นักวิชาการ จี้ก.เกษตรฯ ออกมาจัดการปัญหาพริกมีสารเคมีตกค้างด่วน
มิสเตอร์พริกเมืองไทย ชี้ผลตรวจไทยแพน แต่ไม่อาจตอบภาพรวมพริกทั้งประเทศได้ จี้หน่วยงาน อย. กระทรวงเกษตรฯ เร่งจัดการปัญหา เกรงจะกระทบราคาพริกในตลาด
สืบเนื่องจากกรณีผลการเฝ้าระวังสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างในผักและผลไม้ ประจำปี 2559 ของ เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-PAN) ซึ่งพบว่า พริกแดง ปริมาณสารพิษตกค้างเกินค่า MRL 100% ( อ่านประกอบสารเคมีตกค้างในพริกสูงสุด ไทยแพนจี้ก.เกษตรฯ ปฏิรูปตรา Q ของมกอช.)
นายวีระ ภาคอุทัย ภาควิชาเศรษฐศาสตร์เกษตร คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นักวิจัยการปลูกพริกปลอดภัย หรือมิสเตอร์พริกของประเทศไทย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอิศรา ถึงผลการสุ่มตรวจในครั้งนี้ไม่สามารถใช้เป็นภาพใหญ่ของพริกในประเทศทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามส่วนตัวไม่ปฏิเสธผลการตรวจจากไทยแพน เพราะเป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือ ซึ่งคาดว่าผลการสำรวจครั้งนี้อาจเป็นเพราะอยู่ในช่วงที่ไทยพริกขาดตลาด และมีความเป็นไปได้ว่า พริกส่วนหนึ่งในตลาดมาจากต่างประเทศ ปกติมีทั้งพริกจากจีน จากเวียดนาม
ส่วนอีกปัจจัยที่อาจส่งผลอย่างชัดเจนคือช่วงฤดูกาลในการสุ่มตรวจ ระหว่างวันที่ 16-18 มีนาคม พ.ศ. 2559 นั้น นายวีระ กล่าวว่า ปีนี้ทั้งแล้งเกินปกติ แมลงจัด โรคเยอะ เกษตรกรบางคนอาจจะใช้สารต้องห้ามมากเกินไป
เมื่อถามถึงสถานการณ์การใช้สารเคมีของเกษตรกรที่ปลูกพริก นายวีระ กล่าวว่า ตามกฎหมายไม่ได้ห้ามการใช้สารเคมีกำจัดแมลง เพราะสารเคมีอันตรายที่ห้ามใช้ตอนนี้ มี 98 ตัว ส่วนที่ไม่ได้ห้ามสามารถใช้ได้ แต่ต้องใช้ให้ถูกวิธี จะทำให้ไม่เกินค่า MRL แต่ประเด็นต้องกระตุ้นเกษตรกรให้ระมัดระวังการใช้สารเคมีกำจัดแมลงด้วย
ปัจจุบันมี เกษตรกรส่วนใหญ่หันมาใช้สารอินทรีย์มากขึ้น เพราะต้นทุนเรื่องสารเคมีฆ่าแมลงมีราคาแพงและส่งผลต่อสุขภาพของตัวเกษตรกรเอง
นักวิจัย กล่าวด้วยว่า ปกติเราส่งออกพริกมากทั้งในรูปซอสพริก เครื่องแกง ถ้าโดนเหมารวม เราอาจสูญเสียเงินกว่า 2 พันล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จแปรรูปกว่า 5 พันล้านบาท ซึ่งองค์การอาหารและยา (อย.) ต้องรีบออกมาตรวจสอบ และจัดการมาตรฐานโดยด่วน ขณะที่กระทรวงเกษตรฯ จะออกมาป้องกันอย่างไร เพราะภาพที่ออกมาดูเสียหาย การออกข่าวช่วงนี้เป็นช่วงที่พริกขาดตลาดและราคาขยับตัวขึ้น และถ้าหากมีผลราคาตก มีผลต่อเกษตรกร
"สิ่งที่ไทยแพนทำก็ปราถนาดีกับผู้บริโภคและการตรวจพบสารเคมีห้ามใช้ เป็นเรื่องน่าตกใจ เพราะกฎหมายเรื่องนี้ก็แรง แต่ทำไมยังมี หน่วยงานที่รับผิดชอบต้องรีบชี้แจง"
ขอบคุณภาพประกอบจากhttp://www.kku.ac.th/