
จากข้อบังคับดังกล่าวจะเห็นได้ว่า บทบาทของกรรมการและเลขานุการ ของ "เสธ.โต" มีความสำคัญอย่างมาก ในการขับเคลื่อนงานส่วนต่างๆ ของมูลนิธิฯ
เมื่อ "เสธ.โต" มีสถานะเป็นผู้ต้องหา หลังถูกศาลทหารออกหมายจับ อันนำมาซึ่งความเสื่อมเสีย การพ้นจากตำแหน่ง กรรมการและเลขานุการ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ซึ่งภายใต้ข้อบังคับ ข้อ 8 กำหนดให้กรรมการของมูลนิธิพ้นจากตำแหน่ง มี 4 ข้อ คือ
1. ถึงคราวออกตามวาระ
2. ตายหรือลาออก
3. ขาดคุณสมบัติตามข้อบังคับข้อ 7 (ได้แก่ มีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี บริบูรณ์ , ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย หรือไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ , ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้่จำคุก เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ )
และ 4. เป็นผู้มีความประพฤติและปฎิบัติตนเป็นที่เสื่อมเสีย และคณะกรรมการมูลนิธิฯ มีมติให้ออกโดยมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของคณะกรรมการมูลนิธิฯ
เมื่อ "เสธ.โต" ถูกศาลทหารออกหมายจับ จึงถือได้ว่าเข้าข่ายเรื่องการพ้นจากตำแหน่งตามข้อ 4 เพราะถือเป็นผู้มีความประพฤติและปฎิบัติตนเป็นที่เสื่อมเสีย ตามขั้นตอนที่ควรเป็นจะต้องมีการเรียกประชุมกรรมการมูลนิธิฯ และลงคะแนนเสียงเพื่อให้พ้นจากตำแหน่งเป็นทางการ
คำถาม คือ ขณะนี้ มูลนิธิฯ มีการเรียกประชุมกรรมการมูลนิธิหรือยัง? และลงมติให้พ้นตำแหน่งหรือยัง? และตั้งใครแทนหรือยัง?
ซึ่งตามข้อบังคับมูลนิธิฯ ในข้อ 17 ระบุไว้ชัดเจน ว่า ประธานกรรมการมูลนิธิฯ มีอำนาจเรียกประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ได้ เพื่อให้งานของมูลนิธิฯ เดินหน้าต่อไป
แต่ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้เข้าไปตรวจสอบข้อมูลในราชกิจจานุเบกษา พบว่า ยังไม่มีการประกาศเรื่องการแต่งตั้งบุคคลอื่นเข้ามาทำหน้าที่กรรมการและเลขานุการ แทน "เสธ.โต" แต่อย่างใด
และเมื่อพยายามติดต่อไปยัง มูลนิธิราชภักดิ์ ซึ่งถูกระบุว่าเป็นบ้านพักของ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิฯ อีกหลังหนึ่ง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องนี้ แต่ไม่สามารถติดต่อใครได้ เช่นกัน
(อ่านประกอบ : เผยโฉมที่ตั้ง'มูลนิธิราชภักดิ์'ทหารเวรอ้างบ้าน'อุดมเดช')
ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า ขณะนี้การดำเนินงานของมูลนิธิฯ กำลังถูกตรวจสอบจากคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงกลาโหม รวมถึงหน่วยงานอื่นๆ อยู่ จึงทำให้งานส่วนอื่นต้องหยุดชะงักไป
อย่างไรก็ดี หากงานของมูลนิธิฯ จำเป็นต้องหยุดชะงักลง เนื่องจากติดขัดปัญหาหลายประการที่เกิดขึ้นในขณะนี้
ในข้อบังคับ หมวดที่ 11 เรื่องการเลิกมูลนิธิฯ ได้เปิดช่องให้มูลนิธิฯ ใช้เหตุผลว่า "เมื่อมูลนิธิไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ไม่ว่าด้วยเหตุใด" มาประกอบเรื่องการเลิกมูลนิธิฯ และคืนทรัพย์สินทั้งหมด ไปให้เป็นกรรมสิทธิ์ แก่กองทัพบก ได้
และคณะกรรมการชุดเดิม ก็ไม่ต้องไปเสนอตัวยุ่งเกี่ยวอะไรกับอุทยานราชภักดิ์อีก!
ส่วนเหตุการณ์จะพัฒนาไปถึงจุดนี้หรือไม่คงต้องจับตาดูกันต่อไปแบบห้ามกระพริบตา โดยเด็ดขาด!
(ดูประกาศและกฎข้อบังคับฉบับเต็มได้ที่นี่ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2558/D/121/20.PDF)