'คณิต ณ นคร' กับหมายเรียกตัวเป็นพยานคดีหมิ่นฯ ซื้อขายตำแหน่งใน สตช.
"...ข้อกฎหมายดังกล่าวมานั้น เป็นเรื่องของความเห็นทางกฎหมายของข้าพเจ้า หาใช่ข้อเท็จจริงที่ข้าพเจ้าหรือพยานคนใดจักต้องตอบคําถามขององค์กรใด ๆ ในกระบวนการ ยุติธรรมไม่ ในทางคดีแล้ว ในคดีที่มีการกล่าวหากันไม่ว่าในคดีใด ๆ เมื่อเป็นปัญหา ข้อกฎหมาย อย่างในคดีนี้ กรณีย่อมตกเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จักต้องมี ความเห็นในข้อกฎหมายด้วยตนเองจึงจะชอบด้วยหลักการของกฎหมาย..."
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org :เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) โดยพ.ต.ท. เมธี เลาหะเมธี สารวัตร สอบสวน ปฏิบัติราชการแทนผู้กํากับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ลงนามออกเอกสารหมายเรียก นายคณิต ณ นคร อดีตประธานกรรมการปฏิรูปกฎหมายให้เข้ามาเป็นพยาน
ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการที่ พ.ต.ท.อุทัย เหล่าศิล กับพวก ร้องทุกข์มอบคดีต่อพนักงานสอบสวนให้ดําเนินคดีกับ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ผู้ต้องหา ในความผิดฐาน “หมิ่นประมาท และความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วย การกระทําผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
โดยที่ไปที่มาของคดีนี้นั้นมาจากการพบแชทในแอพพลิเคชั่นไลน์ ระบุว่ามี พล.อ. เข้าไปเกี่ยวข้องการซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อช่วงต้นเดือน ก.พ. 2559 ทางด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จึงได้สั่งการให้มีการสืบสวนสอบสวนข้อความดังกล่าวจนพบว่า มีการกระทำความผิดจริง จึงได้มอบให้พนักงานสอบสวนของ ปอท. รับไปดำเนินคดี
ต่อมาพนักงานสอบสวนได้แจ้งสิทธิ พฤติการณ์การกระทําผิดและข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบ โดยผู้ต้องหาได้อ้างนายคณิตให้มาเป็นพยานในคดีดังกล่าว จึงขอให้นายคณิตมาพบกับ พ.ต.ท.เมธี ตามหมายเรียกในวันที่ 18 ก.ย.
สำหรับเอกสารประกอบในหมายเรียกนั้นยังมีหนังสือที่นายคณิตได้นำเรียนตอบกลับไปยัง พ.ต.ท.เมธี จากกรณีที่ พ.ต.ท.เมธีได้ออกหมายเรียกให้นายคณิตเข้ามาพบกับพนักงานสอบสวนในฐานะพยานมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2560 แต่นายคณิตได้ปฏิเสธที่จะพบเจ้าพนักงานสอบสวนในฐานะพยานในวันดังกล่าว พร้อมทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริง โดยมีใจความสำคัญ ดังนี้
“ตามหมายเรียกที่อ้างถึง ท่าน (พ.ต.ท.เมธี)ได้ขอให้ข้าพเจ้า(นายคณิต)มาพบท่าน ในวันที่ 11 เมษายน 2560 เวลา 10.30 น. ด้วยเหตุผลว่า พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป ผู้ต้องหา ได้ร้อง ขอให้ท่านในฐานะพนักงานสอบสวน ทําการสอบปากคําของข้าพเจ้าในคดีอาญา ระหว่าง พ.ต.ท. อุทัย เหล่าสิล กับพวกผู้กล่าวหา พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป ผู้ต้องหา ความละเอียดแจ้งแล้วนั้น
โดยหนังสือฉบับนี้ข้าพเจ้าใคร่ขอเรียนท่านว่า ข้าพเจ้าเข้าใจว่าการที่ผู้ต้องหา ร้องขอดังกล่าวต่อท่านนั้น คงจะเป็นเพราะผู้ต้องหาได้อ่านหนังสือ “กฎหมายอาญาภาคความผิด" ของข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าได้มีความเห็นในข้อกฎหมายเกี่ยวกับความผิดฐานหมิ่น ประมาท ความว่า
