- Home
- Isranews
- 'ยุทธพงศ์'ใช้ข้อมูล'อิศรา'สับ'บิ๊กตู่' ปมขายที่ดิน'พ่อ'ให้เครือ'เจริญ'-วิป รบ.เบรกขยายซักฟอก
'ยุทธพงศ์'ใช้ข้อมูล'อิศรา'สับ'บิ๊กตู่' ปมขายที่ดิน'พ่อ'ให้เครือ'เจริญ'-วิป รบ.เบรกขยายซักฟอก
เริ่มแล้ว! อภิปรายไม่ไว้วางใจ รบ.บิ๊กตู่ วันแรก ‘สมพงษ์’ ชำแหละ 5 ความล้มเหลวโจมตี-กร่อนเซาะทำลายประชาธิปไตย ‘ประยุทธ์’ ย้อนกลับก่อนปี 57 เกิดอะไรขึ้น ทำให้ต้องมายืนตรงนี้ ปัดนั่งหัวโต๊ะสั่งอย่างเดียว แต่ผ่าน กก.กลั่นกรองหลายชุด-ขออย่าก้าวล่วงอำนาจศาล - ‘ยุทธพงศ์’ ใช้ข้อมูล ‘อิศรา’ ปม ‘พ่อบิ๊กตู่’ ขายที่ดินให้เครือ ‘เสี่ยเจริญ’ เจอสวนกลับผิดตรงไหน ปัดเอื้อประโยชน์ให้ใคร - ฝ่ายค้านขอเปิดประชุมวิสามัญฯขยายเวลาซักฟอก-วิป รบ.เบรก
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2563 ที่รัฐสภา (เกียกกาย) มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในที่ประชุม โดยมีวาระสำคัญคือญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล 6 ราย ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์
@ฝ่ายค้านขอหารือเปิดประชุมวิสามัญฯขยายเวลาซักฟอก-ปธ.วิป รบ.เบรก-รอง ปธ.สภาฯขอให้ถึงเวลาก่อน
เมื่อเวลาประมาณ 20.55 น. วันเดียวกัน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ขอหารือกับนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานในที่ประชุม โดยระบุว่า เบื้องต้นเวลาอภิปรายผ่านมาพอสมควรแล้ว รวมเวลาประมาณ 8 ชั่วโมง ขณะที่ฝ่ายค้านขอเวลาไว้ที่ 40 ชั่วโมง ดังนั้นด้วยเวลากระชั้นชิดอาจไม่ทันกับกรอบเวลาที่กำหนดไว้ จึงขอหารือขยายระยะเวลาเปิดสมัยประชุมวิสามัญเพื่ออภิปรายต่อ
ทั้งนี้นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ระบุว่า จากการหารือในช่วงเช้า พูดชัดเจนว่าคณะรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย ตอบได้เท่า ๆ กับผู้ที่อภิปราย ขณะเดียวกันผู้อภิปรายเวลาอภิปรายเสร็จ นอกจากแตกถนนใหญ่ เข้าซอยแล้ว ยังเข้าจากซอยเล็กเข้าซอยใหญ่ ผู้ตอบจึงต้องตอบละเอียด สิ้นกระแสความ ไม่อย่างนั้นอาจทำให้ไม่เข้าใจได้ ส่วนของเวลา ตนตามมาตลอด ตอนนี้หากนับรวมของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และฝ่ายรัฐมนตรีใช้ไปรวมแล้ว 1 ชั่วโมง 47 นาที ของพรรคฝ่ายค้าน 4 ชั่วโมง 17 นาที ส่วนที่เหลือในส่วนของประท้วงเวลาหยุด 54 นาที ดูเวลาพอสมน้ำสมเนื้อ ก็ขอให้เป็นไปอย่างนี้เรื่อย ๆ
นายจุลพันธ์ ระบุอีกว่า ที่ผ่านมาญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มักปล่อยให้เป็นเรื่องของพรรคร่วมฝ่ายค้านอภิปรายได้เต็มที่ ครั้งนี้คณะรัฐมนตรีใช้สิทธิตอบ แม้แต่นายสมคิดก็ตอบ ทั้งที่ตนและเพื่อนสมาชิกอภิปรายประเด็นถึง พล.อ.ประยุทธ์ แต่ในเมื่อใช้สิทธิตอบก็ไม่ติดใจ เป็นไปตามข้อตกลง สำคัญที่สุดคือการใช้สิทธิเป็นไปตามข้อบังคับการประชุมฯ ข้อที่ 177 ถ้าเวลาไม่พอ เพื่อให้ญัตติครบถ้วน ขอเปิดประชุมสมัยวิสามัญต่ออีก 3-4 วันได้หรือไม่ จะได้จบสิ้นกระบวนความ
