ไทม์ไลน์ 1 เดือน ทษช.จาก‘บิ๊กเซอร์ไพรส์’ ว่าที่นายกฯถึงศาล รธน.วินิจฉัย-ร่วงหรือไปต่อ?

เขียนวันที่

วันพฤหัสบดี ที่ 07 มีนาคม 2562 เวลา 11:28 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

Isranews | รายงาน-สกู๊ป | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา | เกาะติดเลือกตั้ง 2562

Tags

ย้อนไทม์ไลน์ 1 เดือนปรากฎการณ์เสนอแคนดิเดตนายกฯแบบ ‘บิ๊กเซอร์ไพรส์’ ก่อนนำไปสู่การพิจารณาของ กกต. ยื่นคำร้องยุบพรรค ทษช. ศาล รธน. นัดอ่านคำวินิจฉัย 7 มี.ค. จะร่วง หรือได้ไปต่อ ?

PIC sanrtn 7 3 62 1

อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ จะทราบกันแล้วว่า สถานะพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช) จะร่วง หรือได้ไปต่อ ?

ในเวลา 13.30 น. วันที่ 7 มี.ค. 2562 ศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ ก่อนลงมติในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งคำร้องขอให้วินิจฉัยยุบพรรค ทษช. ข้อหากระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หลังจากนั้นเวลา 15.00 น. จึงอ่านคำวินิจฉัยคดีดังกล่าวให้พรรค ทษช. และประชาชนทั่วไปรับทราบ (อ่านประกอบ : 7 มี.ค.ศาล รธน.นัดฟังคำวินิจฉัยคดียุบพรรค ทษช.เหตุมีพยานหลักฐานเพียงพอแล้ว)

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ มีระยะเวลาประมาณ 1 เดือนเท่านั้น ?

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เกิดอะไรขึ้นบ้าง สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปให้ทราบ ดังนี้

@ปรากฎการณ์ ‘บิ๊กเซอร์ไพรส์’ แคนดิเดตนายกฯ ทษช.

เมื่อเวลาประมาณ 09.10 น. วันที่ 8 ก.พ. 2562 ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค และคณะ เดินทางมาที่สำนักงาน กกต. เพื่อเสนอรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หลังจากเกิดกระแสข่าวลือสะพัดในสังคมเป็นเวลา 2-3 วันก่อนหน้านี้ถึง ‘บิ๊กเซอร์ไพรส์’ ในแคนดิเดตนายกฯของพรรค

อย่างที่ทราบกันแล้วว่า ในวันดังกล่าว ทษช. เสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค โดยนายปรีชาพล ระบุเหตุผลว่า กรรมการบริหารพรรคเห็นพ้องต้องกันว่าทูลกระหม่อมฯเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ เป็นชื่อที่มีความเหมาะสมที่สุด จากนั้นจึงได้ติดต่อและประสาน โดยทูลกระหม่อมฯได้มีพระเมตตาตอบรับและยินยอมให้พวกเรา ทษช. เสนอชื่อท่าน เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบเป็นนายกฯในนาม ทษช. ในรายละเอียดคงไม่เหมาะสมที่เราจะไปพูดแทนท่าน ท่านทำงานเพื่อสังคมมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นโครงการทูบีนัมเบอร์วัน ช่วยเหลือเยาวชนให้ห่างไกลยาเสพติด หรือการที่พระองค์เป็นผู้แทนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา ท่านได้เดินทางทั้งในและต่างประเทศ ทำให้เห็นถึงความเดือดร้อนและปัญหาของประชาชน วันนี้จึงถือว่าเป็นพระเมตา ที่ท่านได้เสียสละและเมตตาลงมาทำงานให้กับพี่น้องประชาชน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านให้เกียรติตอบรับเป็นบัญชีนายกฯของ ทษช. (อ่านประกอบ : ฟังเหตุผล หัวหน้า ทษช. เสนอพระนาม 'ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ' เป็นนายกฯ, ทษช. เสนอพระนาม 'ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ' บัญชีรายชื่อนายกฯ-บิ๊กตู่ตอบรับ พปชร.)

วันเดียวกัน พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเช่นเดียวกัน

@‘ไพบูลย์’รุดร้อง กกต. วินิจฉัยปม ทษช. เสนอแคนดิเดตนายกฯ

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ยื่นคำร้องให้ กกต. วินิจฉัยกรณีเสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ เนื่องจากทรงเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันพระมหากษัตริย์ หากนำพระนามไปใช้หาเสียงอาจ เข้าข่ายขัดต่อระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่า ด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้าม ในการหาเสียงเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 หมวด 4 ลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ข้อ 17 (อ่านประกอบ : ‘ไพบูลย์’ยื่น กกต.วินิจฉัย ทษช.เสนอพระนาม'ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ' แคนดิเดตนายกฯ)

@สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชโองการออกประกาศสถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