ความผิดฐานหมิ่นประมาทเป็นความผิดที่กระทําต่อ "เกียรติ” ซึ่งเป็น "คุณธรรมทางกฎหมาย” ของความผิดฐานดังกล่าวนี้ "เกียรติ” เป็นเรื่องของ “มนุษย์ สํานักงานตํารวจแห่งชาติเป็น “นิติบุคคล” หาทรง “เกียรติ” ไม่
(กรุณาดู ศาสตราจารย์ ดร. คณิต ณ นคร กฎหมายอาญาภาคความผิด พิมพ์ ครั้งที่ 11 สํานักพิมพ์วิญญชน กันยายน 2559 หน้า 250 เป็นต้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หน้า 243)
ซึ่งข้อกฎหมายดังกล่าวมานั้น เป็นเรื่องของความเห็นทางกฎหมายของข้าพเจ้า หาใช่ข้อเท็จจริงที่ข้าพเจ้าหรือพยานคนใดจักต้องตอบคําถามขององค์กรใด ๆ ในกระบวนการ ยุติธรรมไม่
ในทางคดีแล้ว ในคดีที่มีการกล่าวหากันไม่ว่าในคดีใด ๆ เมื่อเป็นปัญหา ข้อกฎหมาย อย่างในคดีนี้ กรณีย่อมตกเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จักต้องมี ความเห็นในข้อกฎหมายด้วยตนเองจึงจะชอบด้วยหลักการของกฎหมาย
ข้าพเจ้าต้องขอโทษที่ต้องกล่าวเช่นนั้น และในวันดังกล่าวข้าพเจ้ามีภารกิจที่ จะต้องไปต่างจังหวัด กรณีจึงไม่อาจมาพบท่านได้ ซึ่งข้อนี้ข้าพเจ้าได้เรียนทางโทรศัพท์ให้ท่าน ทราบแล้วเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2560 และท่านได้บอกกับข้าพเจ้าว่า ท่านยินดีจะไปพบ ข้าพเจ้าที่บ้านของข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติที่ท่านกรุณาให้เกียรติแก่ข้าพเจ้า ซึ่งเราจะ ได้นัดหมายกันอีกครั้ง
อนึ่ง ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นผู้สอนกฎหมายในสถาบันการศึกษากฎหมายหลาย แห่ง เช่น คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเคยสอนที่สํานักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภาด้วย แม้โรงเรียนนายร้อยตํารวจ ข้าพเจ้าก็เคยมาสอนเช่นเดียวกัน แต่ก็นานมาแล้ว
ดังนั้น การเผยแพร่ความรู้จึงเป็นภารกิจของข้าพเจ้าอย่างหนึ่ง ด้วยเหตุผล ดังกล่าว ข้าพเจ้าจึงใคร่ขออนุญาตจากท่านโดยขอส่งหนังสือ “อาชีพพนักงานอัยการและ การปฏิรูปองค์กรอัยการ” และหนังสือ “คู่มือประชาชน : สิทธิของข้าพเจ้าในคดีอาญา” มาพร้อมหนังสือนี้อย่างละ 2 เล่ม โดยขอมอบให้ท่าน อย่างละ 1 เล่ม และมอบให้ห้องสมุด สํานักงานตํารวจแห่งชาติอีกอย่างละ 1 เล่ม
ข้าพเจ้าต้องขอโทษท่านที่ต้องกระทําเช่นนี้ ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านและ ข้าราชการตํารวจทั้งหลายจะเข้าใจเจตนาของข้าพเจ้าที่กระทํานี้
และข้าพเจ้าขอเรียนท่านต่อไปอีกว่า ข้าพเจ้ามีความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะ ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ดังนั้น หากท่านและข้าราชการตํารวจทั้งหลายจะได้ร่วมมือกับข้าพเจ้าในการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมของประเทศด้วยก็จักขอบพระคุณเป็น อย่างยิ่ง
อนึ่ง ในหนังสือ “อาชีพของพนักงานอัยการและการปฏิรูปองค์กรอัยการ” ที่ข้าพเจ้าส่งมาให้นี้ ท่านและข้าราชการตํารวจทั้งหลายจะพบข้อเขียนของ พล.ต.อ. วิสิษฐ เดชกุญชร รวมอยู่ด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และขอขอบพระคุณอีกครั้งหนึ่ง”