กสม.ขอ บ.ทุ่งคำ ทบทวนดำเนินคดีอาญาแก่เด็ก
กสม.ยันการดำเนินคดีอาญาแก่เด็ก จะไม่เกิดประโยชน์ใดแก่สังคม และทุกภาคส่วน ขอทุกฝ่ายหาทางออกร่วมกัน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญ
วันที่ 23 ธันวาคม 2558 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ออกแถลงการณ์ เรื่อง กรณีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยบริสุทธิ์ใจของเด็ก
ตามที่ปรากฏข่าวผ่านสื่อมวลชน กรณีเด็กชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 นำเสนอการออกค่ายของกลุ่มเยาวชนฮักบ้านเกิดเจ้าของ ตอน นักสืบลำน้ำฮวยแท้ๆ แน๊ว ซึ่งรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนในฐานะนักข่าวพลเมือง ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส จนเป็นเหตุให้บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำ ซึ่งได้รับประทานบัตรทำเหมืองทองคำ อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย อันอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน ดำเนินคดีอาญาแก่เด็กในความผิดฐานหมิ่นประมาท นั้น
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการส่งเสริมและคุ้มครองเพื่อให้เกิดการเคารพสิทธิมนุษยชน รู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อการดำเนินคดีอาญาแก่เด็ก ที่มีสาเหตุมาจากการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยหากปรากฏว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผยด้วยความบริสุทธิ์ใจ และมีจิตสำนึกที่รักชุมชนสังคม ดูแลและปกป้องชุมชนของตนเองในฐานะพลเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่เด็กมีความห่วงใยในผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรในชุมชนของตนถือเป็นสิ่งดีและควรสนับสนุน
อย่างไรก็ดี การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอาจไม่รอบด้าน เพียงพอ และครอบคลุมทุกมิติในการนำเสนอข่าว ประกอบกับข้อจำกัดทางวัยวุฒิและคุณวุฒิของเด็ก ดังนั้น เพื่อให้สังคมไทยเป็นสังคมที่เคารพสิทธิมนุษยชน กสม. มีความเห็นดังต่อไปนี้
1. ขอให้องค์กรหรือหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่สร้างความเข้าใจต่อสังคม กรณีใช้สิทธิในการมีส่วนร่วม และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผยและเป็นอิสระของเด็กต้องได้รับความคุ้มครอง ทั้งตามหลักรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child-CRC) ซึ่งประเทศไทยเข้าเป็นภาคีแล้ว อันมีสาระสำคัญและให้หลักประกันว่า
“รัฐภาคีจะต้องให้หลักประกันแก่เด็ก ซึ่งสามารถมีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง มีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นโดยเสรีในทุกๆ เรื่องที่มีผลกระทบต่อเด็ก ทั้งนี้ ความคิดเห็นดังกล่าวของเด็กจะได้รับการพิจารณาตามสมควรแก่อายุและวุฒิภาวะของเด็กนั้น”... “เด็กมีสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออก สิทธินี้จะรวมเสรีภาพที่จะแสวงหา ได้รับ หรือถ่ายทอดข้อมูลข่าวสาร และความคิดทุกลักษณะโดยไม่ถูกจำกัดโดยเขตแดน...” แม้จะมีข้อจำกัดการใช้สิทธิบางประการในการใช้สิทธิ
2. ขอให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนนำหลักการสิทธิมนุษยชนสำหรับธุรกิจตามกรอบงานขององค์การสหประชาชาติในการคุ้มครอง เคารพ และเยียวยา เพื่อกำหนดให้องค์กรธุรกิจมีนโยบายและกระบวนการที่เหมาะสมกับขนาดและสภาพแวดล้อมขององค์กรธุรกิจ และนำไปเป็นแนวทางในการดำเนินการใดๆ ทั้งนี้ เป็นไปตามความรับผิดชอบของภาคธุรกิจในการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน
3. ขอให้บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ทบทวนการดำเนินคดีอาญาแก่เด็ก โดยให้คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญ ทั้งนี้ กสม. เห็นว่า การดำเนินคดีอาญาแก่เด็ก จะไม่เกิดประโยชน์ใดแก่สังคม และทุกภาคส่วน แต่กลับจะส่งผลกระทบต่อการแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผยและเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจของเด็ก ทั้งยังอาจส่งผลต่อการศึกษาและพัฒนาการของเด็กโดยเฉพาะทางจิตใจ ดังนั้น ทุกฝ่ายจึงควรหาทางออกร่วมกัน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญ
อนึ่ง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ใคร่ขอเรียนว่า หากผู้ใดพบเห็นหรือถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ขอให้ร้องเรียนไปยังสายด่วน 1377 เพื่อจะได้ดำเนินการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริง และนำไปสู่การสร้างสังคมสันติสุข ที่มีความเสมอภาค เท่าเทียมและเคารพสิทธิมนุษยชนต่อไป