- Home
- Isranews
- ได้คะแนนเสียงเกินครึ่ง! 'จุรินทร์' หน.ปชป.คนใหม่ ลั่นหมดยุคฮีโร่โชว์เดียว-สร้างเอกภาพในพรรค
ได้คะแนนเสียงเกินครึ่ง! 'จุรินทร์' หน.ปชป.คนใหม่ ลั่นหมดยุคฮีโร่โชว์เดียว-สร้างเอกภาพในพรรค
เผยผลลงคะแนนเลือกหน.พรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ 'จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์' ได้คะแนนเสียงมากสุด ทิ้งห่าง 'พีระพันธุ์ -กรณ์-อภิรักษ์ ' เจ้าตัวแสดงวิสัยทัศน์ ยืนยันหมดยุคซุปเปอร์ฮีโร่โชว์เดียว รวมทีมอเวนเจอร์สร้างความเป็นเอกภาพ กลับไปนั่งในหัวใจปชช.
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2562 ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ ได้มีการจัดประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีสาระที่สำคัญคือการประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แทนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งได้ลาออกจากตำแหน่งพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 24 มี.ค. และการเลือกกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดใหม่
โดยผลนับคะแนนเป็นทางการ จาก ส.ส.และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่ได้เป็น ส.ส. ปรากฎว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ได้คะแนนทั้งสิ้น 50.5995 เปอร์เซนต์ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ได้คะแนนทั้งสิ้น 37.216 เปอร์เซ็นต์ นายกรณ์ จาติกวณิช ได้คะแนนทั้งสิ้น 8.4881 และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน 3.6965 เปอร์เซ็นต์
สรุปผลคะแนน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ได้คะแนนมากสุด เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่
ทั้งนี้ ก่อนการลงมติเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ดังกล่าว ที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ได้มีมติให้ใช้ข้อบังคับโดยยึดหลักเกณฑ์การนับคะแนนนั้นจะนับคะแนนของผู้ที่เป็น ส.ส. ร้อยละ 70 และคะแนนของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่ได้เป็น ส.ส.อีกร้อยละ 30 โดยผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มี 4 คนได้แก่ 1.นายกรณ์ จาติกวณิช 2.นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน 3.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และ 4.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
เมื่อเข้าสู่กระบวนการลงคะแนนเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีองค์ประชุมทั้งสิ้น 309 คน แต่ขาดประชุม 18 คน จึงทำให้เหลือสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่มีสิทธิ์ลงคะแนน 291 คน ซึ่งรูปแบบการลงคะแนนเลือกตั้งเป็นการใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์ ได้ยืมมาจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จำนวน 60 เครื่อง ปิดหีบเลือกตั้งเมื่อเวลา 12.38 น.
สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้าที่จะมีการนับคะแนนดังกล่าวนั้น มีการเปิดโอกาสให้ผู้สมัครทั้ง 4 คนได้แสดงวิสัยทัศน์ คนละ 15 นาที
โดยนายอภิรักษ์ เป็นผู้เริ่มแสดงวิสัยทัศน์เป็นคนแรก ระบุว่า ผลการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ที่ผ่านมานั้น ต้องยอมรับว่าจุดเปลี่ยนของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งคนที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ 3.9 ล้านคน ที่ต้องการจะเลือกพรรคประชาธิปัตย์เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง และคนที่เคยสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์แต่จำใจต้องไปเลือกพรรคอื่น ก็เพราะอยากจะให้ทำเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นกับบ้านเมือง
