ลึกสุดใจ!“นิสิต สินธุไพร” ในวันที่(เขาว่า)นปช.พ่ายแพ้ ?
“…ยังไม่มีใครพูดว่าพ่ายแพ้ ต้องยอมรับว่าขณะนี้เป็นเพราะทหารเข้าควบคุมสถานการณ์ แต่ประชาชนไม่ได้พ่ายแพ้ เรามองว่า อยากให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว ประกาศฟื้นฟูประชาธิปไตยโดยเร็ว เลือกตั้งโดยเร็ว จะนำมาซึ่งสันติภาพโดยเร็ว เพราะทางออกอื่นไม่มีอีกแล้ว การเลือกตั้งเป็นกติกาที่ทุกฝ่ายยอมรับ ต้องบอกว่า ถ้าประเทศคลุมเครือก็จะมีปัญหาหมักหมมมากขึ้น…”
เป็นเวลาราว 1 สัปดาห์ที่ “แกนนำหลัก” กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ถูกควบคุมตัวโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก่อนจะถูกปล่อยตัวออกมาเมื่อช่วงเย็นวันที่ 28 พฤษภาคม 2557
โดยระหว่างแกนนำ นปช. ถูกควบคุมตัวนั้น คสช. นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้า คสช. ออกประกาศและคำสั่งเชิญบุคคลมารายงานตัวอย่างล้นหลาม โดยกว่าครึ่งเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย หรือ นปช.
ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์กันว่า ถึงคราวที่มวลชนคนเสื้อแดง “ล่มสลาย” เสียแล้ว !
“ยังไม่มีใครพูดว่าพ่ายแพ้ ต้องยอมรับว่าขณะนี้เป็นเพราะทหารเข้าควบคุมสถานการณ์ แต่ประชาชนไม่ได้พ่ายแพ้”
เป็นคำยืนยันจาก “นิสิต สินธุไพร” แกนนำหลักของ นปช. หนึ่งในลิสต์รายชื่อของ คสช. ที่ถูกตัวนำไปควบคุมพร้อมกับบรรดาแกนนำ นปช. คนอื่น ๆ เช่นกัน
ทำไม “นิสิต” จึงกล่าวเช่นนั้น สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org มีคำตอบ ดังนี้
@ในวันที่ คสช.ประกาศยึดอำนาจ แกนนำ นปช.ที่เหลือบนเวทีถนนอักษะ ทำอย่างไร, มีการประเมินไว้ก่อนหรือไม่
ไม่ได้ตกใจอะไร เราคาดการณ์กันอยู่แล้วว่า ในที่สุดก็ต้องโดนยึดอำนาจ เราประเมินสถานการณ์เช่นนี้มาตั้งแต่เริ่มต้น ตั้งแต่การเคลื่อนไหวชุมนุมของ กปปส. จะเร็วหรือช้าท้ายสุดมันก็นำไปสู่การยึดอำนาจ อย่างไรก็ดีเราก็ระมัดระวังไม่ให้เกิดเงื่อนไขเผชิญหน้า หรือสร้างความรุนแรงมาโดยตลอด ดังนั้นไม่ใช่เรื่องประหลาดใจอะไรที่เกิดการยึดอำนาจ เพราะเป็นเรื่องที่เราวิเคราะห์มานาน และขึ้นพูดปราศรัยบนเวทีตลอด
“เราประเมินสถานการณ์กันหลายรอบ ตั้งแต่การเคลื่อนไหวทางการเมืองของ กปปส. กับกลุ่มเครือข่ายอำมาตย์ และทหาร ในที่สุดก็มีการประกาศกฎอัยการศึกดังที่คาดไว้ หลังจากนั้นก็จะมีการรัฐประหารอย่างแน่นอน แม้ว่าเราจะระมัดระวังไม่ให้เกิดเงื่อนไขนี้ แต่ในที่สุดก็เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการ”
@ในวันที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ไปหารือ 7 ฝ่ายวันที่ 2 ซึ่งต่อมาถูก คสช.ยึดอำนาจ ได้ฝากฝังอะไรไว้หรือไม่
คุณจตุพร ไม่ได้บอกอะไร เพียงแค่หารือถึงแนวทางที่ต้องเสนอในที่ประชุมเท่านั้น อย่างไรก็ดีก่อนออกไปคุณจตุพร พูดว่า “เวลารัฐประหารใกล้เข้ามาแล้ว” ซึ่งก็เป็นตามที่เราวิเคราะห์ไว้ ตรงกันหมด หลังจากนั้น เมื่อเกิดเหตุยึดอำนาจ ผมก็ได้รักษาเวทีไว้
@ขณะที่ คสช.ยึดอำนาจ ทำอะไรอยู่
วันนั้นผมไปขึ้นศาลมา และก็มีภารกิจบางอย่างที่ต้องกลับบ้าน พร้อมกับเอาเสื้อผ้ามาซัก และจะได้เอาชุดใหม่ไปเพื่อนอนต่อในที่ชุมนุม ขณะที่ออกจากบ้านเกิดหิวข้าว เลยแวะกินข้าวเสียก่อน หลังจากนั้นก็ขึ้นรถแท็กซี่ ปรากฏว่าเมื่อใกล้จะถึงที่ชุมนุม วิทยุบนรถแท็กซี่ก็เผยแพร่ประกาศ คสช.ที่ยึดอำนาจ
