ปลดบอร์ด สสส.กราวรูด ทำไมไม่รอระเบียบใหม่บังคับใช้?
บอร์ดสสส.บางท่านพูดคุยกันว่าจะมีการลาออกจากการเป็นบอร์ดภายใน 3 เดือนด้วยซ้ำ แต่ไม่ทันระเบียบใหม่ที่เสนอบอร์ดไปช่วงท้ายปี ถูกนำไปใช้ และห่วงเวลาการตัดสินใจจะมาถึง คำสั่งปลดบอร์ด สสส.กราวรูดรวดเดียว 7 คนอย่างเร่งรีบ รีบร้อน ก็ออกมาเสียก่อน
ยังคงฝุ่นตลบอยู่ สำหรับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยเฉพาะเมื่อมาเจอยาแรงตั้งแต่ต้นปี กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือบอร์ด สสส. 7 ราย ประกอบด้วย นายแพทย์ วิชัย โชควิวัฒน นายสงกรานต์ ภาคโชคดี นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ นายยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ นายสมพร ใช้บางยาง รองศาสตราจารย์ประภาภัทร นิยม และนายวิเชียร พงศธร ถูกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้พ้นจากการเป็นกรรมการบอร์ด สสส.
โดยคำสั่งคสช.นี้ ระบุ ให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการใหม่ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
จะเห็นว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้ ม.44 ปลดบอร์ดสสส. ล้วนแล้วแต่เป็นบอร์ดที่มาจากผู้ทรงคุณวุฒิแทบทั้งสิ้น
ทำให้ปัจจุบัน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจึงเหลืออยู่เพียง 2 คน คือ
- นางทิชา ณ นคร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเด็กและครอบครัว ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย)บ้านกาญจนาภิเษก ซึ่งเป็นอดีตสมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ ( สปช.)
- และนายชำนาญ พิเชษฐพันธ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย
ขณะที่กรรมการจากภาครัฐโดยตำแหน่งยังอยู่ครบ
นายชำนาญ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา ถึงกรณีดังกล่าว โดยไม่เชื่อว่ารัฐบาลต้องการเข้ามาล้วงงบประมาณพันล้าน หรือต้องการล้มสสส. เพียงแต่ต้องการเข้ามาปัดกวาด ให้แนวการทำงานตรงกับรัฐบาล
"ผมเชื่อว่า สสส.ตั้งใจทำงานดี ไม่มีทุจริต คนทำงานดี อนาคตต้องไปไกล ซึ่งที่ผ่านมาเป็นความเข้าใจผิด หาว่า สสส.ไปทำงานผิดวัตถุประสงค์"
ความเป็นมาก่อนการปลดบอร์ดสสส. เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2558 สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้รายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สิน ปี 2557 กองทุนสสส. ถึงนายกรัฐมนตรี
ในรายงาน ระบุถึงการบริหารงานที่ผ่านมาของสสส. ยังไม่บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ บางโครงการผิดวัตถุประสงค์ไม่ได้ช่วยสร้างเสริมและสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เช่น โครงการสวดมนต์ข้ามปี ซึ่งต่อมา สสส.และภาคีได้ออกมาชี้แจงโต้กลับ ยืนยันว่า สวดมนต์ข้ามปีสามารถดึงคนที่เคยกินเหล้าหันหน้าเข้าวัดได้ ทำไมจะไม่เกี่ยวกับสุขภาวะ และยืนยัน ไม่ได้ทุ่มเงินไปทำงานผิดวัตถุประสงค์แต่อย่างใด
ขณะที่ประเด็นมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในบอร์ด สสส. และผู้ทรงคุณวุฒิ จัดตั้งมูลนิธิหลายแห่งและได้เงินอุดหนุนโครงการจากกองทุน สสส. นั้น แม้ที่ผ่านมาการกระทำดังกล่าวจะไม่ผิดระเบียบและพ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2544 แต่เมื่อถูกสตง.ตรวจสอบ มีการเผยแพร่เป็นข่าวออกมา ก็ถูกสังคมตั้งคำถามถึงผลประโยชน์ทับซ้อน
ในที่สุดการประชุมบอร์ดสสส.ครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2558 พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการ สสส. ระบุว่า จากที่กระทรวงสาธารณสุขตั้งคณะกรรมการพิจารณาเสนอความเห็นในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายลำดับรองของ สสส.ที่มี นพ.เสรี ตู้จินดา เป็นประธาน ได้พิจารณาและเสนอให้ปรับแก้ไขข้อบังคับ ระเบียบ และหลักเกณฑ์ สสส.จำนวน 26 ฉบับ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว และเห็นชอบให้ปรับปรุงข้อบังคับ ระเบียบและหลักเกณฑ์ ทั้ง 26 ฉบับ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอแล้ว เพื่อให้สอดคล้องและเหมาะสมกับ พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2544 และเพื่อให้การบริหารจัดการ มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะกรณีการมีส่วนได้ส่วนเสียของกรรมการฯ ก็ได้ปรับแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกองทุนฯ ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของผู้จัดการและเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2553 และจรรยาบรรณคณะกรรมการกองทุนฯ กำหนดไม่ให้คณะกรรมการฯ ที่ปรึกษาคณะกรรมการฯ กรรมการบริหารแผนฯ กรรมการประเมินผลฯ มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้เสนอขอรับทุน อาทิ เป็นกรรมการ ผู้บริหารองค์กรที่รับทุนจาก สสส.ยกเว้นเป็นองค์กรภาครัฐ เช่น มีตำแหน่งในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ เสร็จเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
เรียกว่า ปรับ แก้ไขระเบียบเน้นธรรมาภิบาล เพื่อให้หมดข้อครหาผลประโยชน์ทับซ้อน
เรื่องนี้เหมือนจะราบรื่นเรียบร้อย ขณะที่บอร์ดสสส.บางท่านไม่สบายใจอยากลาออก แต่ในที่ประชุมบอร์ดมีการพูดคุย ร้องขอกันไว้ให้เวลาตัดสินใจภายใน 3 เดือนนี้
แต่ไม่ทันระเบียบใหม่ที่เสนอบอร์ดไปช่วงท้ายปีจะถูกนำไปใช้ และห้วงเวลาการตัดสินใจจะมาถึง ขณะที่การสรรหาผู้จัดการสสส.คนใหม่ก็ใกล้จวนได้บทสรุป กลับมีคำสั่ง ม.44 ปลดบอร์ด สสส.กราวรูดรวดเดียว 7 คนก็ออกมาเสียก่อน ทิ้งเป็นปริศนา และการปลดเช่นนี้แทบไม่แฟร์กับผู้ทรงคุณวุฒิที่บางคนถูกขอร้องให้เข้ามารับตำแหน่งต้องมาแลกกับชื่อเสียงที่สะสมมาอย่างยาวนาน...
ที่มาภาพประกอบ เฟขบุค BIOTHAI