“เสรี วงษ์มณฑา”เล่าเบื้องหลัง มอบตัวดีเอสไอในสนามบินคดีกบฏ
“…ไม่มีการกักกัน ไม่มีการหน่วงเหนี่ยว และเขาก็ให้เกียรติ พร้อมบอกว่า ให้ไปรถของเราเอง แต่ให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอนั่งไป 1 คน เขาก็ไม่ได้จับตัวเรา หรือทำอะไรเราเลย ให้เกียรติเราอย่างดีด้วยความไว้ใจ…”
หมายเหตุ : เป็นคำปราศรัยของ ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน 1 ใน 30 แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เมื่อเวลา เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 21 พฤษภาคม 2557 ภายหลังเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขณะกลับมาจากงานแต่งงานหลานชายที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
----
ดร.เสรี วงษ์มณฑา
“หมายจับออกวันที่ 14 พฤษภาคม 2557 แต่เราไปวันที่ 8 พฤษภาคม 2557 ดังนั้นใครก็ตามที่บอกว่า ดร.เสรี หนีหมายจับ มันน่าตบปาก ไม่อย่างนั้นเราจะออกเดินทางไปได้อย่างไร
ภายหลังเสร็จงานแต่งงานหลานชาย ก็ไปปราศรัยกับบรรดา กปปส.นิวยอร์ค ชิคาโก ลาสเวกัส และลอสแองเจลิส และเมื่อเสร็จทุกภารกิจ ได้เวลากลับประเทศไทย ก็ได้ติดต่อไปยังหน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อนัดหมายทนายความของเราว่า จะเข้ามอบตัว ทาง ตม.ก็ติดต่อดีเอสไอว่า เราจะไปมอบตัว
เมื่อมาถึงเวลาประมาณ 12.30 น. เราเดินลงจากเครื่องบินอย่างกบฏที่สวยที่สุด ไม่ได้มีความสั่นไหวหวาดกลัวอะไร เพราะเรามั่นใจว่าไม่ได้ทำผิดอะไร เราจึงเดินเข้ามามอบตัว
พอออกมาจากสนามบิน เนื่องจากนัดหมายกับดีเอสไอไว้ ตำรวจ ตม.ก็บอกว่า “อาจารย์ครับ เดี๋ยวตอนอาจารย์ผ่าน ตม. เจ้าหน้าที่ ตม.เขาจะแจ้งให้อาจารย์ทราบว่า อาจารย์มีหมายจับ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน” เราก็โอเค เขาก็พานั่งรถกอล์ฟเข้ามาตรงบริเวณที่ผ่าน ตม.
พอถึง ตม. ทั้ง ๆ ที่ถูกเขารู้ว่าเรามีหมายจับ เขาก็ไม่ได้แสดงอาการอะไร เขาก็หยิบพาสปอร์ตไปสแกนปกติ เมื่อแล้วเสร็จ ก็ยกมือบอกเราว่า “อาจารย์มีหมายจับ” เราก็บอกว่า “ทราบค่ะ” หลังจากนั้นเขาก็เชิญเราไปห้องวีไอพี ที่ดีเอสไอคอยอยู่
เมื่อเข้าไปถึงก็เจอเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 4 – 5 คน เขาคุยกับเราอย่างดี น่ารักมาก เขาบอกว่ามาตรงนี้เพื่อจะเอาเรื่องข้อกล่าวหา และข้อสืบสวนต่าง ๆ มาอ่านให้ฟัง แต่ว่าทนายความได้อ่านเรียบร้อยแล้ว เราก็ว่า “ถ้าทนายอ่านแล้ว ก็ไม่ต้องอ่านให้เสียเวลา ทนายความว่าอย่างไรก็ตามทนาย”
เสร็จจากตรงนั้นก็ประมาณบ่ายโมงกว่า ๆ ไม่มีการกักกัน ไม่มีการหน่วงเหนี่ยว และเขาก็ให้เกียรติ พร้อมบอกว่า ให้ไปรถของเราเอง แต่ให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอนั่งไป 1 คน เขาก็ไม่ได้จับตัวเรา หรือทำอะไรเราเลย ให้เกียรติเราอย่างดีด้วยความไว้ใจ
เมื่อไปถึงก็เจอกับอัยการ และก็เป็นอัยการที่ดีมาก ๆ เขาบอกว่า “ต้องขอสอบสวน อาจารย์จะให้การอย่างไร จะได้จดบันทึกลงไป” ซึ่งก็ใช้เวลาตรงนั้นประมาณ 30 นาที
ต่อมาเวลาประมาณ 14.30 น. ก็ไปที่ศาลเพื่อที่จะให้อัยการเขายื่นฟ้อง และให้ศาลอ่านคำฟ้องขอประกัน เบ็ดเสร็จทั้งหมดอยู่ที่อัยการ และศาล ใช้เวลาถึงประมาณ 16.00 น. ทุกอย่างก็เรียบร้อย
เจ้าหน้าที่ดีเอสไอหลายคนไม่มีกระโชกโฮกฮากเลย มีแต่ยิ้มแย้ม และยังมีบางคนมาขอเราถ่ายรูป บอกว่า “อยากเป่านกหวีดจังเลย” อีก หลังจากนั้นเลยกลายเป็นโครงการถ่ายรูป และก็พูดคุยด้วยความยิ้มแย้ม มีคนเชียร์มากมาย
ทั้งหมดนี้คือความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งบอกได้เลยว่า ประสบการณ์ในครั้งนี้ ทำให้มีความสุขและมั่นใจมากยิ่งขึ้น เพราะนอกเหนือจากเบอร์ 1 หรือเบอร์ต้น ๆ ของดีเอสไอ นอกจากนั้นเขาคือคนที่เห็นพ้องต้องด้วยกับเราทั้งนั้น”
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก mthai