“เราก็เข้าไปไม่ได้ ได้แต่วนอยู่รอบ ๆ ที่ตรงนั้น พร้อมทั้งโทรบอกมวลชนให้ระมัดระวังตัว ส่วนเราก็พยายามกันตัวเองออกมา แต่ตอนนั้นมวลชนเหลือไม่เยอะ รวมเบ็ดเสร็จประมาณ 5,000 คนเท่านั้น”
@ภายหลังที่คุณเข้ารายงานตัวกับ คสช. เขานำตัวแกนนำ นปช.ไปไว้ที่ไหนบ้าง
ทีแรกก็ไม่ทราบว่าเป็นที่ไหน พอไปอยู่สักระยะถึงทราบว่าเป็นค่ายกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยพักอาศัยในบ้านหลังที่ 2 อยู่กับนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำ นปช.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนสภาพความเป็นอยู่ก็กินข้าวราดแกง รสชาติค่อนข้างดี พวกผมกินง่ายนอนง่าย เลยไม่ลำบากอะไร
“ส่วนคุณจตุพร กับคุณณัฐวุฒิ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาควบคุมตัวไปไว้ที่ไหน แต่วันควบคุมตัวเขาเอาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เอาผ้าปิดตา มัดมือ หลังจากนั้นพอถึงสถานที่ก็ให้แยกกันอยู่คนละห้อง พอวันปล่อยตัวเขาก็เอาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เอาผ้าปิดตา มัดมือเหมือนเดิม จนกลับมาถึงกรุงเทพฯจึงค่อยเปิด ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาไปไหน”
@ในค่ายดังกล่าวมีบ้านพักกี่หลัง แต่ละฝ่ายอยู่หลังไหนบ้าง
รู้สึกจะมีประมาณ 5 – 6 หลัง โดยหลังที่ 1 เป็นของพวกอดีตรัฐมนตรี หลังที่ 2 ผมกับคุณขวัญชัยอยู่ หลังที่ 3 เป็นพวก กปปส. เช่น คุณสุริยะใส กตะศิลา พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ น.ส.อัญชลี ไพรีรักษ์ นายจุมพล จุลใส นายณัฏฐพล – นางทยา ทีปสุวรรณ ดร.เสรี วงษ์มณฑา นายนิติธร ล้ำเหลือ เป็นต้น ขณะที่น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร เมื่อรถตู้มาส่งตัว อีกสักพักก็พากลับออกไปในทันที และบ้านหลังที่ 4 เป็นของอดีตส.ส.หญิง กับอดีตรัฐมนตรีหญิง อยู่ด้ยกัน โดยเป็นฝั่งพรรคเพื่อไทยทั้งหมด
@ขณะอยู่ในค่ายทหารได้คุยกับคนในพรรคเพื่อไทยหรือไม่
ไม่ได้คุยอะไรมาก เพราะมีทหารเฝ้าดูอยู่ตลอด ถูกประกบติดเลย ไปคุยอะไรมากไม่ได้ แต่หลัง ๆ ก็ผ่อนปรนมากขึ้น เดินไปมาหาสู่ พูดคุยกันได้บ้าง แต่ไม่ได้คุยเรื่องการเมืองกันเลย
@ภายหลังออกมาแล้วได้หารือกับแกนนำคนอื่น ๆ เพื่อกำหนดแนวทางหรือยัง
เมื่อวาน (28/5/57) ก็อยู่คุยกันประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง คุยกันสนุกสนาน มีคุณณัฐวุฒิ คุณจตุพร อาจารย์ธิดา หมอเหวง คุณก่อแก้ว คุณพายัพ คุณวีระกานต์ ก็ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกัน เขาก็ถามผมว่าไปอยู่ไหน ผมบอกว่าไปอยู่ค่ายวังน้อย และก็ผลัดกันเล่าสถานการณ์ความเป็นอยู่ของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ดีไม่ได้มีการหารือกำหนดแนวทางต่อไปเลย เพราะต้องยอมรับว่า พวกเราเองก็เพิ่งได้มาพบกัน และต่างคนต่างก็แยกกันอยู่ นอกจากนี้พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา (ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก) ก็นั่งคุยอยู่ด้วยประมาณ 2 ชั่วโมง เลยไม่ได้คุยประเด็นนี้
@พล.อ.ประยุทธ์ ยื่นข้อเสนออะไรให้ นปช.
