ศูนย์เด็กเล็กอ่อนหวาน ร.ร.ปลอดน้ำอัดลม สู่ตำบล “ดื่มน้ำเปล่า” แห่งแรกเริ่มที่บุรีรัมย์
"โรงเรียนที่ขายน้ำอัดลม น้ำหวาน จะมีเด็กอ้วนเป็น 2 เท่าของโรงเรียนที่ไม่มีการขายน้ำอัดลม การศึกษาระยะยาวในเด็ก พบเด็กอ้วนแล้วอายุแค่ 2 ขวบ ข้อมูลล่าสุดพบผู้ป่วยเบาหวานเป็นเด็กอายุ 8 ขวบ หนักถึง 60 กก."
ผลสำรวจของสำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ล่าสุดปี 2555 พบเด็กอายุ 3 ปี ฟันน้ำนมผุถึงร้อยละ 52 เด็กวัยเรียนมีฟันแท้ผุร้อยละ 52 ขณะที่ผู้สูงอายุฟันผุร้อยละ97 และสูญเสียฟันทั้งปากร้อยละ7
ทั้งหมดเป็นผลมาจากการมีฟันผุสะสมมาตั้งแต่เด็ก
การแก้ไขปัญหาดังกล่าว ปีนี้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรณรงค์ให้ประชาชนทุกช่วงวัย และทุกเขตสุขภาพแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ส่งเสริมให้แม่แปรงฟันให้ลูกตั้งแต่ฟันน้ำนมซี่แรกเริ่มขึ้น รณรงค์ฝึกแปรงฟันหลังอาหารกลางวันในโรงเรียนประถมศึกษา ที่สำคัญสนับสนุนให้โรงเรียนปลอดน้ำอัดลม ขนมกรุบกรอบ
ขณะที่อีกฟากหนึ่ง “เครือข่ายณรงค์เพื่อเด็กไทยไม่กินหวาน” ขับเคลื่อนทำงานเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งบูรณาการร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกรมอนามัย ขยายผล “เด็กไทยไม่กินหวาน” เข้าไปยังศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ภายใต้ชื่อ “โครงการพัฒนาเครือข่ายศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอ่อนหวาน ฟันดี มีพัฒนาการสมวัย” รณรงค์ส่งเสริมให้แต่ละศูนย์เด็กเล็ก ซึ่งสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปลอดน้ำหวาน ขนมกรุบกรอบ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลสูงๆ
ที่น่าสนใจถึงปัจจุบัน มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่สามารถเป็นต้นแบบได้ถึง 1,486 แห่ง ในพื้นที่ 25 จังหวัดทั่วประเทศ
เจาะเฉพาะพื้นที่ภาคอีสาน หนึ่งในต้นแบบ ที่ทางเครือข่ายณรงค์เพื่อเด็กไทยไม่กินหวาน พาสื่อมวลชนลงไปดู คือ “ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กหนองคู” ตำบลหนองคู อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ และโรงเรียนหนองหญ้าปล้อง ตำบลมะเมนชัย อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ‘อ่อนหวาน’ หนองคู อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ ผู้มีส่วนร่วมขับเคลื่อนกับเครือข่ายณรงค์เพื่อเด็กไทยไม่กินหวาน มาไม่ต่ำกว่า 5 ปี “ทพ.เรืองสิทธิ์ นามวิชัยศิริกุล” ทันตแพทย์ชำนาญการพิเศษ รพ.ลำปลายมาศ เปิดข้อมูลให้ดูว่า ปัญหาเด็กฟันผุในพื้นที่ พบทั้ง 27 ศูนย์เด็กเล็กของอำเภอ
ขณะที่นักโภชนาการก็จัดอาหารมาดูแลเด็กเล็กอย่างไม่เหมาะสม ทั้งอาหารว่าง อาหารกลางวัน ประกอบกับตัวเด็กเองไม่ให้ร่วมมือรักษาฟัน หรือแม้กระทั่งครูพี่เลี้ยงเอง ก็ขาดทักษะการตรวจฟัน จึงเป็นที่มาของทันตกรรมเคลื่อนที่ อุดฟันน้ำนมที่เป็นมิตรกับเด็ก แบบ Smart โดยไม่ใช้หัวกรอ ช่วยให้เด็กเลิกกลัวหมอฟัน และหมอฟันกลัวเด็กได้ระดับหนึ่ง
