ชำแหละหลักฐานมัด "ผู้บริหาร-ครู" โรงเรียนบากงฯ ทุจริตงบรัฐหนุนป่วนใต้!
การตรวจสอบโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เกี่ยวกับการทุจริต "งบอุดหนุนรายหัวนักเรียน" มีมาระยะหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะในยุคที่มี พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แต่การเชื่อมโยงไปถึงการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบและกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน ยังมีหลักฐานไม่ชัดนัก
แต่ล่าสุดจากการแถลงข้อมูลและแจ้งความดำเนินคดีของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ทำให้มองเห็นปัญหานี้ค่อนข้างชัดเจน
วันพฤหัสบดีที่ 22 ก.พ.61 ที่มณฑลทหารบกที่ 46 ปัตตานี พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี พร้อมด้วย พ.อ.หาญพล เพชรม่วง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี และ นายศิริวิชญ์ ชาญเดชะสิทธิ์กุล เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกันแถลงข่าวกรณี กอ.รมน.ภาค 4 สน. มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษผู้บริหารโรงเรียนบางคนของ โรงเรียนบากงพิทยา ที่ สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมาย ภายหลังพบข้อมูลว่าผู้บริหารบางคนของโรงเรียนมีพฤติการณ์ทุจริตงบอุดหนุนรายหัวนักเรียน และนำเงินไปใช้ในกิจกรรมที่เกี่ยวกับการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ
ต่อจิ๊กซอว์ "ครู" เชื่อมโยงผู้ก่อเหตุรุนแรง
ข้อมูลจากการแถลงเกี่ยวกับการตรวจสอบโรงเรียนบ้านบากง ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี มีดังนี้
1.กำลังสามฝ่ายได้เข้าตรวจค้นโรงเรียน พบเอกสารสำคัญและวัตถุพยานที่น่าเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุร้ายในพื้นที่หลายรายการ สอดคล้องกับคำให้การของพยานที่ถูกควบคุมตัวได้ก่อนหน้านี้ ได้แก่ หนังสือประวัติศาสตร์และการต่อสู้ของรัฐปัตตานี ซึ่งมีเนื้อหาบิดเบือนทำให้เกิดความเกลียดชังระหว่างประชาชน, เอกสารแนวทางต่อต้านรัฐ ซึ่งเป็นแนวทางยุทธศาสตร์สำคัญในการต่อสู้ทั้งทางการเมืองและการทหารของกลุ่มต่อต้านรัฐ โดยมีเป้าหมายเพื่อต่อต้านรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐ, เอกสารบิดเบือนข้อเท็จจริงกล่าวหาในเรื่องที่ศาลมีคำสั่งยึดที่ดินของโรงเรียนญิฮาดวิทยา อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ให้ตกเป็นของแผ่นดิน นอกจากนี้ยังตรวจพบถังแก๊ส, ถังดับเพลิง, ปุ๋ยยูเรีย และเครื่องมือขุดเจาะหลุมระเบิดใต้ถนนอีกหลายรายการ
2.พบบัญชีรายชื่อครูสอนศาสนาที่โรงเรียนจ้างเพิ่มเติมจำนวน 26 คน บางคนมีพฤติการณ์เป็นสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรง และหลายคนมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มีหมายจับในคดีอาญา (ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง)
