- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- สนช.ชงล้างระบบอุปถัมภ์เสนอ รบ.-สกัดทุจริต
สนช.ชงล้างระบบอุปถัมภ์เสนอ รบ.-สกัดทุจริต
สนช.เห็นชอบผลศึกษาแก้ปัญหาระบบอุปถัมภ์ เสนอรัฐบาล หน่วยงานราชการปฏิบัติ พร้อมพิมพ์แจกสถาบันการศึกษา
ที่รัฐสภา วันนี้ (23 ธ.ค.) ที่ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยให้ความเห็นชอบงานการพิจารณาศึกษาเรื่อง “การแก้ไขปัญหาระบบอุปถัมภ์ในระบบราชการไทยให้เป็นรูปธรรม” ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาการศึกษาการแก้ไขปัญหาระบบอุปถัมภ์ในระบบราชการไทยให้เป็นรูปธรรม ที่มี พล.ร.อ.ศักดิ์สิทธิ เชิดบุญเมือง สมาชิก สนช.เป็นประธานฯ
โดยผลการศึกษาสรุปว่า ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ระบบราชการและวัฒนธรรมการทำงานของราชการยังคงถูกแทรกซึมด้วยระบบอุปถัมภ์มาโดยตลอด อีกทั้งยังพัฒนาการจากความสัมพันธ์ส่วนบุคคลมาเป็นความสัมพันธ์ในเชิงผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวพัน ประกอบกับปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่างภาคการเมือง ภาคธุรกิจ และข้าราชการประจำเป็นไปในลักษณะที่ไม่สมดุล ทำให้เกิดวงจรที่ข้าราชการผู้น้อยวิ่งเข้าหาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ส่วนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ก็จะวิ่งหานักการเมืองในฐานะที่ผู้เข้ามาใช้อำนาจรัฐและมีอำนาจในการแต่งตั้ง โยกย้าย เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง และนักธุรกิจเข้ามาวิ่งเต้นในระบบราชการ เพื่อเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้ข้าราชการและนักการเมือง ระบบอุปถัมภ์มิได้คำนึงถึงหลักคุณธรรม ความเสมอภาค ความรู้ความสามารถ ทำให้ข้าราชการขาดขวัญกำลังใจ คนเก่งคนดีไม่สามารถอยู่ในระบบได้ กลายเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริต และสร้างความเสียหายหลายมิติ
“รายงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อระบบราชการไทยและประเทศชาติที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำข้อเสนของคณะกรรมาธิการไปปฏิบัติ ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพต่อระบบราชการ นำไปสู่ความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการจะจัดพิมพ์รายงานฉบับนี้แจกจ่ายให้แก่หน่วยราชการ สถานศึกษาต่อไป” พล.ร.อ.ศักดิ์สิทธิ์กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เปิดให้สมาชิกแสดงความคิดเห็น โดยส่วนใหญ่อภิปรายสนับสนุนผลการศึกษา โดยนายกล้านรงค์ จันทิก สนช.อภิปรายว่า ระบบอุปถัมภ์ฝังรากลึกในสังคมไทยมานานและกระจายไปยังส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคทำให้คนที่ไม่มีความรู้ ความสามารถ หรือมีความเหมาะสมเข้าดำรงตำแหน่งใหญ่ๆ คนที่ไม่มีอำนาจก็วิ่งเข้าหาคนมีอำนาจ คนมีอำนาจก็อาศัยราชการคอร์รัปชันทุจริต แม้ว่าจะมีการออกกฎหมายในการจัดการคนทุจริตคอร์รัปชัน แต่กฎหมายก็ยังบังคับใช้ไม่ได้เต็มที่ สิ่งที่จะทำให้ปัญหานี้หมดไปคือแรงกดดันทางสังคม ที่เข้าไปกดดันผู้กระทำความผิดและใช้ระบบอุปถัมภ์เหมือนตัวอย่างที่เกิดขึ้นในอดีตที่มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง สังคมสมัยนั้นก็ใช้วิธีการกดดันไม่ยอมรับสิ่งที่ผู้นั้นกระทำ จนทำให้ไม่สามารถอยู่ในสังคมได้ ส่วนนี้ตนเห็นว่าควรจะผลักดันและสร้างจิตสำนึกของคนในสังคมนี้ให้ได้
ด้านนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สนช.เสนอว่า เราคงต้องเริ่มต้นด้วยการตรวจสอบกันเองก่อน เพราะสื่อมวลชนได้นำเสนอรายงานดังกล่าวออกสู่สาธารณชน ทั้งการห้ามเล่นกอล์ฟ การรับของขวัญ รับเป็นที่ปรึกษา คงต้องเริ่มต้นที่ตัวเราเองก่อน ในส่วนอื่นๆ จะตามมาทั้งระบบกฎหมายและส่วนอื่นๆ
ขอบคุณข่าวจาก