- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- ไฟใต้ช่วงสุดสัปดาห์ คนร้ายแต่งหญิงยิงถล่มทหาร จนท.บุกทลายค่ายพักกลุ่มป่วนดับ 1
ไฟใต้ช่วงสุดสัปดาห์ คนร้ายแต่งหญิงยิงถล่มทหาร จนท.บุกทลายค่ายพักกลุ่มป่วนดับ 1
แวดาโอ๊ะ หะไร / อะหมัด รามันห์สิริวงศ์
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
ใต้ยังป่วนช่วงสุดสัปดาห์ กลุ่มคนร้ายแต่งกายคล้ายผู้หญิงควบปิกอัพยิงถล่มทหารที่ยี่งอพลีชีพ 1 นาย บาดเจ็บสาหัส 1 นาย สงสัยแก้แค้นกรณีทหารพรานบุกทลายค่ายพักบนเทือกเขาที่รือเสาะ พร้อมวิสามัญฆาตกรรมสมาชิกกลุ่มป่วน 1 ศพในวันเดียวกัน นายอำเภอรุดเคลียร์ญาติผู้เสียชีวิต ด้าน “บิ๊กจิ๋ว” ลงพื้นที่ยะลา ขายฝัน “นครปัตตานี” อีกรอบ “เด่น-วันนอร์” ปรากฏตัวคึกคัก
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ยังมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นบ้างประปราย โดยเมื่อเวลา 12.50 น. วันเสาร์ที่ 6 ก.พ.2553 ร.ต.ท.ภุมรัตน์ รินสีมา ร้อยเวร สภ.ยี่งอ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มทหาร สังกัด ร้อย ร.3014 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) บริเวณหน้าร้านขายของชำ เลขที่ 2 หมู่ 2 ต.ละหาร อ.ยี่งอ ซึ่งเป็นบ้านของ นายบุญ พรมแก้ว อายุ 82 ปี เป็นเหตุให้ทหารได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 นาย หลังรับแจ้งจึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 และอาก้าตกเกลื่อนจำนวนกว่า 50 ปลอก โดยเฉพาะที่บริเวณโรงจอดรถยนต์ข้างบ้าน เจ้าหน้าที่พบรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ก 4449 นราธิวาส มีร่องรอยถูกกระสุนปืนจนพรุนไปทั้งคัน มีกองเลือดอยู่ข้างรถ ส่วนทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 นาย มีพลเมืองดีนำส่งรักษาโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส ไปก่อนหน้าแล้ว เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมวัตถุพยานทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน และตามไปดูอาการผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาล ทราบชื่อคือ
1) จ.อ.วรายุทธ หนูแก้ว ถูกกระสุนปืนอาก้าและเอ็ม 16 ของคนร้ายจนพรุนไปทั้งร่าง เสียชีวิตขณะนำส่งรักษาโรงพยาบาล 2) พลทหารศุภชัย พุทธทอง ถูกกระสุนปืนหลายจุดเช่นกัน อาการสาหัส แพทย์ต้องนำตัวเข้าห้องผ่าตัดเพื่อช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน
จากการสอบสวนทราบว่า ระหว่างที่ จ.อ.วรายุทธ และ พลทหารศุภชัย กำลังยืน รปภ.ร้านขายของชำอยู่ใกล้ๆ กับรถเก๋งของนายบุญ ซึ่งจอดอยู่ในโรงจอดรถยนต์ข้างบ้านนั้น มีคนร้าย 4-5 คน แต่งกายเลียนแบบผู้หญิงมุสลิม มีผ้าคลุมที่ศีรษะ นั่งรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ ไม่ทราบสีและหมายเลขทะเบียน มาจอดที่หน้าบ้านของนายบุญ จากนั้นคนร้ายที่นั่งในกระบะหลัง จำนวน 2 คน ได้ใช้เอาวุธปืนเอ็ม 16 และ อาก้า ยิงใส่ จ.อ.วรายุทธ และ พลทหารศุภชัย จนล้มฟุบกองกับพื้น แต่ก็ยังแข็งใจใช้อาวุธประจำกายยิงโต้ตอบ จนคนร้ายเร่งเครื่องรถหลบหนีไป
เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะเป็นแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบที่ก่อเหตุรุนแรงเพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่ที่เพิ่งบุกทลายค่ายพักบนเทือกเขาใน อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และวิสามัญฆาตกรรมสมาชิกก่อความไม่สงบเสียชีวิตไป 1 คน เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน
บุกค่ายพักกลุ่มป่วนที่รือเสาะ-ยิงปะทะดับ1
สำหรับเหตุการณ์บุกทลายค่ายพักของกลุ่มก่อความไม่สงบ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 07.30 น. โดย พ.อ.ไพศาล หนูสังข์ ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 46 และ พ.ท.จักรกฤษณ์ ศรีนนท์ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ได้ร่วมสนธิกำลังจำนวน 3 ชุดปฏิบัติการ รวม 35 นาย ขึ้นพิสูจน์ทราบบนเทือกเขาหลังหมู่บ้านสาวอฮูลู หมู่ 2 ต.สาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส หลังได้รับแจ้งเบาะแสว่า มีกองกำลังติดอาวุธอาร์เคเค กลุ่มของ นายอับดุลเลาะ สามามะ พร้อมลูกน้องรวม 6 คน แฝงตัวมาสร้างค่ายพักชั่วคราวบนเทือกเขาดังกล่าว เพื่อเตรียมลงมือประชุมวางแผนก่อเหตุร้ายในพื้นที่
