- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- คุก2ปี ไม่รอลงอาญา! 'แนวร่วม นปช.' ส่งสัญญาณวิทยุไม่ชอบ
คุก2ปี ไม่รอลงอาญา! 'แนวร่วม นปช.' ส่งสัญญาณวิทยุไม่ชอบ
พิพากษาคุก2ปี ไม่รอลงอาญา "ธีรวัฒน์-ชินวัฒน์" นปช. ผิดพ.ร.บ.วิทยุ ฯ ติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณวิทยุไม่ได้รับอนุญาตปี52 ชี้รบกวนช่องสัญญาณพาณิชย์นาวี
ที่ห้องพิจารณา 910 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 23 ก.ค.58 เวลา 09.00 น. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.196/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายชินวัฒน์ หาบุญพาด แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายธีรวัฒน์ บุญพา เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐาน ร่วมกันมีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต , จัดตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต และจงใจกระทำให้เกิดการรบกวนหรือขัดขวางต่อการวิทยุคมนาคม อันเป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 มาตรา 6,11,22,23
ตามฟ้องอัยการโจทก์ เมื่อวันที่ 26 ม.ค.55 บรรยายพฤติการณ์จำเลย สรุปว่า ระหว่างวันที่ 9 ม.ค. - 13 เม.ย.52 จำเลยทั้งสอง ได้มีและใช้วิทยุคมนาคม เครื่อง FM TRANSMITTER ที่ไม่ปรากฏหมายเลขทะเบียน ซึ่งมีคลื่นความถี่ใช้งานภาคส่งที่คลื่นวิทยุ 107.5 เมกะเฮิรตซ์ พร้อมเครื่องขยายกำลังส่งตราอักษร R.V.R. รุ่น PJ. 1000 C-LCD ชนิดประจำที่ ที่มีหมายเลยเครื่อง 1278 ซึ่งไม่ปรากฏทะเบียน โดยตรวจพบการใช้วิทยาคมนาคม ที่ตั้งสถานีวิทยุคมนาคมผ่านคลื่น ณ อาคารเอ็มพี ทาวเวอร์ เลขที่ 731 เขตดินแดง โดยไม่ได้รับอนุญาต การกระทำดังกล่าวเป็นการจงใจทำให้เกิดการรบกวนความถี่วิทยุ ของสถานีวิทยุกระจายเสียง กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวี เหตุเกิดที่แขวง – เขตดินแดง กทม. จึงขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมาย จำเลยให้การปฏิเสธ
ขณะที่ระหว่างพิจารณาคดีนายชินวัฒน์ จำเลยที่ 1 มีพฤติการณ์หลบหนี ไม่มาศาลตามนัด ศาลจึงให้ออกหมายจับพร้อมปรับนายประกัน โดยให้จำหน่ายคดีในส่วนของนายชินวัฒน์ เลยที่ 1 ออกจากสารบบความเป็นการชั่วคราวไว้ก่อน จนกว่าจะได้ตัวกลับมาดำเนินคดี ในวันนี้ศาลจึงอ่านคำพิพากษาในส่วนของนายธีรวัฒน์ จำเลยที่ 2 เพียงคนเดียว โดยวันนี้ นายธีรวัฒน์ เดินทางมาพร้อมกับทนายความ
ทั้งนี้ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า อัยการโจทก์ มี นายสถานีวิทยุกระจายเสียง กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวี เป็นพยาน เบิกความว่า ต้นปี 2552 ได้รับการร้องเรียนจากผู้ฟังรายการสถานี ฯ ว่า เหมือนมีคลื่นวิทยุชุมชนรบกวน จึงได้มีการตรวจสอบและพบคลื่นสัญญาวิทยุชุมชนรบกวน นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าตรวจค้นอาคารเอ็มพี ทาวเวอร์ เป็นพยานเบิกความสอดคล้องกันอีกว่า หลังจากมีการแจ้งเรื่องตรวจสอบ เมื่อตรวจค้นห้องเช่าอาคารชั้น 21 ที่ประตูล็อคกุญแจไว้ พบเครื่องส่ง , สายสัญญาณวิทยุ ที่โยงกับเสาอากาศขึ้นไปชั้นดาดฟ้าของอาคาร อีกทั้งยังมีคำเบิกความจากผู้ให้เช่าพื้นที่อาคาร เบิกความว่า นายธีรวัฒน์ จำเลยที่ 2 ได้เป็นผู้เข้ามาทำสัญญา หลังจากที่นายชินวัฒน์ จำเลยที่ 1 ได้ติดต่อขอเช่าห้องอาคารชั้นที่ 21
ส่วนที่นายธีรวัฒน์ จำเลยที่ 2 ต่อสู้อ้างว่า ไม่ทราบนายชินวัฒน์ จำเลยที่ 1 ทำการส่งสัญญาณวิทยุนั้นรับฟังไม่ได้ เนื่องจากการทำสัญญาเช่าห้องอาคารมีภาระผูกพันในการชำระค่าเช่าเดือนละกว่า 10,000 บาท ซึ่งจำเลยที่ 2 ต้องเป็นผู้ชำระในฐานะลงชื่อเป็นผู้เช่าตามสัญญา ดังนั้นหากจำเลยที่ 2 ไม่ทราบเรื่อง ก็ไม่น่านำตัวเองเข้าไปสู่ภาระผูกพันตามสัญญา ที่มีมูลค่าสูง
พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาสอดคล้องต้องกัน และพยานก็เป็นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเบิกความไปตามข้อเท็จจริงที่ได้พบเห็นขณะปฏิบัติหน้าที่ ไม่ได้กลั่นแกล้งปรักปรำจำเลย จึงรับฟังได้ว่านายธีรวัฒน์ จำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกับนายชินวัฒน์ จำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้อง
จึงพิพากษาให้จำคุก 3 ปีนายธีรวัฒน์ จำเลยที่ 2 ฐานพ.ร.บ.วิทยุคมนาคม ฯ มาตรา 6,11,23 ซึ่งคำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก นายธีรวัฒน์ จำเลยที่ 2 เป็นเวลา 2 ปี และให้ริบเครื่องส่งของกลาง
ภายหลังฟังคำพิพากษา ทนายความ เตรียมยื่นหลักทรัพย์ 200,000 บาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราวสู้คดีชั้นอุทธรณ์ต่อไป
ขอบคุณข่าวจาก