ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่! ศาล รธน.รับคำร้อง กกต.วินิจฉัยปม'ธนาธร'ถือหุ้นสื่อ
มติศาล รธน.รับคำร้อง กกต. วินิจฉัยปม 'ธนาธร' ถือหุ้นสื่อ บ.วี-ลัค มีเดีย แล้ว เผยปรากฎข้อมูล 10 ปีที่ผ่านมาก่อนเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นจะประชุมวิสามัญก่อนส่งสำเนาทะเบียนผู้ถือหุ้นในช่วงใกล้ชิดกัน แต่กรณีนี้ไม่มีการประชุม มติ 8 ต่อ 1 ให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ตาม รธน. ม.82 วรรคสอง ด้วย
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2562 เวลา 13.30 น. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุม เพื่อพิจารณาว่าจะรับ หรือไม่รับคำร้อง ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถือครองหุ้นในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ประกอบธุรกิจสื่อ เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องของ กกต. แล้ว และมีมติ 8 ต่อ 1 ให้นายธนาธรหยุดการปฏิบัติหน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสอง แล้ว
เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. วันเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เอกสารข่าว ระบุว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 82 ได้บัญญัติให้ กกต. ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพของ ส.ส. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ในกรณีที่ ส.ส. มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3)
เมื่อข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องดังกล่าวปรากฏว่า ผู้ร้องมีมติให้ส่งเรื่องมายังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของ ส.ส. ของผู้ถูกร้อง (นายธนาธร) สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจาก กกต. เห็นว่า นายธนาธร เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด อยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) และ กกต. ยื่นคำร้อง ต่อศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) กรณีจึงเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคหนึ่งและวรรคสี่ ประกอบ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 7 (5) แล้ว จึงมีมติเอกฉันท์มีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย และแจ้งให้ผู้ร้องทราบ และส่งสำเนาคำร้องให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง
สำหรับคำขอของผู้ร้องที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง ศาลพิจารณาคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้ว เห็นว่า คดีนี้ผู้ร้องได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง และปรากฏข้อมูลจากเอกสารประกอบคำร้องว่า ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นทุกครั้งจะส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ระบุวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นพร้อมมีหนังสือสำเนาส่งนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครในเวลาใกล้ชิดกัน แตกต่างจากการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นในคดีนี้ ตามเอกสารประกอบคำร้องไม่ปรากฏว่ามีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น จึงปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่า นายธนาธรมีกรณีตามที่ถูกร้อง ประกอบกับการปฏิบัติหน้าที่ของนายธนาธรอาจก่อให้เกิดปัญหาข้อกฎหมาย และการคัดค้านโต้แย้งเป็นอุปสรรคสำคัญของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ จึงมีมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 ให้นายธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย
ส่วนคำขอของผู้ร้องที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งกำหนดมาตรการ หรือวิธีการอื่นเป็นการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัย ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 71 นั้น เมื่อศาลได้มีคำสั่งให้นายธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสองแล้ว ในชั้นนี้จึงยังไม่มีเหตุจำเป็นที่จะกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองชั่วคราวใด ๆ อีก
รัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ระบุว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา จํานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา มีสิทธิเข้าชื่อร้องต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกว่าสมาชิกภาพของสมาชิกคนใดคนหนึ่งแห่งสภานั้นสิ้นสุดลงตามมาตรา 101 (3) (5) (6) (7) (8) (9) (10) หรือ (12) หรือมาตรา 111 (3) (4) (5) หรือ (7) แล้วแต่กรณี และให้ประธานแห่งสภาที่ได้รับคําร้อง ส่งคําร้องนั้นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกผู้นั้นสิ้นสุดลงหรือไม่
เมื่อได้รับเรื่องไว้พิจารณา หากปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าสมาชิกผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั่งให้สมาชิกผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคําวินิจฉัย และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคําวินิจฉัยแล้ว ให้ศาลรัฐธรรมนูญแจ้งคําวินิจฉัยนั้นไปยังประธานแห่งสภาที่ได้รับคําร้องตามวรรคหนึ่ง ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง ให้ผู้นั้นพ้นจากตําแหน่งนับแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ไม่กระทบต่อกิจการที่ผู้นั้นได้กระทําไปก่อนพ้นจากตําแหน่ง
มิให้นับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาซึ่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคสองเป็นจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภา
ในกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งเห็นว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาคนใดคนหนึ่งมีเหตุสิ้นสุดลงตามวรรคหนึ่ง ให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยตามวรรคหนึ่งได้ด้วย
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/