ใช้เวลาอนุมัติวันเดียว!เบื้องหลังศาลสั่งคุก2ปี ‘สุรพงษ์’คดีคืนพาสปอร์ต‘ทักษิณ’
ล้วงคำพิพากษาฉบับเต็มคดี ‘สุรพงษ์’ คืนพาสปอร์ต ‘ทักษิณ’ มิชอบ พบใช้เวลา 1 วันพิจารณาอนุมัติ ไม่ตรวจสอบสถานะว่าเคยโดนหมายจับ เพิ่งมาให้สัมภาษณ์ยอมรับผ่านสื่อหลังสั่งการไปแล้ว 2 เดือน ข้ออ้าง ‘ทักษิณ’ ไม่ทำให้ไทยเสียหายฟังไม่ขึ้น ชี้ลดทอนความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย ก่อนศาลพิพากษาคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา
จากกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุกนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ 2 ปี ไม่รอลงอาญา คดีคืนหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมิชอบ (อ่านประกอบ : ศาลฎีกาฯสั่งคุกจริง2ปี!'สุรพงษ์'คืนพาสปอร์ต 'ทักษิณ' -ให้ประกันตัว 5 ล. ห้ามออกนอกปท.)
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำพิพากษาฉบับเต็มกรณีดังกล่าว สรุปข้อเท็จจริงคดีนี้ว่า นายสุรพงษ์ ในฐานะ รมว.ต่างประเทศ ให้กระทรวงการต่างประเทศคืนพาสปอร์ตให้กับนายทักษิณ โดยอ้างเหตุไม่มีฐานทางกฎหมายมารองรับ และอ้างว่าเป็นการเพิกถอนคำสั่งของกระทรวงการต่างประเทศเดิม (สมัยนายกษิต ภิรมย์ เป็น รมว.ต่างประเทศ) อย่างไรก็ดีข้อเท็จจริงปรากฏชัดอยู่แล้วว่านายทักษิณ ยังคงกระทำการอันกระทบกระเทือนต่อชื่อเสียงเกียรติภูมิของประเทศอย่างต่อเนื่อง ไม่มีท่าทีจะยุติ การสั่งการของนายสุรพงษ์ เป็นไปตามอำเภอใจ บิดเบือนข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เพื่อสนองความต้องการทางการเมืองของพรรคพวกตนเอง นอกจากนี้ในการหารือกับนายธีรกุล นิยม อดีตอธิบดีกรมการกุงศุล และข้าราชการระดับสูงในกระทรวงการต่างประเทศ นายสุรพงษ์จงใจไม่หยิบยกประเด็นที่นายทักษิณ มีหมายจับอื่นอีกหลายคดี และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ส่งมาให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาประกอบการออกพาสปอร์ตตามวิธีปฏิบัติทั่วไปขึ้นมาพิจารณา และนายสุรพงษ์ยังมีความเห็นว่า คดีทุจริตที่ดินรัชดาภิเษก ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
ความเห็นดังกล่าวขัดแย้งกับ นายธีรกุล นิยม อดีตอธิบดีกรมการกงสุล เบิกความว่า ไม่ทราบว่าเคยมีความเห็นในลักษณะดังกล่าว สำหรับทางปฏิบัติกรณีผู้ต้องหาหรือจำเลยหลบหนี และ สตช. ส่งหมายจับมาให้กระทรวงการต่างประเทศแล้ว กระทรวงการต่างประเทศจะนำชื่อบุคคลดังกล่าวบันทึกในฐานข้อมูลบัญชีรายชื่อบุคคลที่ต้องตรวจสอบก่อนออกพาสปอร์ต กรณีนายทักษิณ ก็เช่นเดียวกัน แต่กลับมีการออกหนังสือเดินทางให้กับนายทักษิณ โดยใช้เวลาเพียง 1 วัน นับแต่ยื่นคำร้อง แสดงว่าไม่ได้ตรวจสอบสถานะการออกหมายจับของนายทักษิณ น่าจะเกิดจากการสั่งของนายสุรพงษ์ ที่ให้ออกพาสปอร์ต โดยเลี่ยงว่าเป็นการสั่งในทางนโยบาย เพราะหากเป็นกรณีบุคคลทั่วไป กระทรวงการต่างประเทศจะไม่พิจารณาออกหนังสือเดินทางให้จนกว่าผู้ขอจะนำหลักฐานมาแสดงว่าพ้นจากการเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยตามหมายจับแล้ว นอกจากนี้ยังไม่พบว่า เคยมีผู้ที่มีหมายจับไปยื่นคำร้องต่อกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอพาสปอร์ตแล้วกระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือเดินทางให้โดยที่ยังมีหมายจับติดตัวอยู่ การดำเนินการดังกล่าวจึงเป็นไปตามคำสั่งที่มิชอบของนายสุรพงษ์