"การเปลี่ยนแปลงพรรคประชาธิปัตย์ที่จำเป็นจะต้องให้เกิดขึ้นนั้น จะเป็นการมุ่งเน้นไปที่การใช้เทคโนโลยีสื่อสารสร้างความรับรู้ข้อมูลข่าวสาร รวมไปถึงการสร้างความเข้าใจให้กับกลุ่มคนรุ่นต่างๆ รวมไปถึงคนรุ่นที่เป็นผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเป็นครั้งแรก เพื่อให้เขาได้มีความรู้และเข้าใจในพรรคประชาธิปัตย์มากขึ้น และเพื่อสร้างเครือข่ายในกลุ่มต่างๆ อาทิ ที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เคยสร้างกลุ่มยุวชนพรรคประชาธิปัตย์หรือกลุ่ม New Dem ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงจนกระทั่งบรรลุวัตถุประสงค์สำคัญก็คือการกลับมาชนะเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง"
ขณะที่นายจุรินทร์ กล่าวว่า "ถ้าหากมีโอกาสได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ความเปลี่ยนแปลงนั้นจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน โดยจะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบมีวุฒิภาวะ ซึ่งก็คือการรักษาสิ่งที่ดีเอาไว้และแก้ไขสิ่งที่ไม่ดี อาทิ อุดมการณ์พรรคว่าจะรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ต้องรักษาความซื่อสัตย์เอาไว้ สิ่งนี้จะต้องไม่เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่ต้องเปลี่ยนก็คือ วิสัยทัศน์ นโยบายที่จะต้องเท่าทันโลก และจะต้องเปลี่ยนแปลงพรรคประชาธิปัตย์ให้มีการใช้ระบบ Big Data และระบบปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอเข้ามาใช้ระบบการทำงานด้วย"
"ที่ผ่านมานั้นเป็นยุคซุปเปอร์ฮีโร่ สิ่งนี้ต้องเปลี่ยนได้แล้ว ฮีโร่ต่างๆของพรรคประชาธิปัตย์ต้องมาร่วมแรงร่วมใจกันทำงานพัฒนาทั้งนายกรณ์ นายอภิรักษ์ นายพีระพันธุ์ เพื่อให้รวมซุปเปอร์ฮีโร่ กลายเป็นทีมอเวนเจอร์พรรคประชาธิปัตย์ และเพื่อสร้างความเป็นเอกภาพในพรรคประชาธิปัตย์ให้เกิดขึ้นจนกระทั่งกลับไปนั่งในหัวใจประชาชนได้อีกครั้งหนึ่ง"
ส่วนนายพีระพันธุ์ กล่าวว่า "ที่ผ่านมามีคนมาถามเสมอว่าถ้าหากได้เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะทำอย่างไร ตรงนี้ขอตอบว่าผมจะไม่มีการรับตำแหน่งในรัฐบาลโดยเด็ดขาด แต่อย่างไรก็ตาม ในพรรคประชาธิปัตย์นั้นก็มีคนอยู่หลายคนที่สามารถทำหน้าที่เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมืองต่อไปได้ ดังนั้น การทำงานของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้ก็จะต้องมีการผลักดันสมาชิกพรรคแต่ละคนที่มีความสามารถ ถ้าหากเขาอยากจะทำงานเพื่อบ้านเมืองในตำแหน่งไหน ก็ต้องให้เขาได้มีโอกาสเข้ามาทำตรงนี้"
ขณะที่ นายกรณ์ กล่าวว่า "ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา จากการพูดคุยกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์แต่ละคน พบว่าแต่ละคนมีความกังวลต่ออนาคตของพรรคประชาธิปัตย์ แต่อย่างไรก็ตามต้องขอย้ำว่าความคิดเห็นที่แตกต่างของพรรคประชาธิปัตย์นั้นเป็นเรื่องปกติ แต่มันก็ไม่เคยทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องถูกแบ่งแยกและแบ่งพรรคแบ่งพวกกันแต่อย่างใด สำหรับเป้าหมายของผมในการทำงานเพื่อพรรคประชาธิปัตย์นั้นชัดเจนแล้วว่าต้องการจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นทางเลือกหลักของประชาชน และนำไปสู่การชนะการเลือกตั้งให้ได้ ซึ่งวันนี้โหวตแชร์ของทางพรรคประชาธิปัตย์นั้นอยู่ที่ 10 เปอร์เซ็นต์ สิ่งที่สำคัญก็คือจะทำอย่างไร ให้โหวตแชร์ตัวนี้เพิ่มเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ให้ได้"
"คำถามว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไปทางไหนก็แล้วแต่ จะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ก็ตาม สิ่งที่จะต้องยึดหลักการมุ่งเน้นประโยชน์ของประชาชน และอีกประเด็นที่จะต้องปฏิรูปและเปลี่ยนแปลงก็คือรูปแบบการสื่อสารของทางพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจะต้องมีความชัดเจนมากขึ้น ว่าต่อจากนี้ใครจะพูดในประเด็นอะไรบ้าง เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจในทิศทางการสื่อสารพรรคประชาธิปัตย์มากขึ้นว่าจะเป็นไปอย่างไร"
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/