แฉนักข่าวรอยเตอร์รับใช้ทักษิณ
แปลโดย บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์
เวบไซต์ http://landdestroyer.blogspot.jp/2014/02/senior-reuters-journalist-mocks.html ได้นำเสนอบทความที่น่าสนใจชิ้นหนึ่งว่าด้วยแมลงวันตอมแมลงวันด้วยกันเองที่ทำตัวเป็นมือปืนรับจ้างเขียนงานโฆษณาชวนเชื่อให้กับนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ที่ปรึกษากฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บิดเบือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่ซีเอ็นเอ็น, บีบีซี และสื่อหลายสื่อกลับยินดีนำไปเผยแพร่ต่อ
นักข่าวอาวุโสของรอยเตอร์ล้อเลียนชายพิการว่า”มือที่มองไม่เห็น”
แอนดรูว์ แม็คเกรเกอร์ มาร์แชลล์ มือปืนรับจ้างผู้สร้างวาทกรรมความเกลียดชังที่น่ารังเกียจ บ่งชี้ถึงการใกล้ถึงจุดอวสานติ์ของวงการหนังสือพิมพ์ของตะวันตก รวมทั้งเป็นอุทธาหรณ์ของต่างชาติที่สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
(ภาพทวีท ชายคนหนึ่งสวมหมวกเหล็กและเสื้อลายพรางแบบทหารยืนใกล้คนมือด้วนทั้งสองข้างคนหนึ่ง พร้อมข้อความของนายแอนดรูว์ แม็คเกรเกอร์ มาร์แชลล์ที่ว่า เปิดตัว ”มือที่มองไม่เห็น” ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ไม่สงบ)
ภาพ -ซีเอ็นเอ็น,บีบีซี และนิตยสารฟอรีน โพลิซี ต่างมักจะอ้างหรือให้พื้นที่กับนายแอนดรูว์ แม็คเกรเกอร์ มาร์แชลล์ นักโฆษณาชวนเชื่อรับจ้างของนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ซึ่งแต่ละวันจะมีหน้าที่ผลิตวาทกรรมที่สร้างความเกลียดชังดังภาพที่เห็น ภาพการล้อเลียนชายพิการคนหนึ่ง หลังจากถูกประนามไปทั่ว นายมาร์แชลล์ก็พยายามแก้ตัวว่าไม่ได้ตั้งใจจะล้อเลียนชายพิการผู้นั้น อย่างไรก็ดี ภาพมือปืนหลายร้อยภาพจากเหตุปะทะที่หลักสี่ ประกอบกับปูมหลังของนายมาร์แชลล์ บ่งชัดว่าเขากำลังโกหก แทนที่จะขอโทษและวางมือจากงานเขียนหรือการเป็นนักข่าวหรือนักโฆษณาชวนเชื่อรับจ้าง คนอื่นๆที่ร่วมปกป้องระบอบทักษิณต่างช่วยกันแก้ตัวให้เป็นพัลวัน
พฤติกรรมที่น่ารังเกียจของนายมาร์แชลล์ เผยให้เห็นสีที่แท้จริงของนักเคลื่อนไหวที่สนับสนุนประชาธิปไตย
จากรายงานของสำนักข่าวเอทีเอ็นเมื่อวันที่ 2 ก.พ.2557 กล่าวว่าถ้าย้อนกลับไปดูประวัติของนายแอนดรูว์ แม็คเกรเกอร์ มาร์แชลล์ บรรณาธิการอาวุโสของรอยเตอรส์และมือปืนรับจ้างให้กับบริษัทอัมสเตอร์ดัม แอนด์ พาร์ทเนอรส์ ของนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ล็อบบี้ยิสต์ จะพบว่ามีปัญหาทั้งในด้านของความน่าเชื่อถือและจรรยาบรรณ เบื้องหน้านั้นได้ชื่อว่าทำงานกับรอยเตอรส์ แต่เขาก็สามารถเขียนบทความขนาด 10,000 คำสนับสนุนนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัมและลูกค้าซึ่งก็คือทักษิณ เผด็จการที่ถูกยึดอำนาจและผู้นำตัวจริงของรัฐบาลปัจจุบันของไทยต่อมา แม้จะประกาศอย่างเป็นทางการว่าได้ลาออกจากรอยเตอรส์แล้วเพื่อจะได้มีเวลาเต็มตัวในการเขียนหนังสือตามที่ได้รับการว่าจ้าง แต่ก็ยังแอบเข้าๆออกๆสำนักงานที่สิงคโปร์มานานกว่าปีแล้ว
สื่อตะวันตกต่างช่วยกันโหมสนับสนุนหนังสือ "ไทย สตอรี" ของเขาที่อาศัยข้อมูลจากวิกิลีกส์ แต่ก็มีคนไม่ได้อ่านในจำนวนมากพอๆกัน แม้ว่านายมาร์แชลล์จะประสบความล้มเหลวไม่ว่าจะมองในแง่การเป็นนักหนังสือพิมพ์หรือเป็นนักโฆษณาชวนเชื่อ แต่ก็ยังได้รับการอ้างอิงว่าเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ”ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในไทยเสมอมา
ภาพ -นายมาร์แชลล์เคยให้สัมภาษณ์ประชาไทว่ากระทรวงต่างประเทศสหรัฐให้การสนับสนุนแนวร่วมโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเป็นการโกหกมาตั้งแต่ต้นเกี่ยวกับทุนสนับสนุนจากต่างประเทศ ขณะเดียวกันก็ขอเงินบริจาคจากผู้อ่าน การที่พูดว่า”เป็นพวกเดียวกัน” อาจจะโดนใจผู้อ่านบางคน
บีบีซีมักจะอ้างความเห็นของเขาบ่อยๆ เช่นเดียวกับนิตยสารฟอรีน โพลิซี ที่จะเจียดพื้นที่ให้ เมื่อเร็วๆนี้ ซีเอ็นเอ็นก็ยกพื้นที่ในหน้าบรรณาธิการพิมพ์บทความเรื่อง "Opinion: Prognosis for divided Thailand bleak, but why?" ของเขา ซึ่งซีเอ็นเอ็นอ้างว่าเป็นนักข่าวอิสระและนักเขียนที่เน้นเรื่องการเมืองไทย
แน่นอน ซีเอ็นเอ็นรู้ดีว่านายมาร์แชลล์เป็นใคร แต่เนื่องจากผู้อ่านไม่สนใจและไม่มีการสอบสวนข้อเท็จจริงว่าพวกเขากำลังพิมพ์งานของนักโฆษณาชวนเชื่อรับจ้างซึ่งแต่ละวันผลิตแต่วาทกรรมเกลียดผู้หญิง วาทกรรมที่สร้างแต่ความเกลียดชัง เจตนาโกหกและใส่ร้ายป้ายสี
ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่พบเห็นกันทั่วไป กรณีนายมาร์แชลล์โพสต์ภาพในทวิตเตอร์และล้อเลียนภาพเหล่านั้น หรือให้ความสนใจกับผู้ที่มีความเห็นทางการเมืองตรงกันข้ามกับนายจ้างของเขาแล้วเปิดฉากโจมตีคนผู้นั้น
ภาพ -ภาพที่สะท้อนถึงความอ่อนหัดและเต็มไปด้วยอคติก็คือภาพของผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่งซึ่งไม่มีใครรู้จักที่เข้าร่วมการเดินขบวนขับไล่รัฐบาลในกรุงเทพ บ่อยครั้งที่นายมาร์แชลล์มักจะใช้คำพูดส่อเสียดหรือหยาบคายและโกหกอย่างโจ่งแจ้ง ขณะที่เผยแพร่ข้อเขียนที่รับจ้างมา นี่คือตัวอย่างที่ดีที่สุดของการกระทำที่เหม็นเน่าฉาวโฉ่ของวงการหนังสือพิมพ์ของตะวันตกที่เป็นสื่อกระแสหลัก
