- Home
- Isranews
- ธีระชัย ส่งจม.ถึงหัวหน้า คสช. เปิดเผยข้อมูล ม.44 ยืดชำระเงินค่าประมูลคลื่น -ช่วยทีวีดิจิทัล
ธีระชัย ส่งจม.ถึงหัวหน้า คสช. เปิดเผยข้อมูล ม.44 ยืดชำระเงินค่าประมูลคลื่น -ช่วยทีวีดิจิทัล
การที่รัฐยินยอมให้ผู้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลคืนใบอนุญาตได้ โดยไม่มีบทลงโทษ และยังอาจมีโอกาสได้รับค่าชดเชย รวมทั้งการยกเว้นค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่างๆ ทำให้ประโยชน์ไปเกิดแก่ภาคเอกชน โดยผู้ที่เสียประโยชน์คือประเทศและประชาชนส่วนรวม อีกทั้งอาจเป็นการเลือกปฏิบัติเทียบกับธุรกิจประเภทอื่น
วันที่ 14 เมษายน นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทำจดหมายเปิดผนึกถึงหัวหน้า คสช. ขอให้เปิดเผยข้อมูลประกอบการพิจารณาสำหรับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 4/2562
ใจความของจดหมาย ระบุว่า
ตามที่ท่านได้ลงนามในคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 4/2562 เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม นั้น ข้าพเจ้าเห็นว่า มีประเด็นที่จะต้องมีการดำเนินการเพื่อให้คำสั่งดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมายบางประการ ดังนี้
ข้อ 1. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
1.1 ข้าพเจ้าขอเรียนว่า ในทางกฎหมาย อำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) นั้น ไม่เท่ากันใน 3 ช่วงเวลา กล่าวคือ
(ก) ในช่วงที่หนึ่ง นับแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 คสช. เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ออกคำสั่งประการใดมีผลบังคับเด็ดขาด เป็นผลจากอำนาจที่รองรับโดยคำวินิจฉัยของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเป็นบรรทัดฐานไว้
(ข) ในช่วงที่สอง หลังจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 มีผลใช้บังคับ อำนาจ คสช. เป็นไปตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวนั้น และการใช้อำนาจก่อนหน้าได้รับการรับรองโดยรัฐธรรมนูญว่าเป็นการชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
(ค) ในช่วงที่สาม หลังจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มีผลใช้บังคับ อำนาจของ คสช. เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญรับรอง และต้องใช้ตามเงื่อนไขในมาตรา 44 ด้วย
ทั้งนี้ เมื่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มีผลใช้บังคับแล้ว การใช้อำนาจตามมาตรา 44 รัฐธรรมนูญไม่มีบทนิรโทษกรรมไว้ล่วงหน้าดังนั้นการใช้อำนาจ จึงต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ซึ่งแม้ใช้อำนาจได้ แต่จะใช้โดยผิดกฎหมาย โดยไม่ชอบ หรือโดยไม่สุจริต หรือโดยทุจริตไม่ได้
1.2 เงื่อนไขในมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 อนุญาตแต่เพียงต่อไปนี้
(ก) เป็นการจําเป็นเพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปในด้านต่างๆ
(ข) เป็นการส่งเสริมความสามัคคีและความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ
หรือ (ค) เพื่อป้องกัน ระงับ หรือปราบปรามการกระทําอันเป็นการบ่อนทําลายความสงบเรียบร้อย หรือความมั่นคงของชาติ ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร
1.3 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ยังมีข้อบัญญัติเพื่อธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศหลายประการ เช่น มาตรา 3 รัฐจะต้องปฏิบัติตามหลักนิติธรรม , มาตรา 26 การตรากฎหมายที่จำกัดสิทธิจะต้องไม่ขัดหลักนิติธรรม , มาตรา 27 รัฐจะต้องไม่เลือกปฏิบัติต่อบุคคล , มาตรา 62 รัฐจะต้องรักษาวินัยการเงินการคลัง และมาตรา 164 (1) รัฐจะต้องบริหารเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม
นอกจากนี้ ยังได้บัญญัติให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบรัฐ เช่น มาตรา 59 รัฐจะต้องเปิดเผยข้อมูลที่มิใช่ความลับของทางราชการ และมาตรา 78 รัฐพึงส่งเสริมการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ และการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ
ข้อ 2. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 4/2562 มีเงื่อนไขที่อาจเป็นการรอนสิทธิประโยชน์ของประชาชน และไม่ปรากฏว่ามีการกำหนดเงื่อนไขที่คุ้มครองหรือชดเชยประโยชน์ของประชาชน
2.1 คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 4/2562 มีเงื่อนไขบางประการที่อาจเป็นการจำกัดสิทธิด้วยการรอนสิทธิประโยชน์ของประชาชน ได้แก่
2.1.1 ข้อ 5 ซึ่งกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตชำระเงินประมูลคลื่นความถี่ต่อไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในคำสั่งหรือประกาศ และ ข้อ 6 ซึ่งกำหนดว่า ผู้รับใบอนุญาตรายใดไม่สามารถชำระเงินประมูลคลื่นความถี่ตามข้อ 5 ได้ ให้ผู้รับใบอนุญาตรายนั้นแจ้งเป็นหนังสือไปยังสำนักงาน กสทช. ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ เพื่อขอแบ่งชำระเงินประมูลคลื่นความถี่ต่อไป และกำหนดอีกว่า ให้สำนักงาน กสทช. พิจารณาแบ่งชำระเงินจากเงินประมูลคลื่นความถี่ทั้งหมดที่ผู้รับใบอนุญาตต้องชำระออกเป็นสิบงวด ปีละงวด งวดละเท่า ๆ กัน โดยให้ปีที่ผู้รับใบอนุญาตประมูลคลื่นความถี่ได้ตามคำสั่งหรือประกาศเริ่มนับเป็นงวดแรก และเมื่อสำนักงาน กสทช. พิจารณาแบ่งเงินประมูลคลื่นความถี่ที่ต้องชำระในแต่ละงวดได้แล้ว ให้ผู้รับใบอนุญาตชำระเงินประมูลคลื่นความถี่ตามงวดดังกล่าวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป สำหรับงวดที่ต้องชำระในปี พ.ศ.2563 ให้ชำระรวมกับเงินชดเชยของงวดที่ผ่านมาด้วย นั้น
การที่รัฐยินยอมให้ผู้รับใบอนุญาตประมูลคลื่นความถี่ สามารถขอเลื่อนกำหนดเวลาการชำระได้ ทำให้ประโยชน์ไปเกิดแก่ภาคเอกชน โดยผู้ที่เสียประโยชน์คือประเทศและประชาชนส่วนรวม อีกทั้งอาจเป็นการเลือกปฏิบัติเทียบกับธุรกิจประเภทอื่น
2.1.2 ข้อ 10 ซึ่งกำหนดว่า ผู้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล รายใดประสงค์จะคืนใบอนุญาตที่ได้รับตามประกาศ ให้แจ้งเป็นหนังสือไปยังสำนักงาน กสทช. ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ และให้สำนักงาน กสทช. พิจารณากำหนดค่าชดเชยให้แก่ผู้รับใบอนุญาตดังกล่าว โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ที่ผู้รับใบอนุญาตได้รับในระหว่างที่ได้มีการประกอบกิจการ และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ที่ได้มีการชำระแล้ว ในขณะที่ ข้อ 12 ซึ่งกำหนดด้วยว่า ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเรียกคืนคลื่นความถี่ตามคำสั่งนี้ ให้ได้รับการทดแทน ชดใช้ หรือจ่ายค่าตอบแทน ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่สำนักงาน กสทช. กำหนด ดังนี้
(1) ผู้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล (1.1) ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ที่ต้องชำระงวดสุดท้ายของราคาขั้นต่ำ หรือราคาเริ่มต้น และสองงวดสุดท้ายของราคาที่เกินกว่าราคาขั้นต่ำ หรือราคาเริ่มต้นตามประกาศ และให้ดำเนินกําร ดังนี้ (ก) ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตรายใดยังไม่ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่จนถึงงวดที่ได้รับยกเว้นตาม (1.1) ให้ผู้รับใบอนุญาตรายนั้นชำระค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้ครบถ้วนจนถึงงวดที่ได้รับยกเว้นตาม(1.1) โดยให้ชำระภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ (ข) ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตรายใดชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ไว้เกินไปจากงวดที่ได้รับยกเว้นตาม(1.1) ผู้รับใบอนุญาตรายนั้นได้รับเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวคืน (1.2) ค่าใช้จ่ายในการเช่าใช้โครงข่ายโทรทัศน์ประเภทที่ใช้คลื่นความถี่ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล(MUX) ตลอดระยะเวลาการได้รับอนุญาตการให้บริการโทรทัศน์ดิจิตอลที่เหลืออยู่ โดยให้เริ่มมีผลภายหลังจากสิ้นสุดมาตรการบรรเทาผลกระทบตามข้อ 8 วรรคหนึ่ง ของคำสั่งหัวหน้ําคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 9/2561 เรื่อง มาตรการบรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์ และกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์
ทั้งนี้ การสนับสนุนดังกล่าวให้สำนักงาน กสทช. จ่ายให้แก่ผู้รับใบอนุญาตให้บริการโครงข่ายเพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ตามจำนวนที่เกิดขึ้นจริงที่คู่สัญญาตกลงกัน ซึ่งจะต้องไม่เกินอัตราที่ กสทช. ให้ความเห็นชอบ (2) ผู้รับใบอนุญาตให้บริการโครงข่าย และผู้รับใบอนุญาตให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ให้ได้รับการทดแทน ชดใช้ หรือจ่ายค่าตอบแทน จากผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยตรงจากการเรียกคืนคลื่นความถี่เท่ากับค่าใช้จ่ายจากการปรับปรุงหรือปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ โดยมีการระบุในวรรคสองว่า โครงข่ายโทรทัศน์ หรือค่าผลกระทบโดยตรงที่ผู้ให้บริการโครงข่ายได้รับจากการปรับเปลี่ยนการให้บริการตามเงื่อนไขการอนุญาตให้บริการโครงข่าย ทั้งนี้ จะต้องเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง นั้น
การที่รัฐยินยอมให้ผู้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลคืนใบอนุญาตได้ โดยไม่มีบทลงโทษ และยังอาจมีโอกาสได้รับค่าชดเชยอีกด้วย รวมทั้งการยกเว้นค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่างๆ ทำให้ประโยชน์ไปเกิดแก่ภาคเอกชน โดยผู้ที่เสียประโยชน์คือประเทศและประชาชนส่วนรวม อีกทั้งอาจเป็นการเลือกปฏิบัติเทียบกับธุรกิจประเภทอื่น
2.2 ข้อ 8 ซึ่งกำหนดให้สำนักงาน กสทช. ดำเนินการจัดสรรคลื่นความถี่ที่มีการเรียกคืนตามข้อ 11 สำหรับใช้ในกิจการโทรคมนาคม โดยพิจารณาจัดสรรคลื่นความถี่ให้แก่ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ ย่าน 890-915 MHz/935-960 MHz ก่อน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่สำนักงาน กสทช. กำหนด โดยมิให้นำความในมาตรา 45 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 มาใช้บังคับ โดยกำหนดอีกว่า ในกรณีที่ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 890-915 MHz/935-960 MHz ไม่ประสงค์จะขอรับการจัดสรรคลื่นความถี่ตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าเป็นการผิดเงื่อนไขและให้ผู้ได้รับใบอนุญาตชำระเงินประมูลคลื่นความถี่ในงวดที่เหลือตามข้อ 5 ให้ครบถ้วน และให้สำนักงาน กสทช. จัดให้มีการประมูลคลื่นความถี่ดังกล่าวโดยวิธีการประมูลคลื่นความถี่ต่อไป นั้น
การที่รัฐยินยอมให้ผู้รับใบอนุญาตประมูลคลื่นความถี่ สามารถขอเลื่อนกำหนดเวลาการชำระได้ แต่ในทางกลับกัน ในการกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตประมูลคลื่นความถี่จะต้องผูกพันแสดงประสงค์จะขอรับการจัดสรรคลื่นความถี่ โดยที่มิได้มีการกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับข้อผูกพันที่จะต้องให้ประโยชน์แก่รัฐเป็นอัตราขั้นต่ำทำให้ประโยชน์ไปเกิดแก่ภาคเอกชน โดยผู้ที่เสียประโยชน์คือประเทศและประชาชนส่วนรวม อีกทั้งอาจเป็นการเลือกปฏิบัติเทียบกับธุรกิจประเภทอื่น
ข้อ 3. ปัจจัยที่อาจะเกิดจากการกระทำของสำนักงาน กสทช.