ไม่มี เขาแค่ขอความร่วมมือว่า ให้สร้างความสงบสุขเพื่อนำไปสู่การฟื้นฟูประชาธิปไตยให้เร็วขึ้น ขอความร่วมมือในการเข้ามาแสดงความคิดเห็นเรื่องปฏิรูปประเทศ และเราก็คุยกับเขา พร้อมขอร้องเขาว่า ให้พิจารณาปล่อยตัวแกนนำทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นฝั่ง กปปส. หรือ นปช. เพราะถ้าปล่อยแกนนำต่าง ๆ จะนำไปสู่การร่วมไม้ร่วมมือกันมากขึ้น เราก็สัญญาว่าจะทยอยปล่อยตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ซึ่งขณะนี้ก็เหลือแกนนำที่ถูกควบคุมตัวอีกไม่มาก
@พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งศูนย์ปรองดองฯ ทาง นปช. ได้หารือประเด็นนี้หรือไม่
ยังงไม่ได้หารือกับแกนนำในประเด็นนี้ อย่างไรก็ดีศูนย์ปรองดองฯเป็นเพียงแนวคิด ที่ยังไม่รู้ว่ารูปแบบเป็นอย่างไร แต่ส่วนตัวคิดว่าการสลายสีเสื้อทำไม่ได้ เพราะสีเสื้อเป็นความคิด เป็นอุดมการณ์ความเชื่อ ดังนั้นไปทำลายความเชื่อคนอื่นมันทำไม่ได้ แต่ศูนย์ปรองดองฯต้องทำให้ทุกความเชื่ออยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ มีพื้นที่ของตัวเอง และอยู่กันอย่างยุติธรรมเท่าเทียม
@สรุปสถานการณ์ขณะนี้ นปช.พ่ายแพ้แล้วหรือยัง
ยังไม่มีใครพูดว่าพ่ายแพ้ ต้องยอมรับว่าขณะนี้เป็นเพราะทหารเข้าควบคุมสถานการณ์ แต่ประชาชนไม่ได้พ่ายแพ้ เรามองว่า อยากให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว ประกาศฟื้นฟูประชาธิปไตยโดยเร็ว เลือกตั้งโดยเร็ว จะนำมาซึ่งสันติภาพโดยเร็ว เพราะทางออกอื่นไม่มีอีกแล้ว การเลือกตั้งเป็นกติกาที่ทุกฝ่ายยอมรับ ต้องบอกว่า ถ้าประเทศคลุมเครือก็จะมีปัญหาหมักหมมมากขึ้น
@หมายความว่า นปช.จะกลับมาเคลื่อนไหวต่อในวันใดวันหนึ่งใช่หรือไม่
เบื้องต้นขอเรียนว่า เราเรียกร้องประชาธิปไตย ไม่ได้เรียกร้องอย่างอื่น อยากให้บ้านเมืองมีประชาธิปไตย อยากให้บ้านเมืองเกิดความเสมอภาค ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลย แต่ตอนนี้เราก็ขอพักกันสักครู่ ต่างคนต่างอยู่ไปก่อน เพราะเขาขอความร่วมมือมา เราก็ให้ความร่วมมือกับเขา
----
ทั้งหมดนี้คือความในใจของแกนนำ นปช.ชื่อ “นิสิต” ภายหลังถูกปล่อยตัวจากการควบคุมของ คสช. ที่ยืนยันว่า นปช.ไม่ได้พ่ายแพ้ และสักวันหนึ่งจะกลับมาเคลื่อนไหวต่ออย่างแน่นอน
แต่จะเป็นในเร็ว ๆ นี้หรือไม่ ก็ต้องจับตาดูกันต่อไป !
อ่านประกอบ : แกนนำ นปช.รับเงื่อนไข คสช. "เว้นวรรคเคลื่อนไหว" - เร่งจัดเลือกตั้ง