นายศุภชัย โพธิ์สุ ระบุว่า ขอให้ถึงเวลาก่อนค่อยหารือ การที่นายกรัฐมตรี และรัฐมนตรีตอบชี้แจง เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ สิทธิตามข้อบังคับ ต้องควรฟังสักหน่อย เพราะฝ่ายค้านกล่าวหาเต็มที่ ฝ่ายรัฐบาลจำเป็นต้องชี้แจง คิดว่าประธานวางตัวเป็นกลางที่สุดแล้ว
@'ยุทธพงศ์'ใช้ข้อมูล'อิศรา'สับ'บิ๊กตู่'ปม'พ่อ'ขายที่ดินให้เครือ'เสี่ยเจริญ'
ตั้งแต่เวลาประมาณ 14.40 น.-17.20 น. นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายประเด็นเรื่องความร่ำรวยผิดปกติของ พล.อ.ประยุทธ์ กรณีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่ามีรายรับจากการเป็นทหารบกทั้งสิ้น 128 ล้านกว่าบาท แต่กลับมีการใช้จ่ายสูงถึง 466 ล้านบาท ซึ่งเป็นความน่าสงสัยและเป็นความผิดปกติอย่างยิ่ง ว่าทำไมถึงมีเงินได้มากขนาดนี้ โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ โดยประเด็นนี้โยงใยไปถึงการขายที่ดินของ พ.อ.ประพัฒน์ จันทร์โอชา บิดา พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีการขายให้กับบริษัท 69 พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด ผ่านตัวแทนบริษัทที่ชื่อว่า นายศราวุธ เทียนสุวรรณ โดยจากการตรวจสอบข้อมูลของทางสำนักข่าวอิศราก็พบว่าที่ดินดังกล่าวนั้นเป็นแค่บ่อตกปลาเท่านั้น อีกทั้งจากการสำรวจลงพื้นที่ของทางสำนักข่าวอิศราไปพบข้อมูลอีกว่าบริษัท 69 พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด มีลักษณะเป็นแค่ห้องแถว และเพิ่งก่อตั้งแค่ 7 วันเท่านั้นก่อนที่จะมีการซื้อขายที่ดินเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2556 จึงเป็นข้อสงสัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไปพบปะและติดต่อกับนายศราวุฒิเพื่อเจรจาซื้อขายที่ดินเมื่อไรกันแน่ และใครเป็นคนออกค่าภาษีและค่าที่ดิน
นายยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า เมื่อไปสืบข้อมูลของบริษัท 69 พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด เพิ่มเติมจากทางสำนักข่าวอิศราพบว่าบริษัทแห่งนี้จดทะเบียนเป็นบริษัทที่อยู่ในเครือของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มชื่อดังและเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ดังนั้นจึงเป็นข้อสงสัยเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินของ พล.อ.ประยุทธ์ดังนี้ 1.มีข้อกล่าวหาในฝั่งผู้ขายว่าเจรจากับใครในการซื้อขาย และเจรจากันกี่วัน ผู้ใดพาไปดูที่ เพราะการซื้อขายบ่อตกปลาราคา 600 ล้านบาท แล้วไปอยู่ในบัญชีทรัพย์สินของ พล.อ.