กรณีที่ผู้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลคืนใบอนุญาตได้ ถ้าหากเกิดขึ้นสืบเนื่องจากภาคเอกชนอ้างความผิดพลาดจากการกระทำใดๆ ของสำนักงาน กสทช. นั้น รัฐมีความจำเป็นต้องทำการสอบสวนเพื่อหาผู้รับผิดชอบ และทำการลงโทษเสียก่อน
ข้อ 4. ควรเปิดเผยข้อมูลเพื่อให้ประชาชนสามารถทำการตรวจสอบ
เพื่อเอื้ออำนวยให้ประชาชนสามารถทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ และการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ตามมาตรา 78 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ข้าพเจ้าขอเรียกร้องให้ท่านสั่งการให้ส่วนงานต่างๆ เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ ดังต่อไปนี้
4.1 ผู้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลมีการอ้างความผิดพลาดจากการกระทำของสำนักงาน กสทช. หรือไม่ และรัฐได้ทำการสอบสวนเพื่อหาผู้รับผิดชอบ และทำการลงโทษ หรือไม่ อย่างไร
4.2 ผลประโยชน์ที่ผู้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลแต่ละรายจะได้รับ เปรียบเทียบกับผลประโยชน์ที่ประเทศและประชาชนส่วนรวมจะได้รับ หรือจะขาดไป มีมูลค่าเปรียบเทียบกันอย่างไร เพื่อประชาชนจะใช้พิจารณาว่าเข้าลักษณะของมาตรา 44 (ก) เป็นการจําเป็นเพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปในด้านต่างๆ (ข) เป็นการส่งเสริมความสามัคคีและความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ หรือ (ค) เพื่อป้องกัน ระงับ หรือปราบปรามการกระทําอันเป็นการบ่อนทําลายความสงบเรียบร้อย หรือความมั่นคงของชาติ ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน หรือไม่ อย่างไร
4.3 ผลประโยชน์ที่ผู้รับใบอนุญาตประมูลคลื่นความถี่แต่ละรายจะได้รับ เปรียบเทียบกับผลประโยชน์ที่ประเทศและประชาชนส่วนรวมจะได้รับ หรือจะขาดไป มีมูลค่าเปรียบเทียบกันอย่างไร เพื่อประชาชนจะใช้พิจารณาว่าเข้าลักษณะของมาตรา 44 (ก) เป็นการจําเป็นเพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปในด้านต่างๆ (ข) เป็นการส่งเสริมความสามัคคีและความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ หรือ (ค) เพื่อป้องกัน ระงับ หรือปราบปรามการกระทําอันเป็นการบ่อนทําลายความสงบเรียบร้อย หรือความมั่นคงของชาติ ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน หรือไม่ อย่างไร
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาว่าการกระทำโดยบุคคลที่เกี่ยวข้องถูกต้องตามหลักของกฎหมายและหลักธรรมาภิบาลหรือไม่
ที่มาภาพ:www.thaipost.net