3.ข้อมูลทางเทคนิคของครูกลุ่มนี้ พบความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับข่ายงานกลุ่มปฏิบัติการและมือระเบิดที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุร้าย และเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ อ.หนองจิก อ.โคกโพธิ์ อ.เมืองปัตตานี อ.ยะรัง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา และยังตรวจพบความสัมพันธ์ทางเครือญาติของผู้บริหารโรงเรียนบางคนเกี่ยวข้องสัมพันธ์และให้การสนับสนุนผู้ก่อเหตุรุนแรงรายสำคัญหลายคน เช่น นายเมาลานา สาเมาะ, นายฮุสเซ็น ดือรามะ และ นายเสรี แวมามุ (ผู้ต้องหาคาร์บอมบ์หาดใหญ่เมื่อปี 55 และเหตุระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบนปี 59)
จ้าง "ครูผี" ผ่องถ่ายงบ 12 ล้านหนุนป่วนใต้
4.ตรวจพบหลักฐานสำคัญที่คาดว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตงบประมาณของรัฐในโครงการอุดหนุนรายหัวนักเรียนและค่าตอบแทนครู, เงินค่าเสี่ยงภัยครู, เงินช่วยเหลือค่าครองชีพครู และสวัสดิการอื่นๆ ของครู รวมทั้งค่าอาหารกลางวันและอุปกรณ์การเรียนของนักเรียนด้วย
5.ตรวจสอบสำนักงานบริหารบัญชี ที่มีหลักฐานว่าโรงเรียนบากงพิทยาว่าจ้างให้จัดทำบัญชีและตรวจสอบบัญชี พบว่าโรงเรียนได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐปีละ 33 ล้านบาท ในจำนวนนี้แบ่งเป็นค่าตอบแทนรายเดือนของครู จำนวน 17 ล้านบาท จากรายชื่อครู 121 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่เกินจริงถึง 76 คน คิดเป็นเงิน 12 ล้านบาทต่อปี หากรวมเงินอุดหนุนอื่นๆ อีก คาดว่าผู้บริหารโรงเรียนบางคนอาจทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาของรัฐในโครงการเรียนฟรี 15 ปีจำนวนมาก
เครือข่ายบึ้มบิ๊กซี-ปล้นรถทำคาร์บอมบ์
นอกจากนั้นยังพบความเชื่อมโยงระหว่างผู้บริหารโรงเรียนบางคน ครูบางคนของโรงเรียน กับการก่อเหตุรุนแรงครั้งใหญ่ๆ ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่ปัตตานี สามารถไล่เรียงได้ดังนี้
1.สืบเนื่องจากกรณีค้นพบฐานปฏิบัติการในป่าชายเลนบ้านตันหยงเปาว์ ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 11 ก.พ.59 สามารถตรวจยึดระเบิดแสวงเครื่องและอุปกรณ์ประกอบระเบิดได้จำนวนมาก พร้อมจับกุม นายซาบาหรี เจ๊ะอาลี ผู้ก่อเหตุรุนแรงซึ่งเป็นมือประกอบระเบิดรายสำคัญ นายซาบาหรียอมรับว่าเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุระเบิดรถยนต์ของหน่วยเฉพาะกิจสันติสุข เป็นเหตุให้กำลังพลเสียชีวิต 2 นาย ซึ่งนายซาบาหรีถูกดำเนินคดีตามกระบวนการ
ต่อมาเมื่อวันที่ 7 ก.พ.61 ศาลอุทธรณ์พิพากษาเพิ่มโทษ นายซาบาหรี (ศาลชั้นต้นสั่งลงโทษจำคุก) โดยสั่งให้จำคุก 36 ปี จากการตรวจสอบขยายผลพบว่า ผู้ก่อเหตุรุนแรงกลุ่มนี้มีพื้นที่เคลื่อนไหวอยู่ใน อ.หนองจิก อ.โคกโพธิ์ อ.ยะรัง อ.แม่ลาน อ.เมืองปัตตานี จ.ปัตตานี และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา โดยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรงครั้่งใหญ่ๆ ในพื้นที่เหล่านี้หลายครั้ง ประกอบด้วย
- ระเบิดห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาปัตตานี เมื่อวันที่ 9 พ.ค.60 หลังเกิดเหตุสามารถจับกุม นายสุฮัยมี สะมาแอ ก่อนจะสอบสวนขยายผลกระทั่งออกหมายจับผู้ต้องหา 12 คน
- ปล้นรถกระบะ 6 คันจาก อ.นาทวี จ.สงขลา นำไปประกอบระเบิดทำคาร์บอมบ์ เมื่อวันที่ 16 ส.ค.60 รถ 1 ใน 6 คันปะทะกับเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจเกาะหม้อแกง เป็นเหตุให้ นายนูร์ฮาซัน อาแว เสียชีวิต จากการตรวจสอบประวัติผู้ตายพบว่าเป็นเครือข่ายเดียวกันกับคดีระเบิดบิ๊กซี