รวมไปถึงพัฒนาการทำงานแบบเครือข่าย 27 ศูนย์เด็กเล็กร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ วางแผน และทำข้อตกลงร่วมกันสร้าง จนได้มาตรฐานของการพัฒนาเด็กอ่อนหวาน พัฒนาการสมวัย 10 ประการ
แบ่งเป็นเรื่องการบริโภค 5 ข้อ และเกี่ยวกับช่องปาก 5 ข้อ 1.ห้ามนำขวดนมมาที่ศูนย์เด็กเล็ก 2.ห้ามนำลูกอม หมากฝรั่ง น้ำอัดลม ขนมกรุบกรอบมาที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 3.เด็กต้องดื่มนมจืดทั้งที่บ้านและที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 4.รับประทานผลไม้ 5.ดื่มน้ำตามหลังดื่มนมทุกครั้ง 6.มีอุปกรณ์แปรงฟันครบ กิจกรรมแปรงฟันหลังอาหาร 7.ครูผู้ดูแลเด็กต้องแปรงฟันซ้ำให้เด็กที่ฟันผุ และส่งต่อเพื่อรับการรักษาทุกคน 8.มีสมุดจดบันทึกกิจกรรมอ่อนหวานฟันดีทั้งที่บ้าน และที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 9.ให้มีมุมผู้ปกครองอ่อนหวานฟันดี 10.มีกิจกรรมเยี่ยมบ้านอ่อนหวาน ฟันดีกับเด็กทุกคน
ทพ.ญ.จันทนา อึ้งชูศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมอนามัย บอกถึงจุดเด่นการทำงานของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กหนองคู คือการดูแลเด็กทั้งตัว ครบวงจร ตั้งแต่ป้องกันจนกระทั่งถึงการรักษา อีกทั้งได้รับความร่วมมือจากผู้นำชุมชน และผู้ปกครอง
“วันนี้ยังมีผู้ปกครองหลายคนมองข้ามปีทองของเด็กช่วงอายุ 0-5 ปี ปีทอง ความหมายก็คือ การที่เด็กจะเติบโตขึ้นมาเป็นคนไทยที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกายและจิตใจ”
ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมอนามัย ผู้ขับเคลื่อนป้องกันไม่ให้เด็กกินหวาน ทั้งที่บ้านและศูนย์เด็กเล็ก หยิบยกงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่พบว่า สาเหตุที่เด็กมีฟันผุ ทำให้เด็กคนนั้นเจริญเติบโตไม่สมวัย ขาดสารอาหาร เนื่องจากไม่สามารถบดเคี้ยวได้
นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กคนไหนฟันผุเยอะ ก็จะตัวเตี้ย น้ำหนักน้อย สติปัญญาไม่พัฒนา
ขณะที่นายมนัส เขียวเขิน ครูผู้ดูแลเด็ก ศูนย์พัฒนาเด็กหนองคู สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีเด็กรับผิดชอบเกือบ 100 คน ถอดบทเรียนกระบวนการทำงาน หลังก่อนหน้านี้มีปัญหาถุงขนมเกลื่อนศูนย์ฯ เด็กทะเลาะแย่งขนมกัน ทางคณะครูจึงคิดแก้ปัญหาทำอย่างไรให้เด็กเลิกกินขนมหวาน ขนมกรุบกรอบ ทั้งการประยุกต์ทำหุ่นปีศาจน้อย ยึดขนมมาใส่ในหุ่น แล้วเล่านิทานหลอกเด็กกลัวไม่กล้ากินขนมอีก
นอกจากนี้ยังมีหุ่นโดราเอมอน หุ่นพิทักษ์ความดี สื่อการสอนเน้นใช้ผักและผลไม้เป็นหลักในการนำเรื่อง เพื่อให้เด็กเห็นภาพและคุ้นชิน
ครูมนัส ยังเล่าถึงการห้ามผู้ปกครองไม่ให้เด็กนำขวดนมติดตัวเด็กมายังศูนย์ด้วย "คนชนบทไม่ค่อยให้เด็กเลิกนม ขวดนมจะติดตัวเด็กตลอด บางครั้งก็นอนหลับปากยังคาขวดนมอยู่เลย แรกๆ ก็เป็นเรื่องยาก เราจึงคิดหาวิธีให้เด็กเลิกดูดนม ใช้ทั้งวิธีเกาหัว ลูบหลัง ไม่เกิน 2 อาทิตย์ พบว่า เด็กสามารถเลิกขวดนมได้”
