ป.ป.ช.สอบรวยผิดปกติ ผอ.ทางหลวงชนบทนราธิวาส ซื้อสดคอนโด 5 ล.-เจ้าตัวยันใช้เงินครอบครัว
ป.ป.ช. สอบเพิ่มรวยผิดปกติ ผอ.แขวงทางหลวงชนบทนราธิวาส หอบเงินสด 5 ล้านผ่าน ‘น้าสาว’ ซื้อคอนโดหรูย่านบางเขน กทม. พฤติการณ์ได้มาซึ่งทรัพย์สินโดยมิชอบ เจ้าตัวยันเป็นเงินจากครอบครัวธุรกิจปล่อยกู้นอกระบบ-ซื้อขายที่ดิน
จากกรณีเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2560 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดนายสถาพัฒน์ สุทธิศักดิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทนราธิวาส กับพวกรวม 7 ราย ร่วมกันกระทำการทุจริต โดยการจัดทำเอกสารการจัดจ้างก่อสร้าง การตรวจรับงาน กรณีอนุมัติและการเบิกจ่ายเงินในโครงการก่อสร้างประตูรั้ว และป้ายแขวงทางหลวงชนบทนราธิวาสอันเป็นเท็จ ทั้งที่การก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จตามสัญญา ปรากฎเป็นคดีหมายเลขแดงที่ 052-2-5/2560 นั้น
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวในสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ว่า ภายหลังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลนายสถาพัฒน์ กับพวกคดีดังกล่าวแล้ว เรื่องได้มาถึงการพิจารณาในชั้นอัยการแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของ อสส.
แหล่งข่าว ระบุอีกว่า ต่อมาในระหว่างการพิจารณาในชั้นอัยการนั้น สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ไต่สวนข้อมูลเพิ่มเติมจนปรากฎข้อเท็จจริงว่า นายสถาพัฒน์ ได้นำเงินสดจำนวน 5 ล้านบาท ไปซื้อคอนโดมิเนียมหรู บริเวณเขตบางเขน กทม. โดยให้ ‘น้าสาว’ คนหนึ่งถือกรรมสิทธิ์แทน สำนักงาน ป.ป.ช. จึงเชื่อว่าเป็นพฤติการณ์ที่เข้าข่ายการได้มาซึ่งทรัพย์สินโดยมิชอบ และปกปิด ซ่อนเร้นข้อเท็จจริง และเพื่อพิสูจน์ที่มาของเงินสด 5 ล้านบาทที่นำมาซื้อคอนโดมีเนียมหรูดังกล่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติให้อธิบดีกรมที่ดิน ยึดอายัดคอนโดนมีเนียมหรูดังกล่าวไว้เป็นการชั่วคราวในระหว่างการไต่สวนต่อไป
เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2562 นายสถาพัฒน์ สุทธิศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงกรณีนี้ว่า ได้รับหนังสือจาก ป.ป.ช. ให้ชี้แจงกรณีนี้แล้ว โดยเงินสดที่นำไปซื้อคอนโดมีเนียมดังกล่าว เป็นเงินที่ได้มาจาก 2 ส่วนคือ เงินกู้นอกระบบที่เป็นธุรกิจของครอบครัวที่บ้าน อีกส่วนคือเงินจากธุรกิจการซื้อขายที่ดินที่บ้านเช่นเดียวกัน ไม่เกี่ยวกับเงินที่ได้มาจากคดีที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดไปแล้ว
นายสถาพัฒน์ ระบุอีกว่า ที่มาที่ไปของเงินสด 5 ล้านบาทดังกล่าว เกิดจากช่วงต้นปี 2558 ตนพยายามหาซื้อที่ดินบริเวณ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยติดต่อผ่านนายหน้า นายหน้าให้วางเงินมัดจำ 1-2 ล้านบาท แต่ตนต้องทำงาน ไม่สะดวก เลยฝากเงินไว้กับรุ่นน้องคนหนึ่งที่เป็นผู้รับเหมา ให้ช่วยดำเนินการแทน จำนวนเงินไม่ถึง 5 ล้านบาท แต่เป็นเงินเพื่อไว้วางมัดจำการซื้อขายที่ดิน แต่สุดท้ายดีลไม่สำเร็จ เงินก้อนนั้นก็ค้างอยู่ ตนจึงพยายามหาซื้อที่ดินแปลงอื่น ๆ ต่อ แต่ก็ไม่สำเร็จจนกระทั่งเปลี่ยนใจ หลังจากนั้นเมื่อปลายปี 2558 จึงเรียกคืนเงินจากลูกหนี้บางส่วนเพื่อรวมกับก้อนแรกประมาณ 5 ล้านบาท จึงไหว้วานให้รุ่นน้องคนดังกล่าวไปซื้อเช็คดราฟท์ เพื่อนำเงินไปซื้อคอนโดมีเนียม โดยความเห็นของครอบครัวตรงกันว่า ควรซื้อคอนโดมีเนียมที่ติดรถไฟฟ้า ไว้ทำกำไรก่อน
ส่วนกรณี ‘น้าสาว’ นั้น นายสถาพัฒน์ ระบุว่า เป็นการบริหารจัดการภายในครอบครัว แม่ต้องการให้น้าได้ค่านายหน้า โดยให้ไปติดต่อผ่านหน่วยงานราชการ เพื่อโอน อย่างไรก็ดีขณะนั้นทั้งแม่และน้ามีปัญหาเรื่องสุขภาพ ตนเลยรับมอบอำนาจไปดำเนินการแทน
นายสถาพัฒน์ ระบุด้วยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างหาพยานหลักฐานเพื่อนำไปชี้แจงกับ ป.ป.ช. แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า หลักฐานบัญชีรับจ่ายเกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบนั้น ครอบครัวได้ปล่อยกู้ใน 3 จังหวัด จังหวัดแรกเรียกเงินคืนจากลูกหนี้ที่กู้ไประหว่างปี 2552-2554 บางส่วนเท่าที่เขาคืนได้ และ ป.ป.ช. สามารถเรียกลูกหนี้ที่คืนเงินมาสอบถามได้ ส่วนอีก 2 จังหวัดนั้นหาหลักฐานยากหน่อย เป็นผลพวงจากนโยบายปราบปรามการปล่อยเงินกู้นอกระบบของรัฐบาลชุดนี้ ขณะที่เงินอีกก้อนที่จะได้จากธุรกิจการซื้อขายที่ดินนั้น กำลังหาหลักฐานอยู่เช่นกัน แต่โฉนดได้เปลี่ยนมือไปหลายคนแล้ว จึงยังอยู่ระหว่างดำเนินการ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/