- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- DSIแจ้งข้อหาฟอกเงิน "ศุภชัย"ในคุก เจ้าตัวรับมี "ชื่อเฉพาะ" เรียกพระธัมมชโย
DSIแจ้งข้อหาฟอกเงิน "ศุภชัย"ในคุก เจ้าตัวรับมี "ชื่อเฉพาะ" เรียกพระธัมมชโย
"ดีเอสไอ" เข้าคุกบางขวางแจ้งข้อหาฟอกเงิน "ศุภชัย" นาน 6 ชม. เจ้าตัวเผย สนิท "พระธัมมชโย" ยอมรับมีชื่อเฉพาะใช้เรียกระหว่างกัน
เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ที่เรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรี พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วยพ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญาชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 นางกนกลดา เจริญศิริ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการ คณะพนักงานสอบสวนคดีที่ 27/2559 เดินทางมาเข้าแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร กับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์คลองจั่น ซึ่งเป็นข้อหาเดียวกันกับพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย โดยใช้เวลาในการเข้าแจ้งข้อกล่าวหาประมาณ 6 ชั่วโมง
ต่อมาเวลา 16.15 น. นายขจรศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการแจ้งข้อกล่าวหา ว่า ในวันนี้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้เข้าแจ้งข้อกล่าวหากับนายศุภชัยในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร โดยมีทนายความของนายศุภชัยเข้าร่วมด้วย พร้อมทั้งแจ้งสิทธิต่างๆของผู้ต้องหาได้ทราบ อีกทั้ง เรายังสอบปากคำนายศุภชัยเพิ่มเติมด้วย จากการสอบปากคำนายศุภชัยได้ให้การเป็นประโยชน์หลายประการ โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพระธัมมชโย
"ซึ่งนายศุภชัยให้การว่ารู้จักกับพระธัมมชโย เนื่องจากเมื่อปี 2542 พระธัมมชโยได้แต่งตั้งให้นายศุภชัยเป็นไวยาวัจกรของวัดพระธรรมกาย ก่อนจะลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวเมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2556 นอกจากนี้ นายศุภชัยยังให้การเกี่ยวกับความสนิทสนมกับพระธัมมชโย โดยระบุว่า ระหว่างนายศุภชัยกับพระธัมมชโยนั้นมีการเรียกเฉพาะแทนกัน โดยตนต้องขอสงวนชื่อดังกล่าวไว้ ซึ่งพระธัมมชโยไมได้เรียกชื่อของนายศุภชัย แต่เรียกแทนกันด้วยชื่อเฉพาะ ทั้งนี้ นายศุภชัยยังให้การเป็นประโยชน์ในคดีอื่นอีกด้วย ซึ่งคาดว่าจะได้เข้ามาสอบปากคำนายศุภชัยอีกครั้ง"นายขจรศักดิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความสัมพันธ์ระหว่างนายศุภชัยกับพระธัมมชโยเป็นอย่างไรบ้าง นายขจรศักดิ์ กล่าวว่า ทั้งสองมีความสนิทสนมกัน ซึ่งนายศุภชัยก็ให้การแล้วว่ามีการเรียกชื่อเฉพาะกัน อีกทั้ง นายศุภชัยยังเคยไปพบพระธัมมชโยที่กุฏิอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ถือว่าคำให้การของนายศุภชัยในครั้งนี้เป็นประโยชน์ และยังมีความเชื่อมโยงถึงผู้เกี่ยวข้องรายอื่นด้วย ซึ่งคิดว่าทางดีเอสไอก็จะมีการสืบสวนโยงไปถึงเรื่องอื่นได้อีก
ถามต่อว่า ได้มีการสอบถามนายศุภชัยถึงเรื่องเงินที่บริจาคให้พระธัมมชโยหรือไม่ ว่าทราบถึงเจตนาหรือที่มาที่ไปของเงินหรือไม่ นายขจรศักดิ์ กล่าวว่า ในประเด็นนี้ตนต้องขออนุญาตไม่ตอบคำถาม เนื่องจากเป็นเรื่องของคำให้การในสำนวนคดี แต่ก็เป็นไปตามแนวทางสอบสวน ทั้งนี้ สิ่งที่มันเกี่ยวข้องโดยตรงคือพยานหลักฐานที่มีในสำนวนอยู่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพยานเอกสารหลักฐาน ไม่ใช่พยานบุคคล ซึ่งพยานเอกสารนั้นจะนำไปสู่ว่าเงินมันไหลเข้าอย่างไร
นายขจรศักดิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่วัดพระธรรมกายเสนอให้ดีเอสไอเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาพระธัมมชโยภายในวัดพระธรรมกาย ในวันที่ 25 พ.ค.นี้ นายขจรศักดิ์ กล่าวว่า เราจะไม่เดินทางไปแจ้งข้อกล่าวหาที่วัด เพราะเราต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ดังนั้น ถึงจะได้รับหรือไม่ได้รับหนังสือดังกล่าว เราก็เดินทางไปที่วัดไม่ได้ เพราะการปฏิบัติตามกฎหมายต่อบุคคลเหมือนกัน ซึ่งหลักกฎหมายก็ต้องเป็นไปตามหลักกฎหมาย หากไม่มาเราก็ต้องขอหมายค้น ขอหมายจับ เพราะเจ้าหน้าที่ก็ต้องระวังในการปฏิบัติ เนื่องจากมีการร้องเรียนจำนวนมาก อีกทั้ง ทางกลุ่มลูกศิษย์วัดพระธรรมกายก็ยังมีการร้องเรียนให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย หากจะให้ทำอะไรที่มันนอกเหนือไปจากกฎหมายเราไม่สามารถทำได้
“เราไม่มีสิทธิที่จะห้ามไม่ให้เขาฟ้องร้อง แต่พอเขาฟ้องร้องไป เราก็จะต้องแก้คดีว่าเราปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ในขณะเดียวกันผมก็ยืนยันว่า สิทธิดังกล่าวคุณก็จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายเหมือนกัน คือถ้ามีการเสียหายต่อตัวผมเป็นการส่วนบุคคล หรือเสียหายต่อตัวคณะพนักงานสอบสวน หรือเสียหายต่อองค์กร เขาก็ต้องมีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งตรงนี้ก็แฟร์กัน ดังนั้น หากในวันที่ 26 พ.ค.นี้ พระธัมมชโยไม่เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน ในวันที่ 27 พ.ค.นี้ เราก็จะมีการประชุม เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย โดยเราจะยึดหลักตามกฎหมาย ซึ่งกฎหมายมีระบุไว้ว่ากรณีที่เขาป่วย หรือกรณีอื่นๆ เราจะทำอย่างไรได้บ้าง ซึ่งมันมีแนวทางปฏิบัติอยู่” นายขจรศักดิ์ กล่าว
ที่มา: www.posttoday.com