- Home
- Thaireform
- สารคดีเชิงข่าว
- "อัศวิน" โชว์วาระพัฒนา กทม. “Now ทำจริง เห็นผลจริง” ท่ามกลางข่าวสะพัด ปูทางสู่สนามเลือกตั้ง
"อัศวิน" โชว์วาระพัฒนา กทม. “Now ทำจริง เห็นผลจริง” ท่ามกลางข่าวสะพัด ปูทางสู่สนามเลือกตั้ง
จับตา “วาระพัฒนา กทม.” ปี 61 ภายใต้แคมเปญ “Now ทำจริง เห็นผลจริง” วัดฝีมือ “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” ท่ามกลางข่าวสะพัด ปูทางสู่สนามเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. คนต่อไป
“Now ทำจริง เห็นผลจริง” คือแคมเปญในการประกาศวาระการพัฒนากรุงเทพมหานคร (กทม.) ปี 2561 เพื่อชูกรอบการทำงาน 100 วัน 200 วัน 300 วัน และ 1 ปี สำหรับติดตามงานที่ชัดเจน มีประสิทธิภาพ เน้นสร้างความร่วมมือทุกภาคส่วน เพื่อร่วมเปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ ให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
โดย กทม.ได้จัดแถลงข่าวเปิดตัว พร้อมจัดแสดงผลการดำเนินงานและผลักดันแผนพัฒนาในระยะต่อไป เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2561 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร มี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธาน
100 วัน สร้าง กทม.เมืองสว่าง-คลองน้ำใส
สำหรับโครงการเด่นที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 100 วัน เช่น
- การตั้งศูนย์ประสานงานโครงการจิตอาสาพระราชทาน กทม. และ 50 สำนักงานเขตเพื่อรักษาความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความสวยงามของคลองให้ยั่งยืน เพื่อน้อมนำพระราชปณิธานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มาเป็นแนวทางในการร่วมกันพัฒนาสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น
ขณะที่ในส่วนงานบริการประชาชน ซึ่งเป็นภารกิจหลักของ กทม.เช่น
- โครงการนัดหมอล่วงหน้ารักษาเร็วขึ้น เพียงนัดหมายผ่านศูนย์ BFC โรงพยาบาลเป็นการให้บริการนัดหมายล่วงหน้า ลดเวลา การรอคอยก่อนพบแพทย์
- เดินหน้าโครงการทิ้งเป็นที่ เก็บเป็นเวลา ทั้งบนบกและริมน้ำครบทุกพื้นที่ 855 จุด ลดปัญหาขยะตกค้าง
- เปิดศูนย์สร้างสุข ทุกวัย 9 ศูนย์ สร้างกิจกรรมหลากหลายดูแลคนทุกวัย
นอกจากนี้ยังได้เริ่มโครงการ Water Bank หรือธนาคารน้ำใต้ดิน และแก้มลิงเก็บน้ำตามศาสตร์พระราชาเพื่อพักน้ำยามฝนตกบริเวณจุดที่มีน้ำท่วมขังบ่อยครั้ง รวม 10 จุด การสร้างถนนสายอัตลักษณ์ด้วยพันธุ์ไม้บนถนนสายหลัก 9 สายโครงการกทม.เมืองสว่าง ไฟติดทุกดวงในสวนสาธารณะ สะพาน ถนน ตรอก และซอย รวมกว่า 6,065 จุด เพื่อความปลอดภัยของประชาชน
200 วัน พัฒนาการศึกษา เดินหน้าโครงการ ‘เด็กหลังห้อง’
ส่วนต้องดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 200 วัน กทม.กำหนดโครงการที่มุ่งเน้นการพัฒนาคน การศึกษา และเพิ่มศักยภาพสถานศึกษาในพื้นที่ โดยการพัฒนาการศึกษาโรงเรียนสังกัด กทม.และส่งเสริมการเรียนรู้ให้แก่นักเรียนในสังกัด เช่น ให้ทุนนักเรียน 100 คนเรียนภาษาอังกฤษภาคฤดูร้อนในต่างแดน เพิ่มห้องเรียนไทย-อังกฤษจาก 46 เป็น 52 โรงเรียนและห้องเรียนไทย-จีน 14 โรงเรียน เดินหน้าโครงการเด็กหลังท้อง เพื่อดูแลเด็กกลุ่มเสี่ยงอย่างใกล้ชิดและสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้แก่เด็ก สร้างครูหัวใจ กทม. โดยจัดสรรทุนเรียนครูปีละ 100 ทุนเป็นเวลา 5 ปี แก้ไขปัญหาขาดแคลนครูในสังกัด จัดสรรโควตานักเรียนแพทย์และนักเรียนพยาบาล
ตลอดจนกนี้โครงการต่าง ๆ ที่ดำเนินการอยู่จะทยอยแล้วเสร็จตามกำหนด เช่น pipe jacking หรือท่อลอด ช่วยเพิ่มการระบายน้ำจะแล้วเสร็จ ใน 2 เส้นทางจากทั้งหมด 10 เส้นทาง การปรับปรุงภูมิทัศน์ย่านปากคลองตลาด เปิดสวนสาธารณะฝั่งธนบุรีแห่งใหม่ 2 สวน ได้แก่ สวนเพชรเกษม 69 และสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร 7 รอบพระชมพรรษา เขตบางบอน และการเพิ่มช่องทางชำระภาษีและค่าธรรมเนียมผ่านโครงการ QR payment กับ 9 ธนาคาร
300 วัน กรุงเทพฯ เปลี่ยน มีศูนย์สร้างสุขครบ 50 เขต