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ต้องเดินลาดตระเวนผ่านป่ายางพารารกทึบและสูงชันประมาณ 1 กิโลเมตร จึงพบลำธาร และได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ที่เพิงพักหลังหนึ่ง ปลูกสร้างอย่างง่ายด้วยไม้กระดานและหลังคามุงจาก รอบเพิงพักยังมีเปลสนาม จำนวน 2 หลัง เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังกันโอบล้อมเอาไว้
อย่างไรก็ดี กลุ่มผู้ต้องสงสัยเป็นกองกำลังติดอาวุธเห็นเจ้าหน้าที่ก่อน จึงได้ตะโกนบอกพรรคพวก แล้วใช้อาวุธปืนสงครามนานาชนิดยิงใส่เจ้าหน้าที่ จนทั้ง 2 ฝ่ายเปิดฉากยิงปะทะกันเป็นระลอกนานกว่า 20 นาที เมื่อเสียงปืนสงบลง เจ้าหน้าที่จึงเข้าเคลียร์พื้นที่ พบผู้ต้องสงสัยเสียชีวิตนอนจมกองเลือดอยู่ 1 คน ข้างศพมีอาวุธปืนพกสั้น ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอกตกอยู่ด้วย ส่วนคนอื่นๆ อาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหนีไปได้
ต่อมา พ.ต.ท.พชรพล ณ นคร รองผู้กำกับการ สภ.รือเสาะ พร้อมด้วย พ.ต.ท.จันที แจ่มจันทร์ หัวหน้ากองพิสูจน์หลักฐาน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส นายจำลอง ไกรดิษฐ์ นายอำเภอรือเสาะ และอัยการจังหวัด รวมทั้งแพทย์จากโรงพยาบาลรือเสาะ ได้ร่วมกันเข้าไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ และชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิต ทราบว่าคือ นายฮานาดี หะยีรอเซ๊ะ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/4 หมู่ 3 ต.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา เคยถูกออกหมายจับในคดีความมั่นคง
ยึดของกลางเพียบ-กระสุนเอ็ม 16 กว่า 200 นัด
นอกจากนั้น จากการตรวจสอบเพิงพัก เจ้าหน้าที่ยังพบของกลางอีกหลายรายการที่กลุ่มคนร้ายทิ้งเอาไว้ ประกอบด้วย แมกกาซีนอาวุธปืนสงคราม เอ็ม 16 จำนวน 9 อัน มีกระสุนปืนอยู่ภายใน 225 นัด เสื้อลายพรางทหาร เป้สนาม โทรศัพท์มือถือ ถังแก๊สปิกนิค กระเป๋าคาดเอว และบริเวณรอบเพิงพัก ยังฝังอาหารสำเร็จรูปและเครื่องกระป๋องเอาไว้ในถังพลาสติกอีก 4 ใบ จึงยึดทั้งหมดไปตรวจสอบ
ต่อมา พ.อ.ไพศาล ได้ขอสนับสนุนชุดสุนัขทหาร เพื่อออกติดตามแกะรอยกลุ่มคนร้าย โดยเจ้าหน้าที่พบรอยเลือดหยดอยู่ตามรายทางบนเทือกเขา คาดว่าฝ่ายคนร้ายน่าจะได้รับบาดเจ็บด้วย และได้หลบหนีเข้าไปในพื้นที่รอยต่อระหว่าง ต.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา กับ ต.สาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตั้งจุดตรวจเพื่อสกัดจับกลุ่มคนร้ายทั้งบนถนนสายหลักและสายรอง
นายอำเภอรุดเคลียร์ญาติผู้ตาย
นายจำลอง กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้นำศพลงมาจากเทือกเขาเพื่อมอบให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาด้วยตัวเอง เพื่อให้เกิดความสบายใจและทำความเข้าใจกับญาติรวมถึงชาวบ้านในพื้นที่ที่มายืนรอรับศพด้วยท่าทีไม่ค่อยพอใจนัก ทั้งนี้ได้ชี้แจงเพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ว่าจากหลักฐานนั้นชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อความไม่สงบจริง และมีการยิงปะทะกัน
“เราต้องชี้แจงเพื่อป้องกันไม่ให้บางฝ่ายสร้างข้อมูลบิดเบือนข้อเท็จจริงแล้วโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่รัฐอีก ซึ่งเบื้องต้นมวลชนในพื้นที่ก็เข้าใจดี เนื่องจากไม่มีใครตอบได้ชัดเจนว่าผู้ตายหายไปไหนช่วงก่อนหน้านี้ หรือไปประกอบอาชีพอะไร” นายจำลอง กล่าว
ควงลูกซองดักยิงชาวบ้านสาหัสที่บาเจาะ