- เผากล้องวงจรปิดหน้าโรงเรียนบ้านสายหมอ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และวางระเบิดรถทหารพราน ทำให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 9 นาย เมื่อวันที่ 10 ม.ค.61 คนร้ายเป็นกลุ่มเดียวกันกับ 2 เหตุแรก
2.เมื่อวันที่ 10 ม.ค.61 เจ้าหน้าที่จับกุม นายสะอุดี ยามา และ นายสาการียา หมื่นรายา ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงคนสำคัญ มีหมายจับ 6 หมาย และเป็นมือประกอบระเบิดหลักในพื้นที่ อ.หนองจิก จากการซักถาม ทั้งคู่ยอมรับว่าเป็นผู้วางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่หน้าโรงเรียนบ้านสายหมอ และเคยก่อเหตุมาแล้ว 24 คดี
3.สมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เป็นข่ายงานเดียวกัน เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ ต.บางเขา อ.หนองจิก เจ้าหน้าที่ได้ติดตามจับกุม นายสาลาฮูดิง ลาเตะ หรือ "เลาะแคนา" และ นายมาหามะ เจ๊ะและ พร้อมพวก 9 คน ขยายผลนำไปสู่การตรวจพบอุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนมาก พร้อมเอกสารปลุกระดม เอกสารการฝึกอาร์เคเค และแนวทางการต่อสู้
แหล่งฝึก-กบดานทีมบึ้มปัตตานี
พล.ต.จตุพร อธิบายเชื่อมโยงหลักฐานที่พบทั้งหมดเข้ากับผู้บริหารโรงเรียนบากงพิทยาว่า หลังจากฐานปฏิบัติการบ้านตันหยงเปาว์ถูกทำลาย (11 ก.พ.59) ผู้ก่อเหตุรุนแรงได้เปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหม่ ด้วยการเข้าอาศัยแฝงตัวในหมู่บ้านหลายแห่งใน ต.บางเขา อ.หนองจิก และน่าเชื่อว่ามีศูนย์กลางอยู่ในพื้นที่บ้านบากง โดยผู้ต้องหาคดีความมั่นคงที่ถูกกันเป็นพยาน ให้การว่าเคยเข้าไปฝึกชุดปฏิบัติการขนาดเล็ก (อาร์เคเค) ในโรงเรียนบากงพิทยา
"โรงเรียนบากงพิทยามีสภาพเป็นโรงเรียนมลายู ตามเอกสารแนวทางต่อต้านรัฐที่ตรวจยึดจากห้องพักครูที่อยู่ภายในโรงเรียน พบว่าครูสอนศาสนาบางคนมีพฤติการณ์ให้การสนับสนุนและอบรมบ่มเพาะแนวคิดอิสลามแนวทางรุนแรง ใช้โรงเรียนเป็นสถานที่บ่มเพาะความคิดเยาวชนเพื่อต่อต้านรัฐ มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองตามเอกสารแนวทางต่อต้านรัฐ โดยการอบรมสร้างจิตสำนึกด้านประวัติศาสตร์เพื่อสร้างความเกลียดชังแบ่งแยกในหมู่ประชาชน และใช้กิจกรรมของโรงเรียนเพื่อการฝึกและคัดเลือกเยาวชนเข้าสู่นักต่อสู้ สร้างความวุ่นวายทั้งแนวทางการทหารและแนวทางการเมือง"
"นอกจากนั้นเรายังพบวัตถุพยานที่น่าสงสัยว่าใช้โรงเรียนเป็นสถานที่หลบซ่อนพักพิงของสมาชิกฝ่ายทหารของขบวนการ รวมทั้งผลิตและประกอบระเบิดแสวงเครื่องโดยอำพรางเป็นกิจกรรมส่งเสริมอาชีพในโรงเรียน เหตุนี้เองจึงเป็นที่มาของการทุจริตงบประมาณอุดหนุนของรัฐ เพื่อนำมาใช้ขับเคลื่อนการต่อสู้เพื่อการต่อต้านรัฐ เราพบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ในคดีของบุคคลที่มีหมายจับ พบข้อมูลเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวขององค์กรแนวร่วมผู้ก่อเหตุรุนแรง โดยใช้กระบวนการค่ายเยาวชนเป็นช่องทางปลุกจิตสำนึกของเยาวชน ด้วยหลักการชนชาติมลายูศาสนาอิสลามกลุ่มปาตานี"
ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี บอกอีกว่า อาจมีครูบางคนในโรงเรียนใช้สถานที่ของโรงเรียนขยายแนวคิดการต่อสู้เพื่อต่อต้านรัฐ โดยแอบแฝงผลประโยชน์ส่วนบุคคลจากงบประมาณของรัฐเพื่อขับเคลื่อนการต่อสู้ และเพื่อหล่อเลี้ยงความรุนแรง มีการบ่อนทำลายระบบการศึกษาของรัฐด้วยการยิงครูในโรงเรียนสามัญ จนโรงเรียนของรัฐต้องปิดตัวลง แล้วบีบบังคับรัฐให้หันมาสนับสนุนแนวทางที่ผู้ก่อเหตุรุนแรงแอบแฝงไว้โดยอำพราง คือใช้โรงเรียนมลายูเป็นหนทางหลักสู่เอกราช แต่ระหว่างทางที่ขับเคลื่อนแนวคิดรุนแรง ผู้บริหารโรงเรียนบางคนกลับได้รับผลประโยชน์เป็นผลพลอยได้จำนวนมาก
ตั้งข้อหาหนัก - ดีเอไอจ่อรับเป็นคดีพิเศษ
ข้อมูลจากการตรวจสอบเชิงลึกพบว่า โรงเรียนบากงพิทยาทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษา หรือเงินรายหัวนักเรียน ตามโครงการเรียนฟรี 15 ปีของรัฐบาล มีการปลอมแปลงเอกสารเพื่อเบิกเงินอุดหนุนของรัฐ ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินที่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐ ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยการจัดทำเอกสารเท็จ ร่วมกันแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ยุยงปลุกปั่นเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน
นายศิริวิชญ์ ชาญเดชะสิทธิ์กุล เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าคดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เล็งเห็นความสำคัญ จึงได้ร่วมปฏิบัติการกับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานีมาตลอด และจะพิจารณารับเป็นคดีพิเศษเพื่อสอบสวนขยายผลอย่างครบวงจร
ศธ.ตั้งกรรมการสอบโกงงบ
ก่อนหน้านี้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ออกคำสั่ง ศธ.ที่ 127/2561 ลงวันที่ 20 ก.พ. แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดปัตตานีเข้าไปตรวจค้นโรงเรียนบากงพิทยา โดยมี นายพีระ รัตนวิจิตร รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน และมีกรรมการประกอบด้วย นายณรงค์ แผ้วพลสง รองเลขาธิการคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) นายชลำ อรรถธรรม รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (ส.ช.) ว่าที่เรือตรีทรงยศ พรานเนื้อ นิติกรชำนาญการพิเศษ รักษาการในตำแหน่งนิติกรเชี่ยวชาญสำนักนิติกร สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และกรรมการจากผู้แทนหน่วยงานต่างๆ อีกหลายคน
คำสั่งดังกล่าวให้อำนาจคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินอุดหนุนของโรงเรียนบากงพิทยา, การจัดทำบัญชีของโรงเรียน ตามระเบียบว่าด้วยกฎหมายโรงเรียนเอกชน, การจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในด้านคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา, ทรัพย์สินของโรงเรียนซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ตรวจยึดเอาไว้ อันอาจถูกใช้เป็นอุปกรณ์ก่อความไม่สงบในพื้นที่ และตรวจสอบกรณีโรงเรียนถูกกล่าวหาว่าให้ที่พักพิงกับผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดในคดีความมั่นคงด้วย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 และ 3 การแถลงข่าวของ พล.ต.จตุพร และหลักฐานที่นำมาแสดง
2 และ 4 โรงเรียนบากงพิทยา
5 คำสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง
อ่านประกอบ : เปิดตัวเลขทุจริตเงินอุดหนุนนักเรียนชายแดนใต้ 3 ปี 134 ล้าน!