เมื่อเวลาประมาณ 22.40 น. วันเดียวกัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ออกประกาศสถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตอนหนึ่งระบุว่า การนำสมาชิกชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์มาเกี่ยวข้องกับระบบการเมือง ไม่ว่าจะโดยทางใดก็ตาม จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อโบราณราชประเพณี ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมของชาติ ถือเป็นการกระทำที่มิบังควร ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ดังนั้นพระราชินี พระรัชทายาท และพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ จึงอยู่ในหลักการเกี่ยวกับการดำรงอยู่เหนือการเมือง และความเป็นกลางทางการเมืองของพระมหากษัตริย์ด้วย และไม่สามารถดำรงตำแหน่งใดๆ ในทางการเมืองได้ เพราะจะเป็นการขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (อ่านประกอบ : พระราชโองการฯพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ทรงอยู่เหนือการเมือง-นำเกี่ยวข้องขัดราชประเพณี- รธน.)

@ทษช. ออกแถลงการณ์น้อมรับพระราชโองการไว้ด้วยความจงรักภักดี

ช่วงเช้า เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2562 พรรคไทยรักษาชาติขอน้อมรับพระราชโองการข้างต้นไว้ด้วยความจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ทุกพระองค์ โดยพรรคไทยรักษาชาติซาบซึ้งในพระเมตตาของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล ที่ได้ให้ความเมตตาต่อพรรคฯ พรรคไทยรักษาชาติจะขอทำหน้าที่ตามระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง กฎหมายการเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญ ด้วยความเคารพในขนบธรรมเนียมราชประเพณี และพร้อมที่จะดำเนินนโยบายเพื่อนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ประเทศไทย ด้วยความเคารพในการตัดสินใจของประชาชน ตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (อ่านประกอบ : ทษช.น้อมรับพระราชโองการสถาบันพระมหากษัตริย์ตามรธน.ด้วยความจงรักภักดี ร.10 -พระราชวงศ์)

@กกต.ใช้เวลา 5 วันยื่นคำร้องยุบ ทษช. ปฏิปักษ์ระบอบประชาธิปไตย

หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2562 กกต. ได้พิจารณาคำร้องของนายไพบูลย์ ต่อมาเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2562 กกต. ประกาศรับรองรายชื่อบุคคลที่ถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โดยไม่มีพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2562 กกต. ได้สรุป และส่งคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ กรณีกระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

@‘ปรีชาพล’ โผล่มาพรรคครั้งแรกในรอบ 4 วัน-น้อมรับพระราชโองการไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม

ช่วงเย็นเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2562 ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช ปรากฏตัวที่พรรค ทษช. ครั้งแรก หลังจากเกิดปรากฎการณ์ ‘บิ๊กเซอร์ไพรส์’ ดังกล่าว โดย ร.ท.ปรีชาพล ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า พวกเรากรรมการบริหารพรรค ทษช.ขอน้อมรับพระราชโองการไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ด้วยความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ทุกพระองค์ และที่ กกต.มีมติไม่ประกาศแคนดิเดตนายกฯของ ทษช. เมื่อกกต.มีมติมาแล้วเราก็ยอมรับมติกกต. จะไม่โต้แย้งใด ๆ เพราะเราได้แถลงน้อมรับพระราชโองการแล้ว หลังจากนี้ไปจะต้องเดินหน้าสู่สนามเลือกตั้ง หาเสียง โดยวันนี้ได้เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อวางแผนและกำหนดท่าทีในการหาเสียง

“เมื่อมีพระราชโองการลงมาแล้วเราทุกคนต้องน้อมรับ เพราะสิ่งที่อยู่เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมของเราทุกคนคือพระเจ้าอยู่หัวและสถาบันพระมหากษัตริย์” ร.ท.ปรีชาพล ระบุ (อ่านประกอบ : ‘ปรีชาพล’มาแล้ว! ยัน กกต.ไม่ประกาศชื่อแคนดิเดตนายกฯถือว่ายุติ-เดินหน้าเลือกตั้งต่อ)

@ศาล รธน.มติเอกฉันท์รับคำร้อง ใช้เวลา 2 สัปดาห์ก่อนนัดอ่านคำวินิจฉัย

เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2562 ศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เอกสารข่าวว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องของ กกต. ไว้ไต่สวน และจะมีการพิจารณานัดแรกในวันที่ 27 ก.พ. 2562

เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2562 ศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เอกสารข่าวว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้วเห็นว่า คดีมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัย จึงไม่ทำการไต่สวนตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง และกำหนดประเด็นที่ต้องพิจารณาวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดวันแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติในวันที่ 7 มี.ค. 2562 เวลา 13.30 น. และนัดอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังในวันเดียวกัน เวลา 15.00 น. ดังกล่าว

ท้ายที่สุดคำวินิจฉัยจะออกมาในแนวทางใด ต้องรอลุ้นกันในเวลา 15.00 น. วันนี้!

# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/