อย่างไรก็ดี การกระทำที่ครึกโครมล่าสุดของนายมาร์แชลล์ ดูเหมือนจะข้ามเส้นแบ่งเขตจนทำให้ถูกรุมกระหน่ำจากทุกสื่อและเปิดช่องให้มีการประนามอย่างเปิดเผยจากองค์กรสื่อทุกองค์กรที่นายมาร์แชลล์อาจจะเคยทำงานด้วยระหว่างที่ทำงานที่รอยเตอรส์
ภาพของมือปืนที่ไม่มีการยืนยันและไม่มีการเปิดเผยชื่อว่าเป็นใครที่มีส่วนร่วมในการยิงกันนานถึง 30 นาทีที่หลักสี่ ภาพของชายคนหนึ่งที่ถือปืนไรเฟิลและชายซึ่งมือด้วนทั้งสองข้างอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ นายมาร์แชลล์ฉวยโอกาสล้อเลียนชายผู้นี้ด้วยการอ้างว่าพบ “มือที่มองไม่เห็น” ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุรุนแรงที่ระบอบทักษิณเคยพูดไว้ และหลังจากนั้นก็เกิดเรื่องขึ้นทุกวันนานติดต่อกันหลายเดือนแล้ว
การล้อเลียนเกินความพอดีของนายแอนดรูว์ แมคเกรเกอร์ มาร์แชลล์ นักข่าวของรอยเตอรส์ ซึ่งมีขึ้นและได้รับการเผยแพร่ในซีเอ็นเอ็น ขณะที่บีบีซีขอสัมภาษณ์เขา และนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ล็อบบี้ยิสต์ที่ทักษิณว่าจ้างได้นำไปอ้างอิงต่อ ไม่สามารถจะพูดเป็นอื่นได้นอกจากสะท้อนถึงแผนการ เจตนารมณ์และวิธีการที่ได้รับการว่าจ้างจากตะวันตก และนับเป็นตัวอย่างล่าสุดที่ตอกย้ำถึงความต่ำช้าเลวทรามของวงการหนังสือพิมพ์ของตะวันตกที่เป็นสื่อกระแสหลัก ขณะเดียวกัน ใช่ว่านักข่าวตะวันตกที่ทำงานในสื่อกระแสหลักทุกคนจะซื่อสัตย์ยอมรับว่าตัวเองก็เหมือนกับนายมาร์แชลล์ ที่ขาดทั้งความน่าเชื่อถือและไร้จรรยาบรรณ พวกเขาทุกคนยังคงหลอกลวง มีอคติและมีความเห็นแสบสันทางการเมือง
ทั้งซีเอ็นเอ็น,บีบีซี นิตยสารฟอรีน โพลิซี และสำนักข่าวอื่นๆ ต้องการจะคบหากับคนอย่างนายมาร์แชลล์จริงหรือ คนซึ่งวิพากษ์วิจารณ์การประท้วงด้วยถ้อยคำหยาบคายเหมือนเด็ก หรือพูดถึงเนื้อหนังมังสาของผู้หญิงแก่ๆคนหนึ่งหรือล้อเลียนชายพิการคนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนายมาร์แชลล์ไม่ให้ทำหน้าที่ของนักข่าว (หรือแม้กระทั่งนักโฆษณาชวนเชื่อ) ด้วยการปิดหูปิดตาผู้อ่านรวมทั้งปล่อยขี้เท่อตามบทที่ได้รับจากบริษัทสื่อของตะวันตก ซึ่งเป็นคนจ่ายเงินก้อนงามให้
แน่นอน สำหรับตะวันตกที่ต้องการให้งานเดินหน้าต่อไป ก็แทบไม่มีทางเลือกอื่น การที่ยังต้องอาศัยแหล่งข้อมูลของนายแอนดรูว์ มาร์แชลล์ อาจจะได้รับการตอบรับจากกลุ่มที่สนใจในความจริงและปราศจากอคติ แต่ก็ทำให้ประชาชนได้ข้อสรุปเช่นกันว่าไม่ใช่แค่นายมาร์แชลล์ เท่านั้นที่ไม่มีสิทธิอ้างตัวเองว่าเป็นนักข่าว ระบบส่วนใหญ่ของวงการหนังสือพิมพ์ที่ยังคงมองว่างานของเขานั้นเหมาะสม ก็ไม่มีคุณค่าใดๆเช่นกัน