ครูผู้ดูแลเด็ก ศูนย์พัฒนาเด็กหนองคู ยังเห็นว่า สิ่งที่จะช่วยป้องกันฟันผุในเด็กเล็กได้ นอกจากการสร้างวินัยการกินให้เด็ก ไม่กินรสหวานแล้ว ครูผู้ดูแลเด็กแห่งนี้จะคัดเด็กเฉพาะที่ฟันผุมาแปรงฟันซ้ำ ให้สะอาด นอกจากนี้ยังมีผู้ใหญ่ใจดี นายก อบต.หนองคูสนับสนุนแปรง ทำให้มีการเปลี่ยนแปรงเป็นประจำ รวมถึงให้ความรู้ผู้ปกครองนำไปปฏิบัติที่บ้าน ป้องกันไม่ให้เด็กกินหวานอย่างไรเมื่อพ้นรั้วศูนย์เด็กเล็ก
ขณะที่ทพ.ญ.ปิยะดา ประเสริฐสม ผู้จัดการเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน กล่าวถึงความเชื่อที่ของผู้ใหญ่ที่คิดว่า เมื่อเด็กเดินได้แล้วเด็กจะแปรงฟันเองได้ สะอาด ซึ่งไม่จริง
"เราจะปล่อยให้เด็กแปรงฟันเองได้ก็ต่อเมื่อเด็กผูกเชือกรองเท้าเองได้ หรืออายุประมาณ 7-8 ขวบ ระหว่างช่วงวัยนี้ผู้ใหญ่ต้องช่วยดูแล แปรงซ้ำให้กับเด็ก โดยเฉพาะก่อนเข้านอน" ผู้จัดการเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน แนะ พร้อมกับคาดหวัง อย่างน้อยที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ครูผู้ดูแลจะพาเด็กแปรงฟันให้ได้ 1 ครั้งหลังอาหารกลางวัน ช่วยลดโรคฟันผุได้อีกทางหนึ่ง
นอกจากนี้ มีข้อมูลของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย พบว่า โรงเรียนที่มีการขายเครื่องดื่มน้ำอัดลม น้ำหวานจะมีเด็กอ้วนเป็น 2 เท่าของโรงเรียนที่ไม่มีการขายน้ำอัดลม และการศึกษาระยะยาวในเด็ก พบเด็กอ้วนแล้วตั้งแต่อายุแค่ 2 ขวบ
ข้อมูลล่าสุด พบผู้ป่วยเบาหวานเป็นเด็กอายุ 8 ขวบ มีน้ำหนักถึง 60 กิโลกรัม การที่เด็กป่วยเป็นโรคเบาหวานต้องกินยาไปตลอดชีวิตนั้น รู้หรือไม่ ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของประเทศมหาศาล
ทพ.ญ.ปิยะดา กระซิบว่า รู้ไหม "นมเปรี้ยวทั้งหมดเลย เป็นสิ่งแรกที่ให้ศูนย์เด็กเล็กเอาออก เพราะมีน้ำตาลเยอะมาก เราต้องเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวานได้ ก็เพราะนมเปรี้ยวนี่แหละ ขณะที่ชาเขียวตอนนี้กำลังมาแรง มีน้ำตาลเยอะแซงน้ำอัดลม
“นมชนิดหวานตามประกาศอย.เติมน้ำตาลได้ไม่เกิน 8-10 % แต่นมเปรี้ยว อยู่ในกลุ่มเดียวกับเครื่องดื่ม น้ำอัดลม ไม่มีข้อจำกัดเรื่องน้ำตาล”
ทพ.ญ.ปิยะดา บอกว่า เรื่องเหล่านี้ สังคมไทยยังไม่ค่อยรู้ และนี่จึงเป็นภารกิจของเครือข่ายฯ ที่ต้องทำงาน 2 ขา ป้องกันเด็กไทยไม่กินหวาน ไปพร้อมๆ กับรณรงค์โรงเรียนปลอดน้ำอัดลม ปัจจุบันครอบคลุมโรงเรียนกว่า 3 หมื่นแห่ง ที่มีการจัดการศึกษาในระดับประถมศึกษา ไม่มีการจำหน่วยหรือบริการน้ำอัดลมในโรงเรียน
ผู้จัดการเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน ตั้งความหวัง ในเมื่อเราไม่อยากให้เด็กดื่มน้ำอัดลม หรือขนมที่มีน้ำตาลสูง เราก็ไม่อยากให้ผู้ใหญ่กิน หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงๆ ด้วยเช่นกัน ก่อนขยายผลต่อไปในงานประเพณี งานบุญ งานศพ
"การดื่มเหล้า ดื่มน้ำอัดลม ถือเป็นเรื่องปกติ เราจึงต้องรณรงค์ให้ทุกคนมองว่า การดื่มน้ำเปล่าดีที่สุด ไม่ได้บังคับว่า ไม่ให้มีสิ้นเชิง แต่ชุมชนควรให้ความสำคัญเรื่องบริโภคน้ำตาลให้น้อยลง"
