ฟัง 2 มุมมองต่อการตั้ง 10 กุนซือ คสช.
หลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลงนามในคำสั่งตั้ง 10 ที่ปรึกษา พลันเปิดชื่อออกมาก็เรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควร มีทั้งดีใจ ผิดหวัง บ้างยังคงสงวนท่าทีรอดูระยะยาว
ขณะที่นักวิชาการจากรั้วจุฬาฯ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ วิเคราะห์ผ่านเฟชบุคถึงการแต่งตั้งที่ปรึกษาครั้งนี้ของ "บิ๊กตู่" ไว้อย่างน่าสนใจ
"เท่าท่าที่ดูรายชื่อที่ปรึกษาทั้ง 10 ของ คสช. คิดว่า พล.อ.ประยุทธ์แต่งตั้งได้เหมาะสมกับสถานการณ์
1. หม่อมราชวงศ์ ปรีดิยาธร เทวกุล มีประสบการณ์ทั้งด้านการเงินและการคลัง ในขณะเดียวกันช่วงที่ผ่านมา ก็ทำงานร่วมกับสถาบันวิจับเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ศึกษาเรื่องข้าวและความล้มเหลวของนโยบายข้าวของรัฐบาลที่แล้วมาแล้วอย่างถ่องแท้ สามารถต่อสายถึงนักวิชาการอย่าง ศ.ดร.อัมมาร์ สยามวาลา ศ.ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร ได้ และยังมีเซนต์คาเบรียล คอนเนกชั่น ซึ่งจะทำให้คุยกันกับ ทั้งพล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และพล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ ได้อย่างสะดวก
2. นายณรงค์ชัย อัครเศรณี เคยพบปะพูดคุบกับท่านเป็นการส่วนตัว พบว่า ท่านเป็นนักสันติวิธีที่น่าจะเหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเมืองในเวลานี้ ในขณะเดียวกันประสบการณ์เรื่องอาเซียนที่ท่านคลุกคลีมาตั้งแต่เริ่มแรก น่าจะตั้งแต่ Bali Concord I ซึ่งหลายๆ ส่วนก็มาจากแนวคิดในงานวิจัยปริญญาเอกของท่านที่มีปรมาจารณ์ด้านเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ Balassa เป็นที่ปรึกษา น่าจะทำให้เรามีบทบาทที่ดีในเวทีอาเซียน แน่นอน ประสบการณ์การทำงานด้านการค้า การเงินและภาคเอกชน น่าจะเป็นส่วนเสริม
3. ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ หลายคนวิจารณ์ว่าเคยอยู่กับระบอบทักษิณ "แต่ผมพิจารณาว่า ดร.สมคิดเป็นเจ้าของไอเดียเด่นๆ ในสมัยไทยรักไทยชุดแรก ซึ่งต้องยอมรับว่า นำเสนอแต่บุคคลที่คุณภาพดีเข้าเป็นรัฐบาลในช่วงแรก (แต่หลังๆ เหมือนว่าทักษิณจะโดน Dark Side of the Force ครอบงำ) แต่ภายหลังจากโดนยุบพรรค ดร.สมคิดเองก็ไม่ได้มีบทบาททางการเมือง หรือแสดงออกว่ายังอยู่กับระบอบทักษิณ
แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้น นั่นคือ China-Connection ของดร.สมคิด ซึ่งผมมั่นใจว่าบทเวทีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในขณะนี้ ระหว่างสหรัฐอเมริกา&ยุโรป กับจีน ประเทศไทยน่าจะต้องพึ่งพาฝ่ายจีนมากกว่า และดร.สมคิดมีศักยภาพและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทางจีนมาก
4.ดร.วิษณุ เครืองาม หลายคนชอบวิจารณ์ว่า ท่านเป็น เนติบริกร แต่ผมมั่นใจว่านาทีนี้และในอนาคตอันใกล้ พล.อ.ประยุทธ์จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้นักกฎหมายมือดีเป็นที่ปรึกษา ซึ่งดร.วิษณุมีความเหมาะสมอย่างยิ่ง ภายหลังการยุบพรรคที่ดร.วิษณุโดนไปด้วย เห็นบทบาทนักวิชาการ และการวางมือจากภาคการเมือง รวมทั้งการไม่ร่วมกับระบอบทักษิณยุค dark side อย่างชัดเจน
"ดร.วิษณุสามารถทำงานได้กับทุกภาพส่วน ทุกฝ่าย และมีคอนเนคชั่นชั้นเลิศ"
5.อาจารย์ยงยุทธ ยุทธวงศ์ แทบไม่ต้องพูดถึง ในเรื่องวิชาการทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในประเทศไทย นาทีนี้เราขาดแคลนและต้องหวังพึ่งนักวิทยาศาสตร์ชั้นดีและนักวิชาการอย่างท่าน
6. สายทหาร ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น เนื่องจากไม่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้ แต่ถ้าพิจารณาจากชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา, พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ นี่คือทีมที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณใช้งานในการปราบเสื้อแดงในเหตุการณ์เมื่อปี 2553
"แน่นอนหลายๆ ชื่อฝ่ายเสื้อเหลือง (พันธมิตร) อาจยังมีเครื่องหมายคำถามและส่ายหน้า แต่ด้วยความที่หลายคนเคยทำงานกับระบอบทักษิณ (ซึ่งถอนตัวออกไปก่อนจุดล่มสลาย) เมื่อรวมกับรายชื่อทหารเหล่านี้อย่างน้อย เสื้อแดงก็ไม่กล้าหือ หรือต่อต้านมากจนอาจเกิดปัญหา"
ขณะที่รศ.วิทยากร เชียงกูล คณบดีกิตติคุณ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต ระบุถึงการแต่งตั้งที่ปรึกษา คสช.ด้วยว่า การปฏิรูปแบบคสช.ที่พึ่งข้าราชการประจำมาก คงจะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ระดับหนึ่ง แต่จะไม่ใช่การปฏิรูปเชิงโครงสร้างได้อย่างแท้จริง เพราะข้าราชการ มีข้อจำกัด มักมองปัญหาได้ภายใต้กรอบการทำงานแบบเป็นโครงการ เป็นเรื่องๆไป ไม่ได้มองเห็นปัญหาภาพรวมทั้งหมด อย่างวิเคราะหฺ วิพากษ์วิจารณ์ เช่น ตำรวจคิดว่าการปฺฏิรูปตำรวจคือการทำให้องค์กรตำรวจใหญ่ขึ้นจากสำนักงานกลายเป็นกระทรวง พวกกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหลายก็คงเสนอให้ทำโน่นทำนี่ เช่นโครงการป้องกันนำ้ท่วม การทำโครงสร้างพื้นฐาน ก็คงแทรกเข้าไปให้ทำบางส่วน
สำหรับการตั้งที่ปรึกษาส่วนใหญ่ รศ.วิทยากร กล่าวว่า เป็นพวกเทคโนแครต ที่อยู่มาหลายรัฐบาล แม้ตอนนี้ภาคประชาชนจะอยากให้ปราบพวกระบอบเก่าก่อน แต่ภาคประชาชนต้องคอยติดตาม เสนอแนะผลักดันให้มีการปฏิรูปในแนวทางที่ก้าวหน้ากว่าแค่ระบบตลาดเสรี แข่งขันเสรี อย่างที่คสช.เริ่มพูด ที่ควรปฏิรูปคือการแช่งขันและการค้าที่เป็นธรรม ไม่ใช่เสรีแบบปลาใหญ่กินปลาเล็ก
"คสช.ควรรับฟังแนวคิดการปฏิรูปของภาคประชาชน และนักวิชาการที่มีแนวคิดก้าวหน้าด้วย ไม่ใชฟังแต่รัฐบาลและนักธุรกิจต่างชาติ องค์กรธุรกิจ และนักเศรษฐศาสตร์แนวตลาดเสรีเท่านั้น"