logo isranews

logo small 2

สำนวนป.ป.ช.สมบูรณ์เพียงพอ!อสส.เห็นควรสั่งฟ้องอาญา"ยิ่งลักษณ์"คดีข้าว

ไม่รอด! สำนักงานอัยการสูงสุด แถลงผลทางการ "อสส." พิจารณา สำนวนป.ป.ช.สมบูรณ์เพียงพอแล้ว เห็นควรสั่งฟ้องคดีอาญา "ยิ่งลักษณ์" ละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โครงการรับจำนำข้าวแล้ว-โยนเป็นเรื่องอนาคต หากมีการหลบหนีออกนอกประเทศ 

1aying2301

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 58 ที่สำนักงานอัยการสำนักงานอัยการสูงสุด นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน แถลงข่าวเกี่ยวกับคดีทุจริตโครงการจำนำข้าว ว่า อัยการสูงสุดพิจารณาหลักฐานที่คณะทำงาน ระหว่างอัยการร่วมกับทางคณะทำงานฝ่าย ป.ป.ช. ประกอบพยานหลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมดในสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. แล้ว และมีความเห็นว่า คดีมีความสมบูรณ์พอที่จะดำเนินคดีอาญา ฟ้องผู้ถูกกล่าวหา ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงให้ดำเนินคดีอาญา ฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตามข้อกล่าวหา

นายสุรศักดิ์ กล่าวว่าข้อหาที่ดำเนินคดีเป็นไปตามสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. ที่ให้อัยการสูงสุด พิจารณาฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในข้อหาปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ( และที่แก้ไขเพิ่มเติม ) มาตรา 123/1

ทั้งนี้ คำแถลงของสำนักงานอัยการสูงสุดต่อกรณีดังกล่าว ระบุว่าเดิมที เมื่ออัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้วเห็นว่า คดีดังกล่าวที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ส่งมานั้น ยังไม่สมบูรณ์พอที่จะยื่นฟ้องคดีต่อศาลได้ อัยการสูงสุดจึงแจ้งข้อไม่สมบูรณ์ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบ และต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. และอัยการสูงสุด ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อเป็นผู้แทนไปดำเนินการพิจารณาพยานหลักฐานที่ไม่สมบูรณ์และรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์ เพื่อส่งให้อัยการสูงสุดฟ้องคดีต่อไปนั้น ต่อมาเมื่อมีการตั้งคณะทำงานสองฝ่ายแล้ว คณะทำงานฝ่ายผู้แทนอัยการสูงสุด และคณะทำงานฝ่ายผู้แทนกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีการนัดประชุมพิจารณาหลักฐานที่ไม่สมบูรณ์ และไปดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์ตามข้อไม่สมบูรณ์ ที่พิจารณาตกลงกันได้ โดยได้มีการขอเอกสารหลักฐานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สอบปากคำพยานบุคคลที่จำเป็นแก่คดีเพิ่มเติมเพื่อให้สิ้นกระแสความ รวมทั้งอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์ตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายต่อไป

เมื่อคณะทำงานทั้งสองฝ่ายได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานตามข้อไม่สมบูรณ์ที่ตกลงกันได้ดังกล่าวข้างต้นแล้ว ต่อมา วันที่ 20 ม.ค. 58 คณะทำงานได้นัดประชุมเพื่อพิจารณาผลการรวบรวมพยานหลักฐานร่วมกัน และมีความเห็นว่าการดำเนินการของคณะทำงานร่วมได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานตามข้อไม่สมบูรณ์ดังที่พิจารณาตกลงกันได้เสร็จสิ้นแล้ว จึงมีมติให้ส่งพยานหลักฐานทั้งหมดเสนออัยการสูงสุดเพื่อฟ้องคดีต่อไป ตามมาตรา 11 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2542

“อัยการสูงสุด ได้พิจารณาพยานหลักฐานที่คณะทำงานส่งมาดังกล่าวข้างต้น ประกอบพยานหลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมดในสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้วเห็นว่าคดีมีความสมบูรณ์พอที่จะดำเนินคดีอาญาฟ้องผู้ถูกกล่าวหาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ จึงให้ดำเนินคดีอาญาฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรตามข้อกล่าวหา”  

นายสรุศักดิ์ ยังตอบคำถามสื่อมวลชนกรณีหากศาลมีคำพิพากษาลงโทษแล้ว จำเลยหลบหนีอยู่ต่างประเทศ จะมีการดำเนินการอย่างไร ว่า "ประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องของอนาคต แต่ในทางปฏิบัติแล้วก็จะมีการขอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน" 

ภาพประกอบจาก : http://chaoprayanews.com