งานวิจัยศศินชี้ปชช.ถูกละเมิดสิทธิ์ยุติธรรม-"ตร.-อัยการ" รับสินบนมากสุด
งานวิจัยศศิน “ดัชนีชี้วัดการเข้าถึงความยุติธรรมของไทยฯ” ระบุชัด ปชช.ถูกละเมิดสิทธิ์เพียบ "ตร.-อัยการ" รับสินบนมากสุด ส่วน"คนจน-ต่างด้าว-เห็นต่างทางการเมือง" ถูกเลือกปฏิบัติ ด้านนักวิชาการชี้ยังขาดมิติสำคัญหลายด้าน แนะเก็บข้อมูลจากประชาชนผู้ด้อยโอกาสในพื้นที่ห่างไกล
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ย.57 ที่โรงแรมทีเค พาเลซ สำนักงานกระทรวงยุติธรรม ร่วมกับสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศิน แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย จัดงานเสวนาเปิดเผยรายงานหัวข้อ "ดัชนีชี้วัดการเข้าถึงความยุติธรรมของไทย : เสียงสะท้อนจากประชาชนสู่การเปลี่ยนแปลง" มีนายทวีชัย เจริญเศรษฐศิลป์ เป็นผู้จัดทำและนำเสนอ
โดยผลการรวบรวมดัชนีในรายงานฉบับนี้ ระบุว่า กระบวนการยุติธรรมที่ได้คะแนนต่ำ คือ ประสิทธิภาพการใช้งบประมาณในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของประชาชน การบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษา การเข้าถึงความช่วยเหลือด้านกฎหมาย และการมีส่วนร่วมของประชาชน
ส่วนองค์ประกอบอื่นๆที่ประชาชนมองว่ามีปัญหา คือค่าประกันตัว ค่าทนายความ การให้คำปรึกษาเจาะจงด้านกฎหมาย การให้ความรู้ของหน่วยงานต่างๆ นอกจากนี้ยังมีอุปสรรคการเข้าถึงความยุติธรรมคือการที่ปะชาชนขาดความรู้และค่าปรึกษากฎหมาย, ค่าใช้จ่ายตลอดกระบวนการยุติธรรมที่สูง กระบวนการยุติธรรมที่มีความล่าช้า กระบวนการยุติธรรมที่มีความซับซ้อนเกินไป
นายทวี ระบุว่า ความต้องการความช่วยเหลือด้านกฎหมายที่ประชาชนต้องการมากที่สุด ได้แก่ การให้ความรู้ทั่วไปด้านกฎหมาย การให้คาปรึกษาเจาะจงด้านกฎหมาย ส่วนความช่วยเหลือที่ต้องการแต่ได้รับน้อยที่สุด ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี ค่าประกันตัว ส่วนกลุ่มคนที่ถูกเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรมมากที่สุด ได้แก่ คนยากจน คนต่างด้าว คนที่มีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมือง
"ลักษณะการละเมิดสิทธิที่ประชาชนกลุ่มตัวอย่างมีการพบเห็นมากที่สุดได้แก่ การยอมความโดยไม่สมัครใจ และการถูกบังคับให้รับสารภาพ การจ่ายสินบนยังเป็นปัญหาในกระบวนการยุติธรรม โดยประชาชนกลุ่มตัวอย่างมีการพบเห็นการรับสินบนมากที่สุดในกลุ่มตำรวจและอัยการ"
ขณะที่นางสาววาสนา เก้านพรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายคุ้มครองสิทธิเด็ก มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก กล่าวถึงงานวิจัยเรื่องนี้ ว่า เมื่อดูดัชนีแล้วก็สงสัยเรื่องความพอใจของประชาชนที่มีต่อกระบวนการยุติธรรม นอกจากนี้กระบวนการยุติธรรมไทยยังมีปัญหาเรื่องการที่รัฐไม่ได้ให้ความรู้ประชาชนอย่างทั่วถึงเกี่ยวกับเจตนารมณ์ของการบังคับใช้กฎหมาย
