สร้างชาติจากร้านทำผม
วันนี้ ดิฉันเพิ่งมีโอกาสหาเวลาไปทำผมตามประสาผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งร้านทำผมร้านใหม่นี้ ได้รับคำแนะนำจากรุ่นพี่อีกที ว่าค่อนข้างโอเค เหตุที่เราไม่อยากไปร้านเดิมเพราะเบื่อคนมาก วุ่นวาย และก็อยากเปิดโอกาสให้กับตนเองที่จะหาสิ่งใหม่ๆ บ้างเผื่อจะมีอะไรที่ดีขึ้น เมื่อเราได้รายละเอียดของร้าน ก็โทรศัพท์ไปสอบถาม ระยะเวลาที่จะใช้ในการทำผม ราคาเบื้องต้น เส้นทางในการเดินทาง แล้วดิฉันก็นัดเวลา
พอไปถึงที่ร้านทำผม (ก็ค่อนข้างช้ากว่าเวลานัด อันเนื่องมาจากปัญหาเบสิคๆ ก็คือ รถติด) ก็เกิดความแปลกใจอย่างที่หนึ่ง คือ เริ่มขบวนการทำผมได้เลย ไม่ต้องนั่งรอ สำหรับขั้นตอนทั้งหลายจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง (สระผม ตัดผม ดัดผม และทำ treatment) ดิฉันเริ่มต้นที่เวลา 10.30 น ก็มีน้องผู้ช่วยมาจัดการต่างๆ บนศรีษะของเรา เมื่อเรียบร้อยพร้อมตัดผม ช่างตัดผมก็ปรากฏตัว น่าตาไม่ใช่คนไทยเลยค่ะ เวลาพูดกับดิฉัน น้องผู้ช่วยก็ต้องพยายามแปลภาษาไทยเป็นภาษาไทยค่ะ สรุป ช่างตัดผมเป็นสาวเกาหลีค่ะ
ก็ต้องร้องอ้าว...ซิคะ เพราะอาชีพงานตัดผม งานดัดผม หรืองานเสริมสวย เป็นอาชีพสำหรับคนไทยเท่านั้น มิใช่เหรอ กฎหมายเขียนไว้นี่คะ ไม่เป็นไรเราก็ทำผมของเราต่อไป ระหว่างตัดผม น้องผู้ช่วยคนไทยก็มาเป็นลูกมือ ช่วยช่างตัดผมสาวเกาหลีท่านนี้ สิ่งที่ดิฉันสังเกตเห็นข้อแตกต่างของการทำงานของร้านทำผมร้านใหม่นี้ กับการทำงานของร้านทำผมแห่งเดิม ได้ชัดมากที่สุดคือ ความมีวินัยของน้องผู้ช่วยคนไทย ที่สลับกันเข้ามาช่วยทำผมในแต่ละขั้นตอน รวมประมาณ 4-5 คน ไม่มีใครเล่นโทรศัพท์มือถือเลย ใส่ใจลูกค้า ใส่ใจในแต่ละขั้นตอนของการทำผม หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ไม่เมาท์กันข้ามศรีษะลูกค้า (เช่น พูดเรื่องหวย ใครเป็นแฟนใคร ใครมีเงิน อยากซื้อของใหม่ ฯลฯ) ตั้งใจทำงาน และใส่ใจในรายละเอียด
แสดงว่าคนไทยสามารถได้รับการฝึกฝนให้เป็นผู้รักในงานที่ทำ มีวินัย และมีระเบียบได้ แต่ต้องให้คนเกาหลีเป็นผู้ฝึก เพราะคนเกาหลีมีความสามารถในเรื่องระเบียบวินัยมากกว่าเรา ส่วนคนไทยก็อย่างที่เห็นรักสบาย ชิวชิว ไม่เรียนหนังสือ ไม่ทำงาน แต่จะต้องมีเงิน สรุป ดิฉันทำผมเสร็จ 13.20 น เร็วกว่าที่ประมาณไว้ 10 นาที โอ้..อะไรนี่ ช่างมีประสิทธิภาพเหลือเกิน ขอพูดตรงๆ ว่าช่างทำผมสาวเกาหลีที่พูดถีงไม่ได้เก่งกว่าช่างทำผมไทย แต่ด้วยระบบการทำงาน ความมีระเบียบวินัย ทำให้ดิฉันประทับใจมาก และก็คงไม่กลับไปทำผมที่ร้านคนไทยอีก
