ชาวบ้านคาใจวิสามัญฯถี่ อ้างยิงสู้ขณะชี้จุดซ่อนปืน
"มีความรู้สึกว่าช่วงหลังมานี้การวิสามัญฯเกิดขึ้นง่ายมาก ขั้นตอนการเข้าปิดล้อมใช้เวลาน้อยมาก ต่างจากอดีตใช้เวลาเป็นวันเพื่อจับเป็น แต่ปัจจุบันหากคนร้ายตายถือว่าจบ"
เป็นความรู้สึกของ กอเดร์ (สงวนนามสกุล) ชาวบ้านในจังหวัดปัตตานี ที่แสดงความเห็นภายหลังทราบเหตุการณ์เจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรม นายเปายี ตาสะเมาะ อายุ 44 ปี ขณะถูกคุมตัวไปชี้จุดซุกซ่อนอาวุธปืนในพื้นที่ ต.ปะกาฮะรัง อ.เมืองปัตตานี เมื่อช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 14 ก.ค.60 ซึ่งชาวบ้านจำนวนหนึ่งไม่เชื่อว่าเป็นการยิงต่อสู้กันตามที่เจ้าหน้าที่รัฐออกมาชี้แจง
ก่อนหน้านี้เพียง 2 วัน คือเมื่อวันพุธที่ 12 ก.ค. เจ้าหน้าที่เพิ่งวิสามัญฆาตกรรม นายสุดิง มามะ ในเหตุการณ์ที่อ้างว่าเป็นการยิงปะทะกับคนร้ายหลายคนขณะซ่อนตัวในสวนปาล์มในพื้นที่ ต.ปะกาฮะรัง เช่นกัน โดยเหตุการณ์ในครั้งนั้น นอกจากจะวิสามัญฆาตกรรม นายสุดิง แล้ว ยังใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้ 2 คน โดยหนึ่งในนั้นคือ นายเปายี ที่มาถูกวิสามัญฆาตกรรมในอีก 2 วันต่อมา ขณะที่อีกคนยังถูกคุมตัวอยู่ในค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
นอกจากนั้นยังมีผู้ต้องหาคดีความมั่นคงหนีรอดไปได้อีก 2 คน เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็น นายมะนาเซ ไซดี มีหมายจับในคดีคาร์บอมบ์ ห้างบิ๊กซีซุปเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาปัตตานี เมื่อวันที่ 9 พ.ค.60 และ นายยูโซะ แมะตีเมาะ เป็นผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน เมื่อเดือน ส.ค.ปีที่แล้ว
ขณะที่ นายสุดิง มามะ มีหมายจับในข้อหาขโมยรถจักรยานยนต์เมื่อปี 56 ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าถูกใช้นำไปประกอบระเบิด
ย้อนกลับไปอีกเพียงสิบกว่าวัน คือค่ำวันศุกร์ที่ 30 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เพิ่งวิสามัญฆาตกรรม นายลุกมาน มะดิง ที่บ้านเลขที่ 57 หมู่ 6 ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา จากปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่จำนวนมาก มีการนำรถหุ้มเกราะรีว่าไปใช้ในปฏิบัติการด้วย
การทุ่มกำลังหลายสิบนายจนถึงนับร้อยนายเพื่อปิดล้อมจับกุมกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเพียง 1 คนหรือไม่กี่คน ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ชาวบ้านตั้งคำถามว่าเป็นการใช้กำลังมากมายเกินกว่าเหตุหรือไม่ และเหตุใดบทสรุปของเหตุการณ์จึงมักเป็นการ "จับตาย"
"กรณีนายเปายี คนร้าย 1 คน เจ้าหน้าที่ 50 นาย แต่ไม่สามารถจับคนร้ายเป็นๆ ได้ ตายทุกรายหากเกิดการปะทะ อย่างนี้เป็นการปะทะจริงๆ หรือ" เป็นคำถามจาก กอเดร์ ซึ่งติดตามข่าวสารความรุนแรงในพื้นที่มาตลอด
