‘ปู’ร้องปลัดคลังเพิกถอนค่าเสียหายจำนำข้าว อ้าง‘บิ๊กตู่’สั่งสอบไม่สนความยุติธรรม
‘ยิ่งลักษณ์’ ร่อนหนังสือร้องปลัดกระทรวงการคลัง เพิกถอนคำสั่งชดใช้ค่าเสียหายจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้านใน 7 วัน อ้าง ‘บิ๊กตู่’ สั่งสอบโดยไม่สนความยุติธรรม ขัดหลักกฎหมาย-นิติธรรม กก.สอบข้อเท็จจริง-รับผิดทางแพ่ง เลือกปฏิบัติ-มีส่วนได้เสีย มุ่งกลั่นแกล้งโดยตรง หากไม่ดำเนินการจะใช้วิถีทางตามประชาธิปไตยสู้ต่อ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และจำเลยคดีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ได้ทำหนังสืออุทธรณ์ถึงนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ขอให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครอง ที่เรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว วงเงิน 35,717,273,028.23 บาทแก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า คำสั่งทางปกครองดังกล่าวไม่เป็นธรรม จึงขอโต้แย้งคำสั่งดังกล่าว และขอให้ปลัดกระทรวงการคลัง และผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาเพิกถอนคำสั่งทางปกครองฉบับดังกล่าวภายใน 7 วัน โดยยกเหตุผลสรุปได้ว่า คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผู้ออกคำสั่งแต่งตั้ง เป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงจากการยึดอำนาจ โดยการรัฐประหารรัฐบาลที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี และยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว จึงถือได้ว่าเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ดังนั้นการออกคำสั่งแต่งตั้งดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ชี้นำให้เกิดความไม่เป็นธรรม เลือกปฏิบัติ รวมไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ตอนหนึ่งสรุปได้ว่า ให้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด และผู้เกี่ยวข้องดำเนินการต่อตนโดย ‘ไม่จำเป็นต้องพิจารณาประเด็นยุติธรรม’ อันเป็นการสั่งการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นผลให้การดำเนินการในเรื่องนี้ทั้งหมดไม่ชอบด้วยกฏหมาย ไม่เป็นธรรมในทุกขั้นตอน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุอีกว่า คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 39/2558 และที่ 56/2559 โดยใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 เพราะเป็นการกระทำนอกเหนือกรอบอำนาจมาตรา 44 เกิดการชี้นำและเป็นผลโดยตรงให้คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง พิจารณาเรื่องนี้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยเฉพาะคำสั่งที่เลือกปฏิบัติและก้าวล่วงอำนาจของศาลยุติธรรม ด้วยการสั่งให้กรมบังคับคดี เข้าดำเนินการยึด อายัดทรัพย์สิน แทนการดำเนินการตามปกติ
อดีตนายกรัฐมนตรี ยังระบุด้วยว่า การที่ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีโครงการรับจำนำข้าวว่า มีผู้ร่วมกระทำผิดร่วมกับตนทั้งที่ความจริงยังไม่มีการสอบสวนข้อเท็จจริงใด ๆ ว่า นอกจากตนแล้ว มีการกระทำผิดในขั้นตอนใด อย่างไร มีผู้ใดเป็นผู้กระทำ กลับเร่งรีบ รวบรัด กำหนดเกณฑ์ความผิดกับตนตามจำนวนเงินข้างต้น ซึ่งขัดต่อมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 และขัดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ที่แก้ไขแล้ว
“การพิจารณาของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด และคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง ไม่เป็นกลาง เลือกปฏิบัติ กรรมการมีส่วนได้ส่วนเสีย และประโยชน์ทับซ้อนโดยตรง เกิดการกลั่นแกล้ง และมุ่งประสงค์ร้าย โดยเฉพาะการออกคำสั่งหัวหน้า คสช. เพื่อคุ้มครองตัวท่าน (ปลัดกระทรวงการคลัง) และผู้เกี่ยวข้องทุกคนให้พ้นจากความรับผิดทางอาญา ทางแพ่ง และทางวินัย จากการดำเนินการเอาผิดต่อข้าพเจ้า ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นไปโดยไม่สุจริต” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ตามหลักนิติธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และไม่กลั่นแกล้ง จึงขอให้ปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เกี่ยวข้องดำเนินการเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวภายใน 7 วัน มิฉะนั้นจะใช้สิทธิดำเนินการทางกฎหมายต่อไป รวมถึงดำเนินการอื่นใดตามวิถีทางในระบอบประชาธิปไตย เพื่อความถูกต้องและเป็นธรรม อันเป็นการสร้างความถูกต้อง และบรรทัดฐานต่อการบริหารบ้านเมืองที่เป็นประชาธิปไตยของประเทศไทยด้วย และขอให้แจ้งผลการพิจารณาให้ทราบ เพื่อป้องกันความเสียหายต่อทรัพย์สิน ชื่อเสียง ตลอดจนความเสียหายอื่นใด จึงสมควรเร่งด่วนเพื่อดำเนินการตามกำหนดระยะเวลาดังกล่าวข้างต้นโดยทันที นับตั้งแต่ได้รับหนังสือฉบับนี้
หมายเหตุ : ภาพประกอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จาก news.tlcthai.com