ไขปมมาเลย์เลื่อนถกเลขาฯสมช. จับตา"พูดคุยดับไฟใต้"ส่อสะดุด?
ข่าวที่จัดว่าเป็น "ข่าวดี" ซึ่งปรากฏขึ้นท่ามกลางกระแสความพยายามสานต่อกระบวนการพูดคุยกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวกนั้น ก็คือข่าวการจับกุมอาวุธสงครามจากฝั่งไทยขณะกำลังลักลอบขนเข้ามาเลเซีย
ตามข้อมูลที่เผยแพร่โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนใต้ ระบุว่า เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจมาเลเซียจับกุม นายอิสบูเลาะ บิน มูฮำหมัด อายุ 25 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.ไพรวัลย์ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส พร้อมอาวุธสงครามจำนวน 4 กระบอก ทั้งเอ็ม 16 และอาก้า
ตามข่าวแจ้งว่า นายอิสบูเลาะกับเพื่อนอีก 3 คนกบดานอยู่บริเวณบ้านนาคออีบู ฝั่งมาเลเซีย ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ ต.นานาค อ.ตากใบ ฝั่งไทย แล้วถูกตำรวจมาเลเซียตรวจค้น กระทั่งจับกุมนายอิสบูเลาะพร้อมยึดอาวุธปืนได้ ส่วนเพื่อนของนายอิสบูเลาะอีก 3 คนหลบหนีไป
ข่าวจากแหล่งเดียวกันยังระบุอีกว่า ปืนเอ็ม 16 ที่ยึดได้ เป็นปืนที่คนร้ายชิงไปจากตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ หน่วยเฉพาะกิจที่ 14 (มว.ฉก.นปพ.14) สภ.ตากใบ ที่ถูกซุ่มโจมตีเมื่อวันคืนที่ 28 มิ.ย.57 ทำให้ตำรวจเสียชีวิต 2 นาย ปืนถูกชิงไปทั้งหมด 4 กระบอก
อย่างไรก็ดี เมื่อค้นหาข่าวเดียวกันนี้ทางสื่อมาเลเซีย กลับพบข้อเท็จจริงที่แตกต่างกัน กล่าวคือ สื่อมาเลเซียรายงานเมื่อวันที่ 1 ก.ย.โดยอ้างการแถลงของหัวหน้าตำรวจรัฐกลันตันว่า เมื่อวันที่ 29 ส.ค.หน่วยลาดตระเวนชายฝั่งของทหารมาเลเซียสามารถยึดอาวุธปืนสงคราม 4 กระบอกที่มีบุคคลต้องสงสัยซุกใส่กระสอบขณะกำลังลงเรือข้ามมาจากฝั่งไทย ของกลางมีทั้งปืนเอ็ม 16 อาก้า และเอ็ม 4 แต่ผู้ต้องสงสัยทั้งหมดกระโดดน้ำหนีไปได้
จนถึงขณะนี้ยังสรุปไม่ได้ว่ามีการจับกุม 2 ครั้งในห้วงเวลาใกล้เคียงกัน หรือเป็นเรื่องของข้อมูลที่คลาดเคลื่อนกันแน่ แต่ที่แน่ๆ คือมีการจับอาวุธที่ลักลอบขนไปจากฝั่งไทยจริง
สาเหตุที่ต้องถือเป็นข่าวดี เพราะนานๆ ทีจึงจะมีข่าวมาเลเซียจับกุมอาวุธหรือบุคคลต้องสงสัยที่ข้ามไปจากฝั่งไทยสักครั้ง เมื่อมาปรากฏข่าวในช่วงที่กำลังมีความพยายามสานต่อกระบวนการพูดคุยดับไฟใต้ หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ส่งคณะทำงานไปประสานงานกับทางการมาเลเซียถึง 2 ครั้ง จึงดูประหนึ่งว่าเริ่มมีการประสานงานกันระหว่างสองประเทศเพื่อสกัดกั้นความรุนแรงที่เกิดจากกลุ่มติดอาวุธแล้ว
กระนั้นก็ตาม มีการวิเคราะห์จากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงบางหน่วยว่า ข่าวนี้อาจไม่มีอะไรในกอไผ่ เพราะหน่วยที่จับกุมจริงๆ เป็นทหาร (ตามข่าวของสื่อมาเลเซีย) ไม่ใช่สันติบาลที่มีอิทธิพลและคุมความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบที่ฝังตัวอยู่ในมาเลเซีย ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างทหารไทยกับมาเลเซียอยู่ในระดับค่อนข้างดีอยู่แล้ว แต่กับสันติบาลนั้นเป็นอีกเรื่อง
ขณะเดียวกัน การสานต่อกระบวนการพูดคุยดับไฟใต้ส่อเค้าว่าจะมีอุปสรรค เมื่อทางการมาเลเซียแจ้งเลื่อนนัดเพื่อพบปะพุดคุยกับ นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พร้อมคณะ ที่มีกำหนดเดินทางไปมาเลเซียในช่วงวันที่ 3-5 ก.ย.นี้ เพื่อกำหนดกรอบกระบวนการพุดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ และอาจแถลงข่าวเดินหน้ากระบวนการพูดคุยอย่างเป็นทางการด้วย
มีข่าวจากฝ่ายความมั่นคงมาเลเซียว่า ทางการมาเลย์ไม่ค่อยสบายใจกับท่าทีของฝ่ายไทย จึงเลื่อนกำหนดการพบปะกับเลขาธิการ สมช.เพื่อเป็นการส่งสัญญาณว่ามีความไม่ปกติเกิดขึ้นแล้ว
ประเด็นที่มาเลเซียสับสนและไม่สบายใจมีอย่างน้อย 2 กรณี คือ 1.กรณีที่นายกฯประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ว่า มาเลเซียมีท่าทีต้องการให้ฝ่ายทหารหรือฝ่ายความมั่นคงเป็นแกนนำในการพูดคุยเพื่อสันติสุขชายแดนใต้ ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เป็นความต้องการของฝ่ายไทยเอง แม้ฝ่ายกองทัพมาเลเซียจะแสดงท่าทีว่ามีความพร้อม แต่การจะเปลี่ยนตัวผู้อำนวยความสะดวกได้ ต้องเป็นความเห็นชอบของ นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีเท่านั้น
2.กรณีที่มีข่าวว่ารัฐบาลไทยเตรียมแต่งตั้ง พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยฝ่ายไทย เพราะ พล.อ.อกนิษฐ์ มีท่าทีแข็งกร้าว และเคยให้สัมภาษณ์เชิงลบต่อกระบวนการพูดคุยสันติภาพที่ดำเนินการเมื่อปีที่แล้ว
ข่าวแจ้งว่ามีความพยายามจากทางมาเลเซียให้ผู้นำของทั้งสองประเทศได้ยกหูคุยกันโดยตรงเพื่อเคลียร์ปัญหาความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ก่อนเดินหน้ากระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขต่อไป
ทั้งนี้ ทางการมาเลเซียแจ้งเลื่อนนัดพบปะเลขาธิการ สมช.เป็นช่วงกลางเดือน หรืออย่างน้อยก็ช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ก.ย. จึงต้องรอดูว่าห้วงเวลานับจากนี้ไปจะมีความเคลื่อนไหวอะไรเกิดขึ้นอีก!
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : อาวุธปืนที่ทางการมาเลเซียยึดได้จากบุคคลสัญชาติไทย
ขอบคุณ : ภาพจาก NTV 7 ของมาเลเซีย