ใช้อภินิหารทาง กม.! รบ.ชี้อายุความคดีขายหุ้นชินฯหยุดแล้ว-จี้สรรพากรเก็บภาษี
‘พล.อ.ประยุทธ์’ เผยความคืบหน้าเรียกเก็บภาษี 'ทักษิณ' ขายหุ้นชินคอร์ปฯ ให้สรรพากรดำเนินการ ถ้าไม่ได้ต้องอุทธรณ์ ชี้ให้ยึดตามคำพิพากษาศาลฎีกาฯ-ศาลภาษีอากร ลั่นไม่ได้รังแกใคร - โฆษก รบ. แจงอายุความสะดุดลงแล้ว สู้กัน 3 ศาล 'วิษณุ' ระบุ "ทำได้ด้วยอิภินิหารตามกฏหมาย"
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2560 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี กรณีการเรียกเก็บภาษีการขายหุ้นชินคอร์ปฯ แก่กองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ เมื่อปี 2549 ว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจตั้งแต่เกิดเรื่อง ได้ให้หลักการสำคัญแล้วว่า ต้องไม่ขัดต่อกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช้มาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 เดี๋ยวหาว่ารุกไล่กันอีก ฝ่ายรัฐบาลพยายามแกะได้สัปดาห์กว่า ๆ เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุม และบางเรื่องสั่งไม่ได้ เป็นเรื่องที่ฝ่ายกฎหมายพิจารณามา โดยเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2560 ที่ทำเนียบรัฐบาลได้มีการประชุมร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีกระทรวงการคลัง สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อพิจารณาว่าสามารถดำเนินการเรียกเก็บภาษีได้หรือไม่ โดยต้องดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ให้ทุกฝ่ายโต้แย้งข้อมูล และดูความเป็นมา พร้อมกับพิจารณาคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลภาษีอากรกลางด้วย มีหลายอย่างซับซ้อนอยู่
“สรุปว่า กรมสรรพากร (กระทรวงการคลัง) จะดำเนินการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวเอง ถ้าทำไม่ได้ก็อุทธรณ์ให้ทันก่อนวันที่ 31 มี.ค. 2560 ซึ่งเป็นวันหมดอายุความคดีนี้ ซึ่งทั้งหมดเป็นผลจากการประชุมร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเป็นไปตามข้อสังเกตของ สตง. ที่เสนอมา ถ้าไม่ทำอะไรเลยเดี๋ยวเป็นปัญหาเหมือนกับคดีอื่น ๆ อีก ไม่ได้เป็นการรังแกใคร แต่ให้ดูคำพิพากษาศาลฎีกาฯ ที่ตัดสินแล้ว พบว่า มีการวางแผนแยบยลหลายทอด เดี๋ยวให้กรมสรรพากรดำเนินการต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ขณะที่ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงกรณีนี้ว่า ภายหลังการขายหุ้นกรมสรรพากรเคยเรียกนายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรชาย และบุตรสาวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้มาเสียภาษี แต่ไม่มีความคืบหน้า จากนั้นจึงมีการออกแบบประเมินภาษี แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่จ่าย จนกรมสรรพากรฟ้องร้องต่อศาลภาษีอากร ท้ายที่สุดมีการยกฟ้อง เพราะศาลเห็นว่าทั้งคู่เป็นเพียงนอมินี จึงต้องไปเรียกเก็บภาษีกับนายทักษิณซึ่งเป็นตัวการ ส่วนที่มีการเสนอให้ใช้มาตรา 44 ดำเนินการ นายกฯเคยระบุแล้วว่า จะใช้พร่ำเพรื่อไม่ได้ ต้องใช้ในทางสร้างสรรค์ จะต้องไม่ทำให้มาตรการเรียกเก็บภาษีเปลี่ยนแปลงไป
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า นายกฯมอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือเมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยให้หลักเกณฑ์ว่า 1.ต้องไม่ใช้มาตรา 44 ให้ใช้กฎหมายปกติ 2.ไม่ขยายอายุความ 3.ยืนอยู่บนหลักนิติธรรม ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และ4.ต้องดูเจตนาการขายหุ้นดังกล่าวว่าสุจริตหรือไม่ ถ้าสุจริตทุกอย่างจบ ถ้าไม่สุจริตให้ดำเนินการตามสิ่งที่ได้ให้ไว้ การจะดูว่าดำเนินการสุจริตหรือไม่ ได้ข้อสรุปว่า ต้องไปฟ้องร้องดำเนินคดีกันในชั้นศาล แต่มีคำถามว่า จะดำเนินการได้ทันก่อนอายุความ 10 ปีจะสิ้นสุดในสิ้นเดือนมี.ค.นี้หรือไม่ ที่ประชุมครม.ก็ได้แนวทางสว่างว่า เมื่อปี 55 ศาลภาษีอากรกลางตัดสินไว้ว่า นายพานทองแท้และน.ส.พินทองทา เป็นนอมินีของนายทักษิณ ไม่ใช่ตัวการสำคัญ เพราะตัวการสำคัญคือนายทักษิณ ดังนั้น การออกหมายเรียกทั้งคู่ในตอนนั้นจึงเหมือนเป็นการออกหมายเรียกนายทักษิณแล้ว