เรา Import คนเกาหลี เข้ามาทำงานในประเทศไทยเถอะค่ะ หรือให้คนเกาหลีมาเป็นผู้บริหารประเทศก็ได้แจกสัญชาติไทยกันบวกเงินกันไปเลย จะได้ให้คนเกาหลีมาช่วยเราสร้างชาติดีกว่าที่ดิฉันชื่นชมขนาดนี้ ไม่ได้เป็นเพราะอินภาพยนตร์เกาหลีจนเสียสตินะคะ แต่ชื่นชมในเรื่องพื้นฐาน ระเบียบวินัย และยิ่งไปกว่านั้น การไม่โกงไม่กินกรณีนี้เราก็ทราบข่าวบ่อยครั้งที่เกี่ยวข้องการคอร์รับชั่นในประเทศเกาหลี ไม่มีใครลอยนวล ประชาชนในประเทศเกาหลีจงเกลียดจงชังคนที่ขึ้นชื่อว่า คนโกง คอร์รับชั่น ลองนึกถึงข่าวในอดีตของ อดีตประธานาธิบดีของเกาหลีใต้คนที่ 9 โนมูฮย็อน ที่กระโดดหน้าผาฆ่าตัวตาย เนื่องจากอับอายที่ตัวเองถูกสอบสวนในคดีที่ภรรยาและหลานชายรับสินบน หรือข่าวสดๆ ร้อนๆ ที่ผ่านมาไม่นาน กรณีประธานาธิบดีของเกาหลีใต้คนที่ 11 ปาร์คกึนเฮ ซึ่งปัจจุบันถูกถอดถอนจากการปฏิบัติหน้าที่โดยรัฐสภา อันเนื่องมาจากเรื่องอื้อฉาวมากมาย โดยเฉพาะกรณีคนสนิทของเธอเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการแทรกแซงกิจการของรัฐ และการเรียกรับผลประโยชน์ต่างๆ
เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ดูช่างแตกต่างเหลือเกิน เราอยากให้ลูกหลานมีระเบียบวินัย แต่ผู้ใหญ่ก็ไม่ทำตัวเป็นเยี่ยงอย่าง เราสอนให้ลูกหลานซื่อตรง แต่การโกงสอบบรรจุครูก็ยังมีอยู่ เด็กๆ ได้รับการสอนให้ต่อต้านการคอร์รับชั่น แต่พ่อแม่ก็ยังกราบไหว้นักการเมืองที่ถูกยึดทรัพย์ ประเทศไทยไม่ไปไหนมานานมากแล้ว กลายเป็นเพียงสมบัติชิ้นหนึ่งที่ถูกผลัดกันชมเท่านั้นเอง ได้ผลประโยชน์เป็นที่พอใจแล้วก็จากกันไป ปล่อยให้กลุ่มใหม่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ ไม่น่าแปลกใจที่คนดีๆ หายไปหมด เพราะคนดีไม่มีที่ยืนอีกแล้ว แล้วเราจะทำอย่างไรให้มีคนดีในสังคมมากขึ้น ก็ต้องเริ่มจากพวกเราทุกคน เริ่มจากสังคมที่เล็กที่สุดคือ ครอบครัว รักใคร่ปรองดอง เสียสละ มีน้ำใจ ไม่เห็นแก่ตัว ทำประโยชน์ให้แก่ครอบครัว สังคม แล้วค่อยขยายเป็นวงกว้างออกไป ทุกคนต้องลุกขึ้นสู้กับความชั่วร้าย ส่งเสริมคนดีและต้องพยายามทำให้เห็นได้ว่าพวกเราเกลียดชังความชั่วร้าย เกลียดชังพวกโกงกินชาติ แต่พวกเรายังให้โอกาสบุคคลเลวๆ เหล่านี้ ในการเลือกหน้าผาตามชอบใจ
ขอบคุณภาพประกอบจาก : www.rr-spa.com/salon