“งานวิจัยยังขาดมิติบางอย่าง คือ ขาดการเจาะจงเฉพาะกลุ่ม เช่น กรณี่เด็ก คุณได้ไปดูไหมว่าในการสอบปากคำเด็ก กระบวนการยุติธรรมของไทย ดำเนินไปอย่างมีคุณภาพหรือไม่ คุณได้ไปดูไหมว่ากระบวนสอบสวนได้เชิญ นักสิทธิเด็ก เชิญอัยการ มาร่วมสอบปากคำเด็กไหม หรือในคดีเกี่ยวกับผู้หญิง ที่มีข้อบังคับ ระเบียบหลักสิทธิต่างๆ บัญญัติไว้ ได้มีการนำมาใช้จริงหรือไม่ในกระบวนการเหล่านี้ นอกจากนี้ อยากฝากไว้ด้วยว่าการรับฟังจากเสียงประชาชนที่ไม่ได้อยู่ในห้องเสวนานี้ ก็มีความสำคัญเช่นกัน” นางสาววาสนาระบุ
ส่วนผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ และรองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ดัชนีดังกล่าวยังมีองค์ประกอบย่อยๆ หลายส่วนที่ทับซ้อนกันอยู่เยอะเกินไป จึงขอถามผู้วิจัยว่า เป้าหมายที่แท้จริงของ ดัชนีนี้คืออะไร หากเป็นดัชนีที่ต้องการชี้ให้เห็นว่าเราต้องการความยุติธรรม
"ในความเห็นส่วนตัว เห็นว่าควรจะมุ่งไปที่ประเด็นใดที่เห็นว่าสำคัญ เช่น อาจจะมุ่งไปที่การศึกษาข้อมูลของราชทัณฑ์ ไปดูที่เรือนจำหรือมุ่งไปที่จำนวนค่าใช้จ่ายที่ผู้เสียหายแต่ละคนเสียไปในกระบวนการยุติธรรม เช่นจำนวนเงินประกัน หรืออาจศึกษาเจาะจงไปที่จำนวนคดีที่ศาลให้ประกันหรือจำนวนคดีที่ศาลไม่ให้ประกัน เช่น หากติดตามจำนวนนักโทษในเรือนจำ อาจจะวัดสถิติว่าจำนวนนักโทษในเรือนจำแต่ละปี น้อยลงหรือไม่ ความล่าช้าในการดำเนินคดีเป็นอย่างไร ทำไมผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลจึงถูกจับคุมขังอยู่ในเรือนจำ ทำไมถึงประกันตัวไม่ได้ และผู้ที่ยังไม่เข้าสู่การพิจารณาคดีของศาล นำไปขังรวมกับนักโทษที่ถูกใส่ตรวนได้อย่างไร"
แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ กล่าวว่า ดัชนีนี้เป็นงานศศิน แต่กระทรวงยุติธรรมกลับเป็นผู้จัดงาน ถ้าเช่นนั้น ดัชนีนี้จะนำไปสู่อะไร ทำไมไม่มีแผนงานที่ชัดเจนต่อจากนี้ หากต้องการทราบปัญหาของกลไกในกระบวนการยุติธรรม ก็มีมุมมองแบบสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ที่จะตอบให้ได้ แต่หากต้องการต้องการคำตอบแค่เรื่องดัชนีชี้วัดนี้ ตนก็ขอไม่ให้ความเห็น
ขณะที่ตัวแทนนักวิชาการจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) รายหนึ่งกล่าวว่า กระบวนการยุติธรรมมีหลักการและเจตนารมณ์ ที่เมื่อนักเศรษฐศาสตร์ มาวิจัยเรื่องนี้ อาจทำให้ขาดหลักการบางอย่างไปหรือไม่ และเหตุใดจึงไม่วิจัย สุ่มตัวอย่างจากพื้นที่ชายขอบ หรือพื้นที่ที่ประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากส่วนกลาง การวิจัย สุ่มตัวอย่างจากกรุงเทพและนนทบุรี ซึ่งเป็นปริมณฑล อาจยังให้ภาพของปัญหาในกระบวนการยุติธรรมของไทยที่ไม่ได้สะท้อนภาพปัญหาอย่างเพียงพอ
บรรยายภาพจากซ้าย : นายทวีชัย, นางสาววาสนา, พญ.คุณหญิงพรทิพย์ และ ผศ.ดร.ปริญญา