รัฐบาลจ่ายเยียวยางวดแรก 577 ลบ. ยันกระบวนการถูกต้อง เตรียมจ่ายงวด 2

'ยงยุทธ' เป็นประธานมอบเงินเยียวยาเหยื่อทางการเมือง ล็อตแรก 524 ราย ด้านแม่ “น้องเกด” ยอมรับเงินเยียวยา แต่ไม่หยุดเดินหน้ากระบวนการยุติธรรม ยันเตรียมฟ้องแพ่งบุคคล
วันที่ 24 พฤษภาคม นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) เป็นประธานพิธีมอบเงินเยียวยาแก่ผู้เสียหายจากความรุนแรงทางการเมืองตามหลักมนุษยธรรม ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล โดยมี นายประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการและเลขานุการ ปคอป. นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมฯ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย และญาติผู้เสียหายร่วมงาน
นายสันติ กล่าวถึงการจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้เสียหายจากความรุนแรงทางการเมืองตามหลักมนุษยธรรมครั้งนี้ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้เปิดรับลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยา ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม - 12 เมษายน 2555 มีผู้ลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยาทั้งสิ้น 5,885 ราย และมีผู้ผ่านการตรวจสอบรับเงินเยียวยางวดแรกจำนวน 524 ราย แยกเป็น 5 ประเภท คือ ผู้เสียชีวิต จำนวน 44 ราย ผู้ทุพพลภาพ 6 ราย ผู้บาดเจ็บสาหัส 58 ราย ผู้บาดเจ็บ 177 ราย ผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 239 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 577,663,079 บาท
ขณะที่นายยงยุทธ กล่าวว่า การชดเชยเยียวยาและฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงของทุกฝ่าย เป็นเงื่อนไขสำคัญในการสร้างความปรองดองในชาติ เมื่อเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นโดยที่รัฐไม่สามารถป้องกันได้ รัฐบาลมีหน้าที่เยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยต้องดำเนินการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ รวมถึงครอบครัวผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็ว สำหรับการจ่ายเงินเยียวยาเพื่อมนุษยธรรมในวันนี้ ไม่สามารถลบล้างความสูญเสียทั้งหมดให้หายสิ้นไปได้ แต่อย่างน้อยจะสามารถทำให้ประคับประคองชีวิตครอบครัวผู้ที่ได้รับผลกระทบให้ดำเนินชีวิตก้าวเดินต่อไปในวันข้างหน้าได้อย่างปกติสุข
“การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในชาติเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ ไม่อาจสร้างขึ้นได้โดยลำพังฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่าย เพื่อให้ความปรองดองเป็นรากฐานสำหรับประเทศไทยก้าวเดินต่อไปในวันข้างหน้าโดยไม่วกวนอยู่กับอดีตที่ล่วงเลยผ่านไป ภารกิจสร้างชาติจะสำเร็จได้ขึ้นอยู่ที่ทุกคน”
นายยงยุทธ กล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ว่าการจ่ายเงินเยียวยาไม่เป็นไปตามที่กฎหมายรองรับ ไม่มีหลักเกณฑ์และจะมีการฟ้องร้องคณะทำงานด้วยว่า เป็นการมองต่างมุม แต่ก็สามารถดำเนินการต่อได้ ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน เพราะเชื่อมั่นว่ากระบวนการที่ทำอยู่ถูกต้อง และจะดำเนินการต่อตามช่องทางที่มีอยู่ ในการจ่ายเงินเยียวยางวดต่อไปจะล่าช้าไม่ได้ การเริ่มต้นงวดแรกครั้งนี้ น่าจะทำให้งวดต่อๆ ไปทำได้เร็วขึ้น