เมื่อเวลา 23.00 น.วันเดียวกัน พ.ต.อ.จำลอง งามเนตร ผู้กำกับการ สภ.บาเจาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ บนถนนในหมู่บ้านปาลุกา หมู่ 5 ต.กาเยาะมาตี อ.บาเจาะ จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำอยู่ 1 คัน มีปลอกกระสุนปืนลูกซองตกอยู่ 2 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้บาดเจ็บ มีพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลบาเจาะแล้ว ทราบชื่อคือ นายมะซอรี กะนา อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 129/1 หมู่ 5 ต.กาเยาะมาตี มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนลูกซองที่บริเวณขาขวาและขาซ้ายจำนวน 2 นัด อาการสาหัส แพทย์ต้องส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส
จากการสอบสวน นายมะสะกรี กะนา อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นน้องชายของ นายมะซอรี ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายมะซอรีได้ชวนเขานั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน เพื่อไปทำธุระที่บ้านเพื่อน แต่ออกจากบ้านได้เพียง 100 เมตร ก็มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในป่ารกทึบข้างทาง ใช้อาวุธปืนลูกซองยิงใส่นายมะซอรีและเขา 2 นัดซ้อน กระสุนถูกพี่ชายจนรถเสียหลักล้มคว่ำ คาดว่าคนร้ายตามมายิงซ้ำ แต่โชคดีที่มีรถยนต์ของชาวบ้านขับผ่านมา คนร้ายจึงอาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหนีไป เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบที่ต้องการสร้างสถานการณ์รุนแรงรายวัน
“บิ๊กจิ๋ว”ลงพื้นที่ขายฝัน”นครปัตตานี”อีกรอบ
วันอาทิตย์ที่ 7 ก.พ.2553 ที่หอประชุมอาคารศรีนิบง ศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เป็นประธานการสัมมนาสมาพันธ์องค์กรประชาสังคมเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 3 โดยมี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตประธานสภาผู้แทน ราษฎร นายเด่น โต๊ะมีนา อดีตสมาชิกวุฒิสภา จ.ปัตตานี นายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา พรรคเพื่อไทย รวมทั้งผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา กลุ่มสตรี และองค์กรภาคประชาชน เข้าร่วมงานอย่างคับคั่งกว่า 1,000 คน
โอกาสนี้ พล.อ.ชวลิต ได้บรรยายพิเศษเกี่ยวกับการจัดตั้ง “นครปัตตานี” โดยมี พล.ท.ดร.สมชาย วิรุฬหผล เลขาธิการโครงการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมบรรยายในหัวข้อ “การสร้างมหานครปัตตานีและนูซันตารา” ด้วย
พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อปี 2547 ได้มีการเสนอนโยบายเพื่อแก้ปัญหา 2 ประเด็น คือ ถอยฝ่ายละสามก้าว และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ หรือทฤษฎีดอกไม้หลากสี ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ สมาพันธ์องค์กรประชาสังคมและคณะได้ทำโครงการเสริมสร้างสันติสุข และได้ร่วมมือกันขับเคลื่อนแนวทางดังกล่าวเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ให้บรรลุผล โดยเริ่มจากการถอยคนละสามก้าว ยุติความรุนแรงภายใต้ความร่วมมือร่วมใจจากประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย.ถึง 5 ธ.ค.2552 ในพื้นที่รอยต่อ 3 จังหวัด คือ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี และ อ.รามัน จ.ยะลา
จากการดำเนินการดังกล่าว สถิติเหตุรุนแรงที่วัดโดยหน่วยงานความมั่นคงยืนยันว่าในห้วงเวลา 1 เดือนนั้น ไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของนโยบายยุติความขัดแย้งตามแนวทางถอยคนละสามก้าว นอกจากนี้ มหานครปัตตานีไม่อาจจะมีความสงบสันติและรุ่งเรืองตามอุดมการณ์ดารุสลามได้ ถ้าทุกเชื้อชาติและทุกศาสนิกไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ดังนั้นนโยบายดอกไม้หลากสี จึงได้เริ่มเตรียมการโดยสมาพันธ์ฯและคณะทำงานโครงการฯ โดยได้จัดทำโครงการนูซันตารา เพื่อฟื้นจุดเด่นของสัญลักษณ์การอยู่ร่วมกันอย่างสันติของชาวนครปัตตานีทุกศาสนิก โดยในพื้นที่จะประกอบด้วยศูนย์กลางไทยมลายูมุสลิม ศูนย์ไทยพุทธ และศูนย์ไทยจีน ตามองค์ประกอบของประชากรและประวัติศาสตร์ของพื้นที่
-------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ขณะบรรยายเรื่องนครปัตตานีที่ จ.ยะลา
อ่านประกอบ : แนวคิด “นครปัตตานี” เพื่อดับไฟใต้
- “บิ๊กจิ๋ว” ขยายความ “นครปัตตานี” ฟื้นความยิ่งใหญ่ของ “ระเบียงมักกะฮ์”