เหตุการณ์วิสามัญฆาตกรรมนายเปายี เกิดขึ้นในสวนยางพาราในพื้นที่ ต.ปะกาฮะรัง โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าขณะนำตัวนายเปายีไปชี้จุดซุกซ่อนอาวุธปืนที่ฝังดินเอาไว้ นายเปายีได้ฉวยเอาอาวุธปืนที่ซ่อนอยู่ยิงใส่เจ้าหน้าที่เพื่อเปิดทาง และกระโดดน้ำหลบหนี ทำให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงใส่ จนนายเปายีเสียชีวิต
ภายหลังการวิสามัญฆาตกรรมนายเปายี ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ ต.ปะกาฮะรังด้วย ทำให้มีชาวบ้านในละแวกนั้นบางส่วนไม่พอใจ เพราะไม่เชื่อว่าเป็นการยิงปะทะกันจริง จึงพยายามรวมตัวกันประท้วง แต่ถูกผู้นำท้องถิ่นห้ามปราม
ภรรยาของนายเปายี (สงวนชื่อและนามสกุล) ตั้งข้อสังเกตเหมือนชาวบ้านคนอื่นๆ ว่า การนำตัวสามีของเธอมาชี้จุดซ่อนปืน ไม่มีผู้นำท้องถิ่นหรือชาวบ้านไปร่วมเป็นพยานด้วยเลย มีแต่เจ้าหน้าที่ล้วนๆ ถ้ามีผู้นำอยู่ด้วยก็จะรู้สึกดีกว่านี้ถ้าเกิดเรื่องขึ้น เพราะมีพยานเห็นเหตุการณ์ แต่นี่ไม่มี
"แฟนไม่เคยมีประวัติอะไร ไม่เคยเข้าร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดนหรือเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน แต่จู่ๆ ก็มีข้อมูลออกมาว่าเป็นผู้ต้องหาคดีความมั่นคง ก็อยากถามว่ามาทำแบบนี้กับเขาทำไม คำถามนี้อยากได้คำตอบด้วย" ภรรยาของนายเปายี เรียกร้อง
จากกระแสคาใจของชาวบ้าน ทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งทีมโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต้องเปิดแถลงข่าว โดยยืนยันว่าการวิสามัญฆาตกรรมนายเปายี เป็นเพราะพยายามยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่จริงๆ โดยก่อนเกิดเรื่องนายเปายีให้การเป็นประโยชน์ ยอมรับกับเจ้าหน้าที่ว่ารถจักรยานยนต์ที่ถูกตรวจยึดที่บ้านของตนเอง เป็นรถที่ใช้ในเหตุการณ์คาร์บอมบ์ห้างบิ๊กซี ปัตตานี เมื่อวันที่ 9 พ.ค.60 ทั้งยังให้ข้อมูลว่าสาบานตนเข้าร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดนเมื่อปี 54 พร้อมกับ นายมะนาเซ ไซดี ที่หลบหนีไปได้จากเหตุการณ์ยิงปะทะเมื่อวันพุธที่ 12 ก.ค.
นอกจากนั้น นายเปายี ยังให้ข้อมูลแหล่งซุกซ่อนอาวุธซึ่งได้รับมาจาก นายมะนาเซ ไซดี และได้นำไปเก็บรักษาไว้ กระทั่งเจ้าหน้าที่นำไปชี้จุดซุกซ่อน
"ในขณะที่ขุดหาปืน นายเปายี ได้อาศัยจังหวะหยิบปืนพกสั้น ขนาด .38 ที่ซุกซ่อนไว้ในพงหญ้าใกล้จุดดังกล่าว ยิงใส่เจ้าหน้าที่ 1 นัด แล้ววิ่งหลบหนีไปทางริมคลองชลประทาน และกระโดดลงน้ำข้ามคลองไปยังฝั่งตรงข้าม เจ้าหน้าที่ที่วางกำลังอยู่ได้ไล่ติดตามจนพบนายเปายี แต่นายเปายีใช้อาวุธยิงใส่เจ้าหน้าที่อีก 2 นัด เจ้าหน้าที่ได้ยิงตอบโต้ หลังจากเสียงปืนสงบ เข้าไปตรวจสอบพบว่านายเปายีเสียชีวิต และพบอาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 อยู่ในมือของนายเปายี"