“แม้คดีความและการค้นหาความจริงยังไม่จบสิ้น แต่การจ่ายเงินเยียวยาจะเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้เบาบาง สำหรับการค้นหาความจริงก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ต้องติดามต่อไป แต่หากจะรอให้ได้ตัวคนทำผิดมาก่อนแล้วค่อยจ่ายเงินก็ไม่รู้ต้องรออีกนานเท่าไหร่ การดำเนินการดังกล่าวจึงเหมาะสมแล้ว”
ด้านนายวิเชียร กล่าวถึงการจ่ายเงินเยียวยาในงวดที่สองกำลังเร่งดำเนินการตรวจรายละเอียด ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการยื่นหลักฐานของผู้เสียหายว่า ครบถ้วนหรือไม่ และหากผู้เสียหายไม่ได้มารับเงินในวันนี้ก็สามารถไปยื่นรับเงินเยียวยาภายหลังได้ที่กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ซึ่งยังไม่มีการกำหนดขอบเขตเวลา อย่างไรก็ตามเรื่องงบประมาณในงวดต่อๆ ไปไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ผู้่สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของ นางสาวกมนเกด อัคฮาด หรือ “น้องเกด” พยาบาลที่ถูกยิงเสียชีวิตที่วัดปทุมวนาราม ที่ตอนแรกปฏิเสธการรับเงิน โดยขอให้รัฐบาลออกมาชี้แจง ว่า เงินที่รัฐบาลจ่ายเพื่อเยียวยาเป็นเงินก้อนเดียวกับเงินที่ผู้ได้รับผลกระทบจะได้รับหากมีการฟ้องร้องทางแพ่งหรือไม่ เนื่องจากในส่วนของเงื่อนไขข้อ 2 ระบุว่าหากรับเงินเยียวยาแล้ว ให้ถือว่าสิทธิทางศาลในคดีแพ่งเป็นอันระงับไป โดยในการนี้ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ และนายธงทอง จันทรางศุ อนุกรรมการด้านการเยียวยาวิธีการทางแพ่งและฟื้นฟู ได้ร่วมเจรจาและ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
นางพะเยาว์ กล่าวภายหลังการเจรจาว่า ทางรัฐบาลได้อธิบายชี้แจง เกี่ยวกับเงื่อนไขแล้ว โดยให้สามารถรับเงินเยียวยาและยังสามารถฟ้องคดีแพ่งได้ แต่เป็นการฟ้องบุคคลไม่ใช่หน่วยงานรัฐ ทั้งนี้ ในส่วนของคดีอาญาจะดำเนินการฟ้องแน่นอน รวมถึงการฟ้องแพ่งรายบุคคลด้วยที่เรามีสิทธิ์ทำได้ แต่จะฟ้องใครนั้นต้องมีการปรึกษากับทนายก่อนว่าจะฟ้องใครบ้าง ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการในส่วนของกระบวนการยุติธรรมแล้ว ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างต้องดำเนินไปตามขั้นตอน รัฐบาลนี้ก็ต้องค้นหาความจริงต่อไป และความยุติธรรมก็ต้องขับเคลื่อนให้เต็มที่
สำหรับพิธีการรับเงินเยียวยาฯ มีกลุ่มคนมารับเงินเยียวยา จากหลายฝ่าย ซึ่งเป็นญาติผู้ที่ได้รับผลกระทบ จากเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (รัฐบาลสมัยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์) พ.ศ. 2551, เหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.2552 และเดือนเมษายน พ.ศ.2553 กลุ่มพันธมิตรฯ ทหาร รวมถึงผู้ที่ได้รับลูกหลงจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้มีการสอบถามความรู้สึกญาติผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง โดยส่วนใหญ่แล้วรู้สึกดีใจที่รัฐบาลให้ความช่วยเหลือ เช่นเดียวกับนางขนิษฐา จันทร์แสนตอ ภรรยา ส.อ.อนุสิทธิ์ จันทร์แสนตอ นายทหารที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในการสลายการชุมนุม บริเวณสวนลุมพินี ปี 2553 กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจที่ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลตามกรอบจำนวนเงินที่ได้กำหนด เนื่องจากยังมีค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูกด้วย แต่ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ก็ได้รับการช่วยเหลือมาบ้างแล้วจากเงินเยียวยาช่วยเหลือของทหาร นอกจากนี้ก็ยังมีจากมูลนิธิต่างๆ ด้วย