ตามทางไต่สวนยังพบอีกว่า ก่อนนายสุรพงษ์เข้าทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศ นายสุรพงษ์เคยพบกับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น เพื่อให้พิจารณาออกวีซ่าแก่นายทักษิณ เพื่อเข้าประเทศดังกล่าวได้ และนายสุรพงษ์ออกมายอมรับว่า มีการสั่งการให้ออกพาสปอร์ตให้นายทักษิณ ตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. 2554 และยังประกาศว่าจะคืนพาสปอร์ตให้นายทักษิณเป็นของขวัญวันคริสต์มาสหรือปีใหม่ ทั้ง ๆ ที่ นายสุรพงษ์มีบัญชาให้ออกพาสปอร์ตไปก่อนหน้านั้นแล้วเกือบ 2 เดือน
พฤติการณ์บ่งชี้ให้เห็นว่า มีการตระเตรียมการเพื่อออกพาสปอร์ตให้นายทักษิณตั้งแต่ชั้นรับคำร้องขอ ประชุมพิจารณาเสนอความเห็น และสั่งการเพื่อปลดรายชื่อออกจากบัญชีบุคคลที่ต้องตรวจสอบตามหมายจับของ สตช. และปลดล็อคในระบบคอมพิวเตอร์โดยปกปิดซ่อนเร้นเรื่อยมาอันเป็นการฝ่าฝืนต่อแนวทางปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 และฟังได้ว่ากระบวนการออกพาสปอร์ตให้นายทักษิณเป็นการกระทำโดยมิชอบ เพื่อให้นายทักษิณได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางต่างประเทศ อยู่ต่างประเทศโดยไม่ผิดกฎหมาย รับบาลไทยไม่อาจขอให้รัฐบาลประเทศนั้นขับออกจากประเทศ หรือส่งผู้ร้ายข้ามแดนอันเนื่องจากไม่มีพาสปอร์ตได้ ทั้ง ๆ ที่ความจริงนายทักษิณ ไม่มีสิทธิได้รับพาสปอร์ต
การที่นายสุรพงษ์มีบัญชาโดยอ้างนโยบายของรัฐบาลที่ไม่มีอยู่จริง และไม่ปรากฏว่าคณะรัฐมนตรีได้เข้ามารู้เห็นเกี่ยวข้อง ส่งผลโดยตรงให้กระทรวงการต่างประเทศออกพาสปอร์ตคืนให้นายทักษิณ เท่ากับว่า นายสุรพงษ์ ในฐานะ รมว.ต่างประเทศ กระทำการสนับสนุนช่วยเหลือนายทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และหลบหนีหมายจับในคดีข้อหาความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ ส่วนที่นายสุรพงษ์ อ้างว่า การกระทำของนายทักษิณขณะนั้น ไม่ได้ทำให้ประเทศไทยเสียหาย หรือการริบพาสปอร์ตสมัยนายกษิต ภิรมย์ เป็น รมว.ต่างประเทศ ทำโดยมิชอบ ล้วนฟังไม่ขึ้น
ข้อเท็จจริงรับฟังได้โดยปราศจากข้อควรสงสัยว่า นายสุรพงษ์ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และเป็ฯเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 นายสุรพงษ์มีความผิดตามฟ้อง องค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมากพิพากษาจำคุก 2 ปี และพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า การกระทำของนายสุรพงษ์มีเจตนาช่วยเหลือผู้ต้องโทษตามคำพิพากษาของศาลซึ่งหลบหนีให้สามารถเดินทางในต่างประเทศได้สะดวก และเป็นผลบั่นทอนความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย จึงไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษ
อ่านประกอบ :
‘สุรพงษ์’ไม่รอด! มติ สนช.ล้นหลาม 231 เสียงถอดถอนปมคืนพาสปอร์ต‘แม้ว’
‘สุรพงษ์’ไม่รอด! ป.ป.ช.ฟันอาญาปมคืนพาสปอร์ต‘ทักษิณ’-ส่ง สนช.ถอด
“สุรพงษ์-ปู”งานเข้า! ป.ป.ช.จ่อแจ้งข้อหาปมคืนพาสปอร์ต“ทักษิณ”มิ.ย.นี้
พลิกปูมปฏิบัติการเด็ดปีก“ทักษิณ”จาก “คตส.-รบ.มาร์ค”ก่อนสำเร็จยุค“บิ๊กตู่”
ก.ต่างประเทศยกเลิกพาสปอร์ต'ทักษิณ'เหตุคำสัมภาษณ์กระทบมั่นคงชาติ