- Home
- Isranews
- กระจายข่าว
- 6 องค์กร ก่อตั้งกองทุนสุนทาน หนุน CSR แบบยั่งยืน
6 องค์กร ก่อตั้งกองทุนสุนทาน หนุน CSR แบบยั่งยืน
องค์กรธุรกิจชั้นนำ 6 แห่ง จับมือเป็นหุ้นส่วน “การลงทุนสุนทาน” หรือ “Philanthropic Investments” ระดมเงินตั้งต้นกว่า 120 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนประเดิมในโครงการลงทุนสุนทาน หวังนำดอกผลจากการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) ไปช่วยเหลือและพัฒนาสังคมในแบบยั่งยืน
บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์, ไมเนอร์ กรุ๊ป, แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์, น้ำตาลขอนแก่น, นำสินประกันภัย และ ทิสโก้ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ได้ร่วมกันแถลงในวันนี้ (22 ก.ค.) ถึงการเป็นหุ้นส่วนก่อตั้งกองทุนสำหรับการลงทุนในรูปแบบ Philanthropic Investments ภายใต้ Universe ที่เป็นกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ซึ่งสถาบันไทยพัฒน์เป็นผู้คัดเลือก สำหรับตอบโจทย์การลงทุนที่ยั่งยืน พร้อมกับนำผลตอบแทนการลงทุนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป มาใช้สนับสนุนการขับเคลื่อน CSR ตามนโยบายขององค์กรที่เข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนการลงทุนในครั้งนี้
ดร.อาณัติ อาภาภิรม กรรมการบริหาร บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า “บีทีเอส กรุ๊ป มีความยินดีที่ได้เข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนก่อตั้งโครงการลงทุนสุนทาน เพราะบริษัทต้องการส่งเสริมการลงทุนที่ยั่งยืนให้เกิดขึ้นในตลาดทุนไทย ซึ่งการลงทุนโดยคำนึงถึงปัจจัย ESG ดังกล่าวในปัจจุบัน มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในทุกภูมิภาคทั่วโลก”
บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ได้ร่วมลงเงินทุนตั้งต้นสำหรับโครงการ เป็นจำนวน 20 ล้านบาท และเป็นการลงทุนระยะยาว โดยหวังให้เกิดดอกผลสะสมเพื่อนำไปใช้ในโครงการ ‘สถานีส่งความสุขจากชาวบีทีเอสกรุ๊ปฯ’ ซึ่งเป็นโครงการCSR หลักของบริษัทฯ ที่ได้นำความสุข และความช่วยเหลือในสิ่งที่เขาต้องการและมีความจำเป็นอย่างแท้จริงไปมอบให้กับเด็กในโรงเรียน และชุมชน ในพื้นที่ทุรกันดารทั่วทุกภาคของประเทศที่ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือมาก่อน ด้วยการสำรวจความต้องการของโรงเรียน และชุมชน เพื่อนำสิ่งของเครื่องใช้ ทั้งเครื่องอุปโภคบริโภค ยารักษาโรค ตามที่เขาต้องการและขาดแคลน ไปมอบให้ ตลอดจนการนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ไปให้การรักษาแก่เด็ก และชาวบ้านในชุมชนเหล่านั้นที่บริษัทได้ริเริ่มให้ความช่วยเหลือ เริ่มตั้งแต่ เดือน เมษายน ปี พ.ศ.2558 รวมทั้งใช้ในการขับเคลื่อนกิจกรรม CSR อื่นๆ ของบริษัทฯ ที่ได้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2550 อาทิ โครงการ ‘คลินิกลอยฟ้า’ โครงการ ‘หนูด่วนชวนกินเจ’ การสนับสนุนให้เยาวชนเรียนรู้การประหยัดพลังงานด้วยการทัศนศึกษาระบบขนส่งมวลชน นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ส่งเสริมการศึกษาของเยาวชนด้วยการมอบทุนให้นักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้กับโรงเรียนต่างๆทั่วประเทศตลอดจน การจัดโครงการศาสนกิจทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาด้วยการทอดกฐินประจำปี และ โครงการ ‘บีทีเอสกรุ๊ปอนุรักษ์ช้างไทย’ ให้ความช่วยเหลือในด้านจัดเวชภัณท์และยาให้กับรพ.ช้าง จ.ลำปาง และ สนุนงบประมาณการก่อสร้าง โรงพยาบาลช้างแห่งใหม่ ที่ จ.กระบี่ ของสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