“ขั้นตอนต่อไปคือ การขอประเมินภาษี เพราะออกไปแล้วนายทักษิณคงไม่มาดำเนินการอะไรแน่นอน แล้วเชื่อมั่นว่า ภายในระยะเวลา 16 วัน ที่จะออกการประเมินภาษีไปยังนายทักษิณ เขาคงไม่มาเสียภาษีอีก แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อขอออกประเมินภาษีไปแล้ว เขาไม่มา ถือว่าระยะเวลาได้หยุดลง ก่อนที่จะครบอายุความ 10 ปี หลังจากนั้นจะดำเนินการฟ้องร้องต่อไป ข้อสรุปจะเป็นอย่างไรไปสู้กันใน 3 ศาล ผลอออกมาอย่างไรก็อย่างนั้น”พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า ขอให้สังคมสบายใจได้ว่า รัฐบาลไม่ได้ไปไล่บี้ทางการเมือง ไม่ได้ไปเกี้ยะเซี๊ยะกับคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวการสำคัญ อยากให้เข้าใจว่า การทำงานของรัฐบาลไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องคำนึงถึงวิกฤติศรัทธาประชาชน ข้อกฎหมายและอะไรหลายอย่าง จึงอยากให้เข้าใจว่าทุกเรื่องที่ดำเนินการต้องคำนึงถึงคุณภาพมาตรฐาน จึงจะสามารถนำพาประเทศชาติไปได้
“มันคงเป็นรายละเอียดที่มีกฎหมายเล็กซ่อนอยู่ในกฎหมายใหญ่ โดยที่ประชุมครม. นายวิษณุใช้คำว่า ทำไม่ได้ แต่ทำได้ด้วยอภินิหารของกฎหมาย เพราะฉะนั้นมุมแบบนี้ คงไม่สามารถคิดออกได้ด้วยใครคนใดคนหนึ่ง แต่การประชุมวงนายวิษณุเมื่อวันที่ 13 มี.ค. ได้เชิญเกจิอาจารย์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาจึงคิดออก” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ นายกฯได้รับทราบกรณีที่กระทรวงการคลังตั้งคณะกรรมการตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวในช่วงเวลาที่ผ่านมาว่าใครผิดหรือไม่อย่างไร ถ้าผิดต้องมีผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ และนายกฯยังบอกว่าจะไม่ทำอะไรแบบเทา ๆ เราจะทำอะไรให้เป็นสีขาว
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาศ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สตง. ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศราถึงกรณีนี้ว่า สตง. ยังยืนยันให้รัฐบาลสั่งการให้กรมสรรพากรเก็บภาษีนายทักษิณ ชินวัตร วงเงิน 12,000 ล้านบาท จากการหลีกเลี่ยงภาษีในการขายหุ้นของชินคอร์ปให้กองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ โดยให้ใช้มาตรา 61 แห่งประมวลรัษฎากร ภายในวันที่ 31 มี.ค. 2560 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของอายุความ 10 ปี ซึ่งกรณีนี้กรมสรรพากรสามารถทำหนังสือแจ้งการประเมินภาษีนายทักษิณได้โดยไม่ต้องออกหมายเรียกตรวจสอบก่อน เพราะมาตรา 61 มิได้บังคับให้ออกหมายเรียกก่อนประเมินภาษีเหมือนมาตรา 49 แห่งประมวลรัษฎากร ที่บัญญัติไว้ชัดแจ้งว่าต้องออกหมายเรียกตรวจสอบก่อนจึงจะประเมินได้
"โดยสรุป สตง.ขอให้รัฐบาลสั่งการให้กรมสรรพากรประเมินเรียกเก็บภาษี12,000 ล้านบาท ภายในวันที่ 31 มีค. 2560นี้ หากไม่มีการดำเนินการและคดีขาดอายุความ รัฐบาลต้องรับผิดชอบ" ผู้ว่าฯ สตง.ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเสียภาษีของนายทักษิณกรณีการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปดังกล่าว ศาลพิพากษาว่านายทักษิณ เป็นเจ้าของหุ้นตัวจริง นายทักษิณ จะต้องไปยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษี ภายในวันที่ 31 มี.ค.2550 เมื่อนายทักษิณ ไม่ได้นำเงินที่ได้จากการขายหุ้น ในฐานะที่เป็นเจ้าของหุ้นตัวจริง จึงถือว่าเป็นการยื่นแบบแสดงรายการไม่ถูกต้อง เจ้าพนักงานประเมิน ย่อมมีอำนาจหน้าที่ประเมินภาษีภายในอายุความ 10 ปี ซึ่งกำลังจะครบกำหนดอายุความภายในวันที่ 31 มี.ค.2560 นี้ สำหรับตัวเลขภาษีที่ต้องเสียในช่วงแรก อยู่ที่ประมาณ 5,800 ล้านบาท แต่ถ้าคำนวณระยะเวลาจนถึงปัจจุบัน จะอยู่ที่ตัวเลขเกือบหมื่นล้านบาท
อ่านประกอบ :
ผู้ว่าฯสตง.จี้รบ.สั่งสรรพากรเก็บภาษีหุ้นทักษิณ1.2หมื่นล.-หมดอายุความร่วมรับผิดชอบด้วย
คดีใกล้หมดอายุ!สตง.จี้รมว.คลัง-สรรพากร เก็บภาษีหุ้นทักษิณหมื่นล.-นิ่งเฉยเจอม.157
'สรรพากร' หัก 'สตง.' สั่งยุติเก็บภาษี 'ทักษิณ' กรณีซื้อขายหุ้นชินคอร์ป
ชง'รมว.คลัง'ใช้อำนาจม.3 รัษฎากร! ผู้ว่าฯสตง. เผยแนวทางไล่บี้เก็บภาษีหุ้นชินฯ หมื่นล.
ยกเหตุยึดทรัพย์'แม้ว' 4.6หมื่นล.แล้ว! สรรพากรเลิกหาคนชดใช้ภาษีหุ้นชิน กรณี 'เบญจา'
การไล่ล่าภาษีหุ้นชิน หลังศาลอาญาสั่งจำคุกอดีต รมช.คลัง
หมายเหตุ : ภาพประกอบนายทักษิณจาก sanook, ภาพกรมสรรพากรจาก bangkokbiznews