ประยุทธ์จำนวน 540 ล้านบาท นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ อีกทั้งราคาที่ดินจริง ๆ นั้นก็ไม่ถึง 600 ล้านบาทด้วย ประเด็นที่ 2.บริษัทตั้งขึ้นมาเพียง 7 วันเท่านั้นแล้วจะเอาเงินจากไหนไปซื้อที่ดินบ่อตกปลาดังกล่าว จึงขอตั้งข้อสงสัยว่าเงินนั้นเป็นไปได้หรือไม่ว่ามาจากต่างประเทศ อีกทั้งวัตถุประสงค์ของบริษัท 69 พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด ระบุว่าประกอบกิจการเพาะพันธ์ไม้ยืนต้นเพื่อจำหน่าย ซึ่งลักษณะที่ดินดังกล่าวนั้นก็ไม่น่าจะไปเพราะพันธ์ต้นไม้ได้แต่อย่างใด
นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ส่วนโครงสร้างของบริษัท 69 พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด พบริษัททรงวุฒิ บิสสิเนส จำกัด มีนายศราวุธ โอนหุ้นจำนวน 49,000 หุ้น ไปให้ "วินเทค โปรฟิท คอมปะนี ลิมิเต็ด ไทรเด้นท์ ทรัส (บี.วี.ไอ.) ลิมิเต็ด ไทรเด้นท์ แซมเบอร์ ซึ่งมีที่อยู่เป็นตู้ ป.ณ. เลขที่ 146 ,โรดทาวน์,ทอร์โทล่า , บริติชเวอร์จิน ไอร์แลนด์" เข้ามาถือแทน และเพิ่มทุนเป็น 200 ล้านบาท โดยวินเทค โปรฟิท คอมปะนี ลิมิเต็ด ได้เพิ่มสัดส่วนถือหุ้นเป็น 9,800,000 หุ้น จากทั้งหมด 20 ล้านหุ้น และชำระเงินค่าหุ้นจำนวน 97,510,000 บาท เป็นเงินโอนเข้าบัญชีธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาอาคารวรวัฒน์ สีลม ชื่อบัญชี บริษัท 69 พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เลขที่บัญชี 406-6-01198-8 ปรากฏชื่อ นายศราวุธ เป็นกรรมการ "ผู้รับเงิน" และหลังจากบริษัท 69 พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด ก็เอาเงิน 600 ล้านบาทซื้อที่จากบิดาของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งบริษัททั้งหมดนั้นก็ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับนายเจริญอีกเช่นกัน
(หมายเหตุ สำนักข่าวอิศราเคยนำเสนอซีรีย์ข่าวชิ้นนี้แล้วตั้งแต่ช่วงปี 2557-2563 อ่านประกอบ : 7 ปีแล้ว! บ.เสี่ยเจริญซื้อที่ดิน ‘พ่อบิ๊กตู่’ 600 ล. วันนี้แจ้งมีรายได้ 153 บาท, เบื้องหลังข่าวเจาะ“ประยุทธ์”ขายที่ดิน 600 ล. โยงใย 22 บ.ลับ 7 หมื่นล.“เสี่ยเจริญ”)
@พ้อ‘พ่อ’ขายที่ดินให้เครือบริษัท‘เสี่ยเจริญ’ผิดตรงไหน-ปัดเอื้อประโยชน์ให้ใคร
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวชี้แจงถึงกรณีนี้ว่า ที่ดินพ่อตน ออกเป็นโฉนดเมื่อปี 2482 ต่อมาเป็นของครอบครัวตนปี 2495 จนตกทอดมาถึงพ่อปี 2535 แต่ก็ไม่ได้ขาย พอถึงปี 2556 ตนเป็น ผบ.ทบ. โดยช่วงนั้นพ่อยังไม่แก่ ยังพูดได้ ส่วนที่ไปพูดผ่านสื่อว่า ไปให้สัมภาษณ์อย่างนู้นอย่างนี้ ต้องไปถามพ่อตนอีกที แต่ตอนนี้พ่อไม่อยู่แล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าด้วยว่า ส่วนที่กล่าวหาว่าที่ดินดังกล่าวเป็นบ่อตกปลา จะเป็นได้อย่างไร ที่ดินแปลงใหญ่ 50 ไร่ ติดถนนระยะประมาณ 300-400 เมตร ส่วนบ่อน้ำที่เห็นนั่นคือลำรางสาธารณะ ชื่อคลองหนามแดง ตอนเด็กตนเคยมาพายเรือที่นี่ เกิดมาก็เห็นที่ดินแปลงนี้แล้ว ไม่รู้ว่าผิดตรงไหน
ส่วนการซื้อขายที่ดินกันนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ดินผืนนี้พ่อเคยติดป้ายขายตั้งแต่ปี 2554-2556 มีคนติดต่อหลายเจ้า แต่ไม่ได้ขาย ท้ายที่สุดปี 2556 บริษัทนี้ (บริษัท 69 พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด) ไม่รู้บริษัทใคร เพราะสมัยตนเป็น ผบ.ทบ. ไม่รู้จักใครเป็นพิเศษ ไม่คิดว่าจะเอื้อประโยชน์ให้ได้ในอนาคต ทั้งนี้ที่ดินผืนดังกล่าวในปี 2556 ราคาตามท้องตลาด 609 ล้านบาท ปัจจุบันราคา 812 ล้านบาท ราคาขึ้น แล้วเวลาซื้อขายเป็นไปตามราคาตลาด การเสียภาษีถูกต้อง การแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินสมัยเป็น ผบ.ทบ. จนถึงตอนเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ (สมัยที่ 2) ก็แจ้งต่อ ป.ป.ช. เช่นกัน แต่ไม่ได้เปิดเผย เพราะยังไม่สิ้นสุดหน้าที่ ทุกคนใช้กฎหมายฉบับเดียวกัน อย่าพูดอย่างนี้ มันทำให้สับสนอลหม่าน เรื่องที่ดินคิดว่าคงไม่ได้ตอบอะไรมากไปกว่านี้ ส่วนบริษัทแห่งนี้ไม่ใช่แค่ทำเกษตร แต่เขามีสิทธิประกอบการตั้งเยอะแยะ ต้องเข้าใจตรงนี้ก่อน
“การที่พูดแบบนี้ หมายความว่าผมจะต่อรองกับเขาสิ ซื้อที่ตรงนี้ วันหน้าผมจะดูแลเขา ผมจะไปสัญญากับเขาได้หรือไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี พูดเกินไปหรือไม่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
@เผยแก้ไขสัญญาศูนย์สิริกิตติ์ฯทำตั้งแต่ปี 56
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีการแก้ไขสัญญาศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ฯ ด้วยว่า มีการดำเนินการเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2539 บริษัทอะไรก็ตามนั้น (บริษัท เอ็นซีซี แมเนจเมนท์ แอนด์ เดเวลลอปเมนท์ จำกัด) ติดขัดปัญหากฎหมายราชการ ภายหลังการออกกฎหมายควบคุมการก่อสร้างในปี 2542 และเรื่องการใช้ประโยชน์ที่ดินในปี 2546 ที่ห้ามก่อสร้างอาคารเกิน 23 เมตร โดยสัญญาเรื่องนี้มี 3 ช่วง ช่วงแรกไม่มีปัญหา ช่วงที่สองสร้างตึกได้ แต่ช่วงที่สามที่กฎหมายออกมาตามหลัง ทำให้ทำไม่ได้ จึงเป็นเรื่องของการไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้ จึงต้องมาแก้ไข ส่วนที่อัยการสูงสุด (อสส.) ถามมา 10 ข้อ ให้ดูด้วยว่ามีรายละเอียดของตนด้วย เขาชี้แจงยืนยัน เราก็ชี้แจง อสส. มีมติเห็นชอบ ไม่มีข้อทักท้วงแต่ประการใด ดูเอกสารให้ครบ รัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินการ การแก้ไขปัญหาอะไรต่าง ๆ เป็นเรื่องประกาศบังคับใช้ผังเมืองของ กทม. เป็นการดำเนินการก่อนรัฐบาลที่แล้ว ก่อนปี 2556 รัฐบาลใครเป็นคนทำ
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภา ได้อ่านญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี 6 ราย ซึ่งยื่นไปแล้วเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2563 หลังจากนั้นจึงเริ่มเปิดอภิปรายไม่วางใจ โดยระบุว่า สาเหตุที่ฝ่ายค้านจำเป็นต้องเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เนื่องจากความไร้ประสิทธิภาพ ความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน ความผิดเกี่ยวกับทุจริตคอร์รัปชั่น เอื้อประโยชน์พวกพ้อง ใช้อำนาจโดยมิชอบ โดยก่อให้เกิดความล้มเหลว 5 ประการ
@ยกผลวิจัย ม.หอการค้ามีจ่ายใต้โต๊ะ 5-15%-กร่อนเซาะทำลายประชาธิปไตย
นายสมพงษ์ ระบุตอนหนึ่งว่า ความล้มเหลวต่อการสร้างความเชื่อมั่นทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยนั้น ตั้งแต่การกำหนดกติการัฐธรรมนูญที่ทำให้เกิดสังคมกังขา บั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนและนานาชาติ กร่อนเซาะประชาธิปไตยถดถอย ผิดรูปผิดร่างอับอายต่อสายตาชาวโลก นอกจากนี้ยังสร้างความล้มเหลวทางเศรษฐกิจ ที่อาจมีการเอื้อกลุ่มทุนขนาดใหญ่ รวมถึงอัตราการฟื้นตัวของเศรษฐกิจตกต่ำสุดในรอบ 5 ปี รวมถึงความล้มเหลวด้านการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น การใช้อำนาจตามมาตรา 44 ที่กลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้าม แต่กลับคนใกล้ชิดแวดล้อมไม่ได้มีการตรวจสอบ ส่งผลให้สถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยที่สูงขึ้น โดยผลวิจัยของ ม.หอการค้าไทย ระบุว่า มีการจ่ายใต้โต๊ะ 5-15% ดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นไทยถดถอยตกลงมาอยู่อันดับ 99 มีการทำธุรกิจหาผลประโยชน์ในกองทัพ
“โดยสรุปจากที่กล่าวมาทั้งหมด รวมทั้งข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ที่เพื่อนสมาชิกอภิปรายหลังจากนี้ จึงไม่อาจไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีทั้งหลายรวม 6 คน ครั้งนี้บริหารประเทศต่อไป เพราะตลอดระยะเวลาดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐบาล ไม่เห็นศักยภาพของท่านเลยแม้แต่น้อยในด้านการบริหาร หรือเป็นนักยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของผู้นำประเทศ ไม่เห็นท่านในฐานะนายกรัฐมนตรี ทำได้แค่เพียงนักธุรการทั่วไป ทำแค่ใช้จ่ายงบประมาณ ไม่รู้จักวิธีหารายได้เข้าประเทศ บริหารประเทศบนพื้นฐานอารมณ์และความรู้สึก แต่ไม่บริหารบนพื้นฐานแห่งความรู้ จึงไม่อาจไว้วางใจท่านให้บริหารประเทศ แล้วทำให้ลูกหลานในอนาคตรับมอบซากปรักหักพังต่อจากคนรุ่นเรา จึงไม่อาจไว้วางใจให้ท่านบริหารประเทศได้ต่อไป” นายสมพงษ์ กล่าว
@มาเป็นนายกฯด้วยเสียง ส.ส.-ย้อนเวลาก่อนปี 57 ทำให้ต้องมายืนตรงนี้
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบถึงกรณีนี้สรุปได้ว่า มีเรื่องไม่ไว้วางใจตนหลายเรื่อง ทั้งเรื่องอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต ตนไม่โกรธ มีรอยยิ้มแจ่มใสมาตลอด ยืนยันว่าเข้ามาด้วยกลไกประชาธิปไตย ทุกท่านที่อยู่ในที่นี้ ต่างเข้ามาด้วยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เมื่อประเทศเข้าสู่ประชาธิปไตยแล้ว อาจไม่ถูกใจใครทั้งหมด ตนได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยคะแนนเสียง ส.ส. เกิน 250 เสียง โดยไม่ต้องพึ่งเสียง ส.ว. ดังนั้นสิ่งใดที่เป็นหน้าที่ของพวกเรา ทั้งรัฐบาล และฝ่ายค้าน ต้องทำอะไรให้เกิดประโยชน์ และรับฟังความคิดเห็น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา เรียนว่าไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่สมบูรณ์ทั้งหมด การกล่าวหาต้องมีหลักฐาน หรือแนวทางปฏิบัติชัดเจน ไม่ใช่พูดไป 1 แล้วไป 3-4 เลย ประชาชนจะไม่ทราบรายละเอียด การบอกว่าตนไม่ยึดมั่นระบอบประชาธิปไตย แล้วก่อนวันที่ 22 พ.ค. 2557 เกิดอะไรขึ้น นั่นแหละเป็นสิ่งที่ต้องมายืนตรงนี้ บางคนมีคดีความมากมาย ไม่อยากก้าวล่วง
@ปัดนั่งหัวโต๊ะสั่ง แต่ผ่าน กก.กลั่นกรองหลายชุด-ขออย่าก้าวล่วงอำนาจศาล
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า เรื่องที่กล่าวหาตนทั้งหมด ไม่เคยทำ ทุกอย่างมีกลไกตามกฎหมายทั้งสิ้น การดำเนินการไม่ใช่นั่งหัวโต๊ะแล้วสั่งการ แต่ผ่านการกลั่นกรองของคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ขอให้เชื่อมั่นข้อมูลของข้าราชการด้วย กฎหมายแต่ละกระทรวงไม่เคยก้าวล่วง ส่วนการกล่าวหาว่าสืบทอดอำนาจตามรัฐธรรมนูญนั้น เป็นเรื่องของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่เป็นคณะผู้ร่าง ตนไม่เคยไปยุ่ง เคยมีแค่ข้อเสนอแนะ เขาจะทำตามหรือไม่ ไปก้าวล่วงไม่ได้ ส่วนการกล่าวหาว่าใช้อำนาจตามมาตรา 44 กลั่นแกล้งข้าราชการนั้น ตอนนี้มีมาตรา 44 หรือไม่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ไม่มีแล้ว แต่ยังเหลือมาตรา 44 บางอย่างที่มีไว้เพื่อแก้ปัญหา หรืออำนวยความสะดวกให้กฎหมายปกติเท่านั้น เป็นการบูรณาการ
“คิดว่าเรื่องเหล่านี้ที่กล่าวหาผมทั้งหมด ผมไม่ได้ทำ มีกลไกกฎหมายทั้งสิ้น แต่อย่าก้าวล่วงอำนาจศาล ถ้าไม่มีคนทำผิด ไม่มีหลักฐาน ไม่มีพยาน ลงโทษไม่ได้ ไม่มีใครทำได้ ทุกคนกลัวความผิด ดังนั้นพอได้แล้ว กล่าวอ้างผมเยอะแยะพอสมควร” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุด้วยว่า จะลุกขึ้นตอบข้อกล่าวหาต่าง ๆ ที่ถูกอภิปราย แต่อาจให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในกระทรวงที่ถูกพาดพิงช่วยชี้แจงด้วย
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/