นายดิลลิปรัจ ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารไมเนอร์ โฮเทล กรุ๊ป เปิดเผยถึงการเข้าร่วมโครงการลงทุนสุนทานว่า “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่เห็นความริเริ่มในลักษณะนี้เกิดขึ้นในสังคมไทย นับเป็นการส่งมอบความช่วยเหลือให้แก่ผู้ขาดโอกาสและองค์กรที่ทำสาธารณประโยชน์ได้อย่างต่อเนื่อง โดยไมเนอร์ กรุ๊ปมีความตั้งใจที่จะนำดอกผลจากการลงทุนนี้ มอบให้แก่สังคมผ่านทางมูลนิธิต่างๆ ที่กลุ่มไมเนอร์ให้การสนับสนุนอยู่ เช่น มูลนิธิไฮเน็ค ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ส่งเสริมด้านการศึกษาแก่นักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดแคลนในประเทศไทย มูลนิธิ โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล เอลเลเฟ่น ซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อลดปัญหาช้างเร่ร่อนบนถนนในเมืองและปัจจุบันขยายขอบเขตรวมถึงการส่งเสริมการอนุรักษ์ช้าง การให้ความรู้และการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับช้าง และมูลนิธิเพื่อการอนุรักษ์เต่าทะเล หาดไม้ขาว รวมทั้ง มูลนิธิไมเนอร์ ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างจัดตั้งขึ้นใหม่ด้วย”
นายทิฆัมพร เปล่งศรีสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการเข้าร่วมก่อตั้งโครงการลงทุนสุนทานในครั้งนี้ว่า “การลงทุนในรูปแบบ Philanthropic Investments ถือว่าเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ แอล.พี.เอ็น. เป็นอย่างมาก เพราะบริษัทสามารถใช้ดอกผลจากการลงทุน ไปสนับสนุนบริษัทในเครือ คือ บริษัท ลุมพินี พร็อพเพอร์ตี้ เซอร์วิส แอนด์ แคร์ จำกัด (LPC) ที่มีนโยบายพัฒนาสตรีด้อยโอกาสให้เป็นพนักงานบริการชุมชน เพิ่มศักดิ์ศรีและคุณภาพชีวิตของสตรีกลุ่มนี้ โดยเฉพาะมีแนวคิดที่จะพัฒนาบริษัทให้เป็นองค์กรเพื่อสังคม (SE)”
แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ และคณะกรรมการบริหารส่วนหนึ่ง นำโดยนายทิฆัมพร เปล่งศรีสุข ได้ระดมเม็ดเงินเริ่มแรก รวมกันเป็นจำนวน 20 ล้านบาท เพื่อเข้าร่วมโครงการ และพร้อมจะระดมทุนเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนบริษัทกิจการของบริษัท LPC ในอนาคต
นายจำรูญ ชินธรรมมิตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) ในกลุ่มบริษัทเคเอสแอล เปิดเผยว่า “ความสำเร็จในการประกอบธุรกิจมาอย่างยาวนานตลอด 70 ปี เกิดจากการที่บริษัทมุ่งมั่นดำเนินการตามวิสัยทัศน์และพันธกิจที่ให้ความสำคัญกับสร้างผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างผู้มีส่วนได้เสีย และการมุ่งเน้นต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การเข้าร่วมก่อตั้งโครงการลงทุนสุนทานในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสที่กลุ่มบริษัท เคเอสแอลจะขยายการดำเนินบทบาทตามพันธกิจในการสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียและสังคมได้อย่างต่อเนื่องและสอดคล้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน”
เคเอสแอล กรุ๊ป ได้สนับสนุนเงินลงทุนตั้งต้นในการเข้าร่วมโครงการ จำนวน 20 ล้านบาท โดยคาดหวังจะนำดอกผลที่ได้รับจากการลงทุนสุนทาน มาทำประโยชน์ในด้านสาธารณสุข ผ่านโรงพยาบาลที่กลุ่มบริษัทเคเอสแอลให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว รวมทั้งนำมาใช้ในโครงการเพื่อการศึกษาและสนับสนุนผู้ด้อยโอกาสทางสังคม