ล่าสุด ตำบลทะเมนชัย อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ พื้นที่แห่งแรกที่กล้าหาญ ลุกขึ้นประกาศเจตนารมณ์เป็น “ตำบลดื่มน้ำเปล่า” ทั้งตำบล นำโดยผู้บริหารโรงเรียนบ้านหนองหญ้าปล้อง จัดพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ กับโรงเรียนในเครือข่าย 9 แห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านบุแปบ เทศบาลตำบลทะเมนชัย องค์กรบริหารส่วนตำบลทะเมนชัย ประธานอสม. และผู้นำชุมชน
นายทรงศักดิ์ สิรัมย์ ผู้อำนวยการ ร.ร.หนองหญ้าปล้อง ให้ข้อมูลถึงความเชื่อของคนในชุมชน ที่ยังมีความเชื่อว่า น้ำอัดลมสะอาดกว่าน้ำดื่ม ซึ่งการจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตรงนี้ได้ เริ่มต้นจากผู้บริหาร และครูทุกคนทำตัวเป็นแบบอย่างก่อน จนกระทั่งวันนี้ เรายืนยันเวลานี้สถานศึกษาแห่งนี้ปลอดน้ำอัดลม 100% รวมถึงโรงเรียนเครือข่าย
ส่วนคนในชุมชน เขาเห็นว่า เริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบ้างแล้ว และการประกาศเจตนารมณ์เป็น “ตำบลดื่มน้ำเปล่า” ทั้งตำบล ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
นางสมพร แก้วกล้า เจ้าของร้านอาหารซุ้มซูจี ตำบลเทะเมนชัย ยืนสังเกตุการณ์ขบวนรณรงค์ทะเมนชัย สู่ตำบลน้ำเปล่า อยู่บริเวณหน้าร้าน
เธอบอกว่า ร้านอาหารตามสั่งแห่งนี้ ไม่ได้ให้ลงน้ำอัดลมมานานแล้ว โดยจัดจุดบริการน้ำเปล่าไว้ให้ลูกค้าดื่มฟรี ส่วนลูกค้าคนไหนอยากดื่มน้ำเปล่าบรรจุขวด ก็มีบริการจำหน่ายเช่นกัน
สำหรับพื้นที่ชนบทยังมีวัฒนาธรรมเวลาไปงานบุญ งานศพ งานบวช เลี้ยงโต๊ะจีน หรือห่ออาหารกลับบ้าน มีเสิร์ฟน้ำอัดลมอยู่หรือไม่ เธอ บอกว่า บางงานยังเห็นอยู่ แต่มาพักหลังๆ เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลง ไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่มีการนำน้ำอัดลมมาตั้งบนโต๊ะแล้ว บางงานเปลี่ยนเป็นน้ำผลไม้ เป็นกล่องๆ แทน
พร้อมกันนี้เธอแสดงความเห็นว่า ออกมายืนมอง แรกๆ เห็นการณรงค์ก็ขำ "อะไรมารณรงค์มา ดื่มน้ำเปล่า" ด้วยเธอเห็นว่า อาจต้องใช้เวลานานในการเปลี่ยนทัศนคติสำหรับคนในชุมชนแห่งนี้
แต่กับเด็กนั้น สมพร มั่นใจอาจจะเปลี่ยนได้เร็วกว่า เพราะถูกปลูกฝังมาจากที่โรงเรียน พร้อมกับยกตัวอย่างลูกของเธอทั้ง 3 คน ไม่มีใครติดน้ำอัดลมเลยสักคน โดยเฉพาะลูกสาวคนเล็ก "ซูจี" ไม่ติดน้ำอัดลม เพราะเธอสอนให้ดื่มน้ำเต้าหู้มาตั้งแต่เด็ก "ลูกพี่ก็ไม่เคยร้องขอให้ซื้อน้ำอัดลมเลยนะ"
น้ำสะอาด การจัดหาน้ำสะอาดปลอดภัยต่อการบริโภค ถือเป็นบริการพื้นฐานเป็นสวัสดิการที่ภาครัฐพึงมีให้กับประชาชนอยู่แล้ว จะดีไม่น้อยหากควบคุมราคา ให้น้ำเปล่า น้ำดื่ม มีราคาถูกกว่าน้ำอัดลม มิใช่ราคาใกล้เคียง หรือพอๆ กัน จนยากตัดสินใจ...
ปลุกพลังชุมชน 'ทะเมนชัย' สู่ตำบล ดื่ม 'น้ำเปล่า'
ศูนย์เด็กเล็กบ้านหนองคู ต้นแบบมาตรฐานอ่อนหวาน ฟันดี มีพัฒนาการ
เด็กเล็กบริโภคน้ำตาลไม่ควรเกินวันละ 4 ช้อนชา