ขณะที่ 300 วัน โครงการต่าง ๆ ที่ดำเนินการจะเป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้น กทม.คาดหวังจะเห็นกรุงเทพฯ เกิดความเปลี่ยนแปลง โดยมีศูนย์สร้างสุขทุกวัยเปิดบริการครบทั้ง 50 เขต ปรับปรุงภูมิทัศน์ถนนอีก 2 สาย (ถนนเชียงใหม่ตลอดสายและถนนสุขุมวิท 65 ถึงสถานีรถไฟฟ้าบางจาก) แล้วเสร็จ ถนนอัตลักษณ์ด้วยพันธุ์ไม้สวยงามครบทั้ง 9 เส้นทาง มีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นด้วยสวนสาธารณะแห่งใหม่ในย่านกาญจนาภิเษก-ตัดพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 และการพัฒนาระบบนัดหมายออนไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการติดต่อรับบริการด้านงานทะเบียนและการขออนุญาตต่าง ๆ
1 ปี ทุกโครงการสำเร็จ เห็นผลจริง
สุดท้าย 1 ปีจากนี้ไป กทม.คาดหวังโครงการที่เริ่มดำเนินการนับตั้งแต่ระยะ 100 วันแรก จะเห็นผลเป็นที่ประจักษ์ เพื่อแก้ไขปัญหาเมืองและประชาชนให้ได้รับการดูแลและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เช่น สถานีดับเพลิงย่อย 5 สถานี ดอนเมือง พหลโยธิน ร่มเกล้า ลาดพร้าว และประเวศ แล้วเสร็จ พร้อมเปิดใช้ภายใน 1 ปี เพิ่มจำนวนโรงพยาบาล 2 แห่ง ได้แก่ก่อสร้างโรงพยาบาลคลองสามวา และเปิดแผนกผู้ป่วยนอกชั่วคราว โรงพยาบาลบางนา Water Bank ธนาคารน้ำใต้ดินแล้วเสร็จทั้ง 5 จุด ได้แก่ บริเวณ สน. บางเขน สวนสาธารณะใต้สะพานข้ามแยก ถนนรัชดาภิเษก กับถนนวิภาวดีรังสิต ใต้สะพานข้ามแยกถนนกรุงเทพกรีฑา 8 ถนนศรีนครินทร์ ปากซอยสุทธิพร 2 ถนนอโศกดินแดงและหมู่บ้านเศรษฐกิจ และแก้มลิงเก็บน้ำตามศาสตร์พระราชาแล้วเสร็จ 4 จุด pipe jacking แล้วเสร็จอีก 6 เส้นทาง คลองโอ่งอ่างได้รับการปรับปรุงเพื่อกรุงเทพปลอดภัยสวยงามและเสริมสร้างการท่องเที่ยว
ทางเลียบเจ้าพระยา คาดได้ผู้รับจ้าง ก.พ.-มี.ค. 61
“พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงการกำหนดวาระการพัฒนา กทม. ปี 61 อาจดูเหมือนสร้างบ่วงผูกคอตนเองไว้ แต่เพื่อกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน และจะไม่ขอขยายเวลาเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ยืนยันจะไม่ทิ้งนโยบายเดิมที่ดำเนินงานไว้ พร้อมสานต่อให้ประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ ยอมรับว่า กทม.ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคน โดยเฉพาะการศึกษา เพื่อให้เด็กเติบโตเป็นพลเมืองดีของประเทศ
ขณะที่ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะคูคลอง จะเร่งแก้ไขให้กลับมาใสสะอาดเร็วที่สุด อย่างเช่น คลองหัวลำโพง พบปัญหาเน่าเสียมาก ปัจจุบันได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบแล้ว และกำลังหาวิธีแก้ไข เบื้องต้นปัญหาเกิดจากประตูระบายน้ำไม่ได้เปิดออกเลย ดังนั้นจะต้องเปิดประตูระบายน้ำเพื่อใช้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาทางด้านเหนือมาผลักดันน้ำเสีย
ผู้ว่าฯ กทม. ยังระบุถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา 14 กิโลเมตร ขณะนี้ยืนยันว่า ช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. 2561 สำนักงานโยธาจะจัดกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ด้วยวิธีการอีบิดดิ้งเพื่อหาผู้รับจ้างได้ตามกำหนดเดิม แต่อาจจะไม่ครบทั้ง 4 โครงการ แต่โครงการใดเรียบร้อยก่อนจะดำเนินการก่อน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน กทม.ส่งสัญญาเสนอต่อกระทรวงมหาดไทยแล้ว 3 สัญญา จาก 4 สัญญา เพื่อเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขออนุมัติจัดสรรงบประมาณต่อไป .
“อยากให้ทุกคนมีส่วนร่วม ลำพัง กทม. ดำเนินงานอยู่ฝ่ายเดียวคงไม่สำเร็จ ดังนั้น ในฐานะประชาชนทุกคนเป็นเจ้าของประเทศ เป็นเจ้าของ กทม. ต้องช่วยชี้นำ ว่าที่ใดมีปัญหา เพราะบุคลากรของ กทม. อาจเข้าไปไม่ถึงในพื้นที่นั้น ๆ จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันแจ้งเข้ามา เพื่อจะรีบดำเนินการให้” พล.ต.อ.อัศวิน ระบุ
ต้องจับตาดูต่อไปว่า สุดท้ายแล้ววาระการพัฒนา กทม. ปี 2561 “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” จะดำเนินงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้มากน้อยเพียงใด ท่ามกลางกระแสข่าวสะพัดเป็นนโยบายปูทางสู่สนามเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. คนต่อไป .