นายสมบุญ ฟูศรีบุญ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท นำสินประกันภัย จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งโครงการลงทุนสุนทาน กล่าวแสดงความยินดีที่มีกองทุนในลักษณะนี้เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งธุรกิจของบริษัทนำสินประกันภัย ก็จะมีลักษณะเป็นกิจการที่มุ่งสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับสังคมไทยอยู่แล้ว ด้วยการให้บริการกรมธรรม์ความคุ้มครองที่สร้างหลักประกันและการบริหารความเสี่ยงให้กับชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยมายาวนานกว่า 68 ปี โดยมีนโยบายเน้นให้ผู้บริหารและพนักงานมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมเพื่อความรับผิดชอบต่อสังคมทั้งภายในและภายนอก รวมทั้งการสร้างเครือข่ายพันธมิตร CSR ทั้งนี้เพื่อให้เกิดพลังความร่วมมือ สามารถขับเคลื่อนกิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัทฯได้อย่างต่อเนื่องและเชื่อมโยงต่อสังคม ซึ่งการที่บริษัท นำสินประกันภัย เข้าร่วมก่อตั้งในกองทุนนี้ เป็นจำนวนเงิน 20 ล้านบาท ก็มุ่งหวังว่าจะนำดอกผลที่ได้รับจากการลงทุนไปใช้สนับสนุนกิจกรรมด้านการเสริมสร้างสุขภาพและความปลอดภัยแก่สาธารณชน โครงการพัฒนาและเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนที่ด้อยโอกาส รวมถึงโครงการเพื่อการรักษาธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาสังคมเพื่อความยั่งยืนต่อไป
นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ กล่าวในฐานะที่บริษัทได้เข้าร่วมเป็นผู้ก่อตั้งกองทุนสุนทาน และยังเป็นผู้รับบริหารจัดการเงินลงทุนในโครงการนี้ว่า “แนวคิดของการลงทุนในรูปแบบ Philanthropic Investments ในต่างประเทศมีมานานแล้ว วันนี้เป็นโอกาสดีที่มีโครงการนี้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมแล้วในประเทศไทย สำหรับกลุ่มทิสโก้ เรามีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมก่อตั้งโครงการนี้ รวมถึงยังเป็นผู้บริหารจัดการกองทุน ดิฉันเชื่อว่า ด้วยความเป็นสถาบันการเงินที่ให้บริการทางการเงินและการลงทุน และมีบทบาทในการริเริ่มและร่วมพัฒนาตลาดเงินและตลาดทุนของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน เราจะใช้ความเชี่ยวชาญในการลงทุนของเราในการบริหารจัดการกองทุนสุนทานนี้ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดี เกิดดอกผลไปทำคุณประโยชน์ต่างๆ เพื่อสังคมตามเจตนารมณ์ของโครงการได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ กลุ่มทิสโก้สนับสนุนเงินลงทุนตั้งต้นในการเข้าร่วมโครงการ จำนวน 20 ล้านบาท โดยจะนำดอกผลที่ได้รับจากการลงทุนไปทำประโยชน์แก่สังคมที่กลุ่มทิสโก้ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นที่การให้ความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) เพื่อพัฒนาความรู้ความเข้าใจทางการเงินของคนไทยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ให้สามารถบริหารจัดการการเงินในชีวิตประจำวัน ปลูกฝังทัศนคติการออมและการสร้างวินัยทางการเงิน อันจะนำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีของตนเองและครอบครัวอย่างยั่งยืน ด้วยการจัดโครงการค่ายการเงินเยาวชน และจัดอบรมความรู้แก่ชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ นอกเหนือจากการให้โอกาสทางการศึกษาแก่นักเรียนที่ขาดแคลนผ่านมูลนิธิทิสโก้เพื่อการกุศล และการสนับสนุนกิจกรรมด้าน ESG อันได้แก่ การส่งเสริมธรรมาภิบาล และการดูแลรับผิดชอบสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน
โครงการลงทุนสุนทาน เป็นความริเริ่มของสถาบันไทยพัฒน์ ที่ใช้เม็ดเงินลงทุนในระยะยาว เพื่อหาดอกผล สำหรับนำไปใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือแก่สังคมในด้านต่างๆ เช่น การศึกษา การสาธารณสุข การพัฒนาอาชีพ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยที่ทุนหรือเงินต้นยังคงอยู่ เป็นทางเลือกให้กับบริษัทจดทะเบียน มูลนิธิในสังกัดภาคเอกชน และสำนักงานธุรกิจครอบครัว สามารถวางแผนการจัดสรรทุนหรือทรัพยากรสำหรับการให้ความช่วยเหลือได้อย่างต่อเนื่อง จนโครงการหรือภารกิจที่ริเริ่มขึ้น เห็นผลหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริง
องค์กรธุรกิจและหน่วยงานที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์