เป็นคำแถลงรายละเอียดเหตุการณ์ของทีมโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และว่า หากนายเปายีไม่ตัดสินใจนำอาวุธปืนที่ซุกซ่อนอยู่มาปะทะกับเจ้าหน้าที่เพื่อทำการหลบหนี เจ้าหน้าที่น่าจะสามารถขยายผลเหตุระเบิดที่บิ๊กซี ปัตตานี ได้มากกว่านี้ ซึ่งจากการวิเคราะห์สาเหตุที่นายเปายีตัดสินใจยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่และหลบหนี อาจเป็นเพราะเกรงกลัวต่อการร่วมรับผิดในกรณีระเบิดห้างบิ๊กซี เพราะยังมีวัตถุพยานอย่างอื่นที่คาดว่าสถานที่เกิดเหตุเป็นแหล่งซุกซ่อนบุคคลและอาวุธ เนื่องจากได้พบที่ประกอบอาหารอยู่ในป่าใกล้ริมน้ำ ทำให้เจ้าหน้าที่มีความมั่นใจว่า กลุ่มที่ก่อเหตุระเบิดห้างบิ๊กซี ปัตตานี น่าจะเตรียมการก่อเหตุอย่างอื่นอีก
สอดคล้องกับ พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ที่บอกว่า นายเปายีถือเป็นกุญแจสำคัญในการสืบสวนเกี่ยวกับคนร้ายที่ก่อเหตระเบิดคาร์บอมบ์ห้างบิ้กซีปัตตานี เชื่อว่านายเปายีน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดครั้งนั้นด้วย และยังมีพรรคพวกร่วมอีก 2-3 คนอยู่ในพื้นที่ ซึ่งตอนนี้เจ้าหน้าที่รู้ตัวแล้ว"
ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการรายหนึ่ง ให้ข้อมูลกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า กรณีนี้ถือเป็นเหตุสุดวิสัย เจ้าหน้าที่ไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เกิดเหตุแบบนี้ เพราะนายเปายีเป็นบุคคลที่ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์มากในช่วงที่ถูกควบคุมตัว
"เขาพูดดีและให้ข้อมูลดีมาก จะมีการปล่อยตัวเป็นอิสระอยู่แล้ว ตอนที่พาไปชี้จุดซ่อนปืน ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ ถือว่าพลาดจริงๆ เขาจะสามารถให้ข้อมูลกับเราได้อีกเยอะถ้าเขายังอยู่ เสียใจจริงๆ" เจ้าหน้าที่รายนี้ บอก
ขณะที่ทีมโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวปิดท้ายว่า แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช ขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของนายเปายีด้วย
อนึ่ง การวิสามัญฆาตกรรม ไม่ใช่ถ้อยคำที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย แต่หมายถึงการเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ที่อ้างว่าปฏิบัติตามหน้าที่ หรือเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมโดยเจ้าหน้าที่ ซึ่งการตายลักษณะนี้ต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน และเจ้าหน้าที่รัฐจะไม่ต้องรับผิด หากเป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่กระทำการเกินกว่าเหตุ
ฉะนั้นการวิสามัญฆาตกรรม จึงไม่ใช่การกระทำที่ถูกกฎหมายเสียทีเดียว แต่ต้องพิจารณาปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ประกอบ และสุ่มเสี่ยงที่จะเป็นการฆ่านอกกระบวนการยุติธรรม!
------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 เจ้าหน้าที่นำศพนายเปายี ออกจากจุดวิสามัญฆาตกรรม
2 การแถลงข่าวชี้แจงของเจ้าหน้าที่ระดับสูงและทีมโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า
3-4 รถจักรยานยนต์ที่เจ้าหน้าที่อ้างว่ายึดได้จากบ้านนายเปายี คาดว่าเป็นพาหนะที่คนร้ายใช้ในเหตุการณ์คาร์บอมบ์บิ๊กซี ปัตตานี
อ่านประกอบ :
วิสามัญฯ 1 ศพปัตตานี แก๊งบอมบ์บิ๊กซีหนีรอด!
บ้านจุดเกิดเหตุวิสามัญฯพรุน-พังเละ สั่งเอาผิดเจ้าของให้ที่พักพิง!