ป.ป.ช.ฟัน 'ศิรวี วาเล๊าะ' อดีตท่องเที่ยวฯปัตตานี คดีปลอมชื่อตรวจรับงานผลิตสื่อ 3 ภาษา
แพร่มติ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด 'ศิรวี วาเล๊าะ' อดีตท่องเที่ยวและกีฬาปัตตานี พร้อมพวก 1 ราย คดีถูกกล่าวหาปลอมลายมือชื่อ คกก.ตรวจรับโครงการจ้างผลิตสื่อพีอาร์ 3 ภาษา พ่วงเบิกจ่ายเงินผู้รับจ้างทั้งที่ส่งมอบงานไม่ถูกต้องตามสัญญา แจ้งผู้บังคับบัญชาพิจารณาโทษวินัย -ส่ง อสส. ดำเนินคดีอาญาแล้ว 5 ส.ค. 62
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2562 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด นางศิรวี วาเล๊าะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วย นางสาวจินดารัตน์ สัตยพงศ์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักงานการท่องเที่ยวและ กีฬาจังหวัดปัตตานี ในคดีถูกกล่าวหา ปลอมลายมือชื่อคณะกรรมการ ตรวจรับโครงการจ้างผลิตสื่อ ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว จังหวัดปัตตานี 3 ภาษา และ เบิกจ่ายค่าจ้าง ทั้งที่ ผู้รับจ้างส่งมอบงาน ไม่ถูกต้องตามสัญญาจ้าง
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาสำนวนไต่สวนแล้ว มีความเห็นว่า นางศิรวี วาเล๊าะ และ นางสาวจินดารัตน์ สัตยพงศ์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มาตรา 161 มาตรา 162 (1) (4) มาตรา 264 มาตรา 265 และมาตรา 268 ประกอบมาตรา 83 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่ง หรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่ง หรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิด ความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 123/1 ประกอบ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 192 และ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไป ตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทาง ราชการ มติของคณะรัฐมนตรี นโยบาย ของรัฐบาล และไม่ปฏิบัติตามระเบียบ แบบแผนของทางราชการ และฐานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าทีราชการโดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ พลเรือน พ.ศ.2551 มาตรา 82 (2) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1)
เบื้องต้น สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ส่งสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง ไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณา โทษทางวินัย และไปยังอัยการ สูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 62
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดในชั้น ป.ป.ช. เป็นเพียงกระบวนการขั้นต้น ยังเหลือในชั้นอัยการ และชั้นศาล คดียังไม่ถือว่าสิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหาจึงถือว่าบริสุทธิ์อยู่
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
หมายเหตุ : ภาพประกอบข่าว